Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2025 จงรักเพื่อนมนุษย์ รักแม้กระทั่งศัตรู
  “แต่เรากล่าวกับท่านทั้งหลายที่กำลังฟังอยู่ว่า จงรักศัตรู จงทำดีต่อผู้ที่เกลียดชังท่าน จงอวยพรผู้ที่สาปแช่งท่าน จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่ทำร้ายท่าน ผู้ใดตบแก้มท่านข้างหนึ่ง จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาตบด้วย ผู้ใดเอาเสื้อคลุมของท่านไป จงปล่อยให้เขาเอาเสื้อยาวไปด้วย จงให้แก่ทุกคนที่ขอท่าน และอย่าทวงของของท่านคืนจากผู้ที่ได้แย่งไป ท่านอยากให้เขาทำต่อท่านอย่างไร ก็จงทำต่อเขาอย่างนั้นเถิด ถ้าท่านรักเฉพาะผู้ที่รักท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังรักผู้ที่รักเขาด้วย ถ้าท่านทำดีเฉพาะต่อผู้ที่ทำดีต่อท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังทำเช่นนั้นด้วย ถ้าท่านให้ยืมเงินโดยหวังจะได้คืน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าได้อย่างไร
  คนบาปก็ให้คนบาปด้วยกันยืมโดยหวังจะได้เงินคืนจำนวนเท่ากัน แต่ท่านจงรักศัตรู จงทำดีต่อเขา จงให้ยืมโดยไม่หวังอะไรกลับคืนแล้วบำเหน็จรางวัลของท่านจะใหญ่ยิ่ง ท่านจะเป็นบุตรของพระผู้สูงสุด เพราะพระองค์ทรงพระกรุณาต่อคนอกตัญญูและต่อคนชั่วร้าย
  จงเป็นผู้เมตตากรุณาดังที่พระบิดาของท่านทรงพระเมตตากรุณาเถิด อย่าตัดสินเขาแล้วพระเจ้าจะไม่ทรงตัดสินท่าน อย่ากล่าวโทษเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน จงให้อภัยเขาแล้วพระเจ้าจะทรงให้อภัยท่าน จงให้ แล้วพระเจ้าจะประทานแก่ท่าน ท่านจะได้รับเต็มสัดเต็มทะนานอัดแน่นจนล้น เพราะว่าท่านใช้ทะนานใดตวงให้เขา พระเจ้าก็จะทรงใช้ทะนานนั้นตวงตอบแทนให้ท่านด้วย”
(ลูกา 6:27-38)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2025 จงรักเพื่อนมนุษย์ รักแม้กระทั่งศัตรู
  “แต่เรากล่าวกับท่านทั้งหลายที่กำลังฟังอยู่ว่า จงรักศัตรู จงทำดีต่อผู้ที่เกลียดชังท่าน จงอวยพรผู้ที่สาปแช่งท่าน จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่ทำร้ายท่าน ผู้ใดตบแก้มท่านข้างหนึ่ง จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาตบด้วย ผู้ใดเอาเสื้อคลุมของท่านไป จงปล่อยให้เขาเอาเสื้อยาวไปด้วย จงให้แก่ทุกคนที่ขอท่าน และอย่าทวงของของท่านคืนจากผู้ที่ได้แย่งไป ท่านอยากให้เขาทำต่อท่านอย่างไร ก็จงทำต่อเขาอย่างนั้นเถิด ถ้าท่านรักเฉพาะผู้ที่รักท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังรักผู้ที่รักเขาด้วย ถ้าท่านทำดีเฉพาะต่อผู้ที่ทำดีต่อท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังทำเช่นนั้นด้วย ถ้าท่านให้ยืมเงินโดยหวังจะได้คืน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าได้อย่างไร
  คนบาปก็ให้คนบาปด้วยกันยืมโดยหวังจะได้เงินคืนจำนวนเท่ากัน แต่ท่านจงรักศัตรู จงทำดีต่อเขา จงให้ยืมโดยไม่หวังอะไรกลับคืนแล้วบำเหน็จรางวัลของท่านจะใหญ่ยิ่ง ท่านจะเป็นบุตรของพระผู้สูงสุด เพราะพระองค์ทรงพระกรุณาต่อคนอกตัญญูและต่อคนชั่วร้าย
  จงเป็นผู้เมตตากรุณาดังที่พระบิดาของท่านทรงพระเมตตากรุณาเถิด อย่าตัดสินเขาแล้วพระเจ้าจะไม่ทรงตัดสินท่าน อย่ากล่าวโทษเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน จงให้อภัยเขาแล้วพระเจ้าจะทรงให้อภัยท่าน จงให้ แล้วพระเจ้าจะประทานแก่ท่าน ท่านจะได้รับเต็มสัดเต็มทะนานอัดแน่นจนล้น เพราะว่าท่านใช้ทะนานใดตวงให้เขา พระเจ้าก็จะทรงใช้ทะนานนั้นตวงตอบแทนให้ท่านด้วย”
(ลูกา 6:27-38)
วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2566
วันเสาร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2566
วันศุกร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2566
วันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2566
ทำนองเพลงแห่งทูตสวรรค์
เมื่อนักบุญแอนโทนี่ มารีย์ คลาเรต(St. Anthony Mary Claret 1807-1870) ไปเยือนมาดริด เขาได้รู้จักกับ Viscountess of Jorbalan ผู้มีใจศรัทธา และเป็นสมาชิกของคณะนักบวชที่เรียกว่า Adoratrices วิสเคาน์เตสได้รับความโปรดปรานจากสวรรค์เป็นพิเศษ เนื่องจากเธอเปิดเผยต่อนักบุญแอนโทนี่ว่าเธอได้ยินทูตสวรรค์ร้องเพลง "Trisagion" ทุกวันเวลาบ่ายสี่โมงครึ่ง ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนก็ตาม นักบุญแอนโทนี่ขอให้เธอช่วยวอนขอต่อพระเยซูเจ้าเพื่อให้เขาได้ยินเสียงขับร้องเพลงของเหล่าทูตสวรรค์ในการสรรเสริญพระตรีเอกภาพด้วย วิสเคาน์เตสสวดภาวนาวอนขอตามความต้องการของนักบุญแอนโทนี่ และวันหนึ่งก่อนสี่โมงสามสิบเล็กน้อย นักบุญแอนโทนี่เข้าไปในห้องถัดจากห้องที่วิสเคาน์เตสทำงานอยู่ เวลาสี่โมงครึ่งพวกเขาทั้งสองก็มีความยินดีในการได้ยินเสียงขับร้องทำนองประสานของทูตสวรรค์ซึ่งกล่าวซ้ำว่า: "ศักดิ์สิทธิ์ บริสุทธิ์ พระเจ้าจอมโยธา! ท้องฟ้าและแผ่นดินเต็มไปด้วยสิริโรจนาของพระองค์ พระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระบิดา พระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระบุตร ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระจิตเทอญ!" หลังจากนั้นก็กลายเป็นประเพณีที่นักบวชในคณะ Adoratrices ที่จะขับร้องเพลงสรรเสริญ Trisagion ทุกวันตอนบ่ายสี่โมงครึ่ง ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม และเพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับสิทธิพิเศษที่หาได้ยากนี้,นักบุญแอนโทนี มารีย์ คลาเรต์ได้สวดภาวนาทุกวันเพื่อเป็นเกียรติแก่พระตรีเอกภาพ
Source: Angels and Devils
วันพุธที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2566
สาส์นแม่พระ 25 เม.ย.2023
ลูกที่รักทั้งหลาย
แม่ขอให้ลูกทุกคนเป็นผู้นำพาสันติภาพและความชื่นชมยินดีของพระเยซูผู้ทรงกลับฟื้นคืนพระชนม์ไปสู่คนเหล่านั้นที่ยังอยู่ห่างไกลจากการสวดภาวนา เพื่อที่โดยอาศัยชีวิตของพวกลูก,ความรักของพระเยซูจะได้เปลี่ยนแปลงพวกเขาไปสู่ชีวิตใหม่แห่งการกลับใจและความศักดิ์สิทธิ์
ขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่
วันอังคารที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2566
นิมิตของพระสันตะปาปาเลโอที่ 13
ปีศาจได้พูดโอ้อวดต่อพระเจ้าว่ามันสามารถทำลายพระศาสนจักรได้หากได้รับเวลาและพลังอำนาจมากกว่านี้
>>>อ่านต่อ
วันจันทร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2566
สาเหตุที่ทำให้ตกนรก
วิญญาณของนายแพทย์ผู้หนึ่งแห่งมหาวิทยาลัยปารีสได้ปรากฏตัวต่อพระสังฆราชแห่งสถานที่นั้น และเขาบอกพระสังฆราชด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าว่าเขาถูกสาปแช่งแล้ว พระสังฆราชถามเขาว่าอะไรที่ทำให้เขาตกนรก ชายผู้น่าสังเวชตอบว่า เขารู้เพียงสามสิ่งคือ: 1. เขาถูกสาปแช่งชั่วนิรันดร์ 2. คำพิพากษานั้นไม่สามารถเพิกถอนได้ 3. เพื่อความสุขของโลกและความสุขฝ่ายร่างกายทำให้เขาถูกสาปแช่งชั่วนิรันดร์: แล้วเขาถามพระสังฆราชว่า "โลกยังมีอยู่หรือไม่?" "ทำไมรึ?" พระสังฆราชถาม "เพราะ" เขากล่าว "ในช่วงเวลาเหล่านี้วิญญาณจำนวนมากตกนรก ทำให้ผมคิดว่าคนจำนวนมากไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้"
-นักบุญอิกนาเชียสแห่งโลโยลา,วิธีฝึกปฏิบัติจิต
#Catholic 4 Life
วันอาทิตย์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2566
วันเสาร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2566
เยาวชนและลัทธิบูชาซาตาน
"เรากำลังเป็นพยานโดยไม่รู้ตัวมากขึ้นเรื่อยๆของสาส์นลึกลับที่เพิ่มขึ้นและลัทธิบูชาซาตานที่กำลังแพร่กระจาย”
>>>อ่านต่อ
วันศุกร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2566
ความสุภาพเรียบร้อย(modesty)
ที่การาบังดัล,แม่พระทรงเตือนบรรดาเด็กผู้หญิงถึงความสำคัญของความสุภาพเรียบร้อย(modesty) พระนางทรงสอนว่า พวกเขาทำเช่นนี้ได้ในหลายวิธีโดย: 1) การแต่งกายที่ถูกต้อง; 2) แสดงกิริยาที่ถูกต้อง; และ 3) ไม่สวมเครื่องประดับหรือใช้เครื่องสำอาง (ไม่เหมาะสมกับเด็กสาว) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเด็กๆมาหาพระนาง
ในหนังสือ She Went in Haste to the Mountain คุณพ่อยูเซบิโอ การ์เซีย เด เปสเกรา(Father Eusebio Garcia de Pesquera)กล่าวถึงหัวข้อนี้ว่า "ใช่แล้ว,กิริยาของพวกเขาเหมาะสมที่สุด,แม้ว่าเราควรคำนึงถึงธรรมเนียมและรูปแบบการแต่งกายที่แพร่หลายในบ้านและสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบของพวกเขา เด็กหญิงจากการาบังดัลแต่งกายเหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่นๆในเวลาและพื้นที่นั้น ด้วยเหตุนี้,พวกเธอจึงสวมกระโปรงสั้นเป็นบางครั้ง
"พระแม่มารีย์เรียกร้องความสนใจของพวกเขาในเรื่องนี้ด้วยความละเอียดอ่อนของมารดา เด็กหญิงทั้งสามคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้านตามคำร้องขอของพระนางเพื่อเปลี่ยนชุดที่พวกเขาสวมใส่ให้ยาวขึ้น ได้ยินคอนชิตาพูดในระหว่างที่อยู่ในญาณว่า 'เราควรจะสวมชุดยาวแบบนี้เสมอ เพื่อมาหาท่าน''
โดย Barry Hanratty: “ GARABANDAL JOURNAL: กรกฎาคม-สิงหาคม 2003
วันพฤหัสบดีที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2566
แม่พระตรัสเกี่ยวกับความถ่อมตน
ความถ่อมตน — สิ่งนี้ถูกแสดงออกโดยเด็กๆที่เห็นแม่พระในการาบังดัลในหลายๆทาง เช่น ในการแต่งกาย,การพูดของพวกเขา โดยสิ่งเล็กๆน้อยๆที่พวกเขาทำเพื่อผู้คนที่มาหาพวกเขา โดยงานต่ำต้อยที่พวกเขาทำต่อหน้าทุกคนโดยอ่อนน้อมต่อคำแนะนำของผู้ปกครองและพระสงฆ์ ฯลฯ”
ในหลายโอกาส,พระแม่มารีย์ทรงกำชับเด็กๆว่า เมื่อพวกเขามาหาพวกลูก ลูกไม่ควรสวมสร้อยข้อมือหรือต่างหู เด็กคนเดียวที่มีนิสัยชอบใส่ต่างหูคือคอนชิต้า แต่ครั้งหนึ่งขณะที่เธออยู่ในญาณบริเวณประตูโบสถ์ มีคนได้ยินเธอพูดถามว่า “หนูทำอะไรไม่ดีหรือคะ? โอ,ดีค่ะ! “ แล้วเธอก็กลับสู่สภาพปกติ เธอกลับไปที่บ้าน ถอดต่างหูและสร้อยข้อมือออก แล้วกลับไปที่ประตูโบสถ์อีกครั้ง และเธอเข้าอยู่ในญาณอีกครั้ง ผมเองสังเกตเห็นหลายครั้งว่าเมื่อพวกเขารู้สึกถึงการเรียกครั้งที่สาม พวกเขาเริ่มถอดแหวนหรือสร้อยข้อมือที่ถืออยู่ซึ่งไม่ใช่ของพวกเขาแต่เป็นของคนอื่นที่มอบให้เด็กผู้หญิงเพื่อตรวจสอบ
จากหนังสือ : “ SHE WENT IN HASTE TO THE MOUNTAIN” บทที่ 6, “The Works of the Mother and Teache” , หน้า 123
วันพุธที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2566
เสื้อจำพวกสีน้ำตาลป้องกันปีศาจ
ในปี 2005 พระสงฆ์ท่านหนึ่งบรรยายเกี่ยวกับการที่ลัทธิบูชาซาตานกำลังแพร่กระจายไปในโลก และการที่ผู้ใหญ่และเด็กถูกปีศาจเข้าสิงเนื่องจากการใช้สิ่งของต่างๆที่เกี่ยวข้องกับปีศาจ เช่น กระดานผีถ้วยแก้ว,การกล่าวคาถาเวทมนตร์ที่เปิดประตูให้กับปีศาจซึ่งมีอยู่ใน "หนังสืออ่านสำหรับเด็ก" เช่น หนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ และการไปหาหมอดู เป็นต้น เมื่อมีคนถามพระสงฆ์ท่านนั้นถึงวิธีป้องกันตัวจากปีศาจว่ามีวิธีใดบ้าง พระสงฆ์ตอบว่า ,"ขอให้ทุกคนสวมใส่เสื้อจำพวกสีน้ำตาล(Brown Scapular)ของพระแม่มารีย์แห่งภูเขาคาร์เมลเพื่อป้องกันคำสาปแช่งและปีศาจ"
เราจะสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมปีศาจจึงต่อต้านผู้ที่ส่งเสริมและสนับสนุนการสวมใส่เสื้อจำพวกสีน้ำตาลหลังจากได้ยินเรื่องราวของ Venerable Francis Ypes
วันหนึ่งเสื้อจำพวกสีน้ำตาลของ Venerable Francis Ypes หลุดออก และขณะที่เขากำลังสวมมันใหม่, ปีศาจก็ร้องโหยหวนว่า "เลิกสวมใส่เครื่องแบบที่พรากวิญญาณมากมายไปจากเราซะ!" จากนั้นและที่นั่นฟรานซิสทำให้ปีศาจยอมรับว่าสามสิ่งที่ปีศาจกลัวที่สุด ได้แก่ พระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า,พระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระนางมารีย์,และเสื้อจำพวกศักดิ์สิทธิ์แห่งคาร์เมล
ในรายการดังกล่าวนี้เราสามารถเพิ่ม: สายประคำศักดิ์สิทธิ์ไว้ด้วย
Source: Our Lady's Garment
The Brown Scapular: A Sign of Salvation and Protection
#Catholic 4 Life
วันอังคารที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2566
วันจันทร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2566
วันอาทิตย์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2566
วันเสาร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2566
อัครสาวกแห่งพระเมตตา
“เราไม่ต้องการลงโทษมนุษยชาติ แต่เราปรารถนาที่จะเยียวยารักษา,จงมาสัมผัสดวงหทัยที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาของเราเถิด”
>>>อ่านต่อ
วันศุกร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2566
วันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2566
น้อยคนจะได้เห็นพระเจ้า
วันที่ 23 1962 “น้อยคนจะได้เห็นพระเจ้า” การประจักษ์ที่การาบังดัล
(ข้อความจาก "คืนแห่งเสียงกรีดร้อง" ในวันที่ 19 และ 20) "แม่พระได้บอกกับพวกเราว่า:
“โลกยังคงเหมือนเดิม...ไม่เปลี่ยนแปลงเลย น้อยคนจะได้เห็นพระเจ้า มีน้อยมากจนทำให้พระแม่มารีย์ทรงเศร้าโศกเสียพระทัยมาก ช่างน่าสงสารที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง พระแม่มารีย์ทรงบอกเราว่าโทษทัณฑ์กำลังมายังโลกเพราะการที่เห็นว่าโลกไม่เปลี่ยนแปลง ถ้วยกำลังเต็มแล้ว พระแม่มารีย์ทรงเสียพระทัยยิ่งนัก พระนางไม่ให้เราเห็นโทษทัณฑ์ที่จะมาเพราะทรงรักเรามากและทรงยอมทนทุกข์อยู่พระองค์เดียว พระนางทรงดีจริงๆ จงเป็นคนดีเถิด,ทุกคนเลย,เพื่อที่พระนางพรหมจารีย์จะทรงมีความสุข พระนางทรงบอกเราว่า เราที่เป็นคนดีควรสวดภาวนาเพื่อคนไม่ดี ให้เราสวดภาวนาต่อพระเจ้าเพื่อโลก,เพื่อคนที่ไม่รู้จักพระองค์ จงเป็นคนดี...จงเป็นคนดีทุกคน"
มาเรีย(โลลิ)โดโลเรส,จาชินทา กอนซาเลส อายุ 13 ปี
นำมาจากหนังสือ “She went in haste to the Mountain” book 2 ,page 199
วันพุธที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2566
วันอังคารที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2566
การตรึงกางเขนในฟิลิปปินส์
ชาวฟิลิปปินส์แปดคนถูกตรึงไม้กางเขนเพื่อจำลองความทุกข์ทรมานของพระเยซูคริสต์เป็นประเพณีในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวฟิลิปปินส์ ในคนเหล่านี้มีคนหนึ่งที่เป็นช่างไม้,ผู้ซึ่งถูกตรึงกางเขนเป็นครั้งที่ 34 พร้อมทั้งคำอธิษฐานของเขาขอให้การรุกรานยูเครนของรัสเซียยุติลง เพราะทำให้ประชาชนชาวยูเครนที่น่าสงสารเช่นเดียวกับเขารู้สึกสิ้นหวัง
การตรึงกางเขนด้วยคนจริงๆกระทำในหมู่บ้านเกษตรกรรม San Pedro Cutud ในจังหวัด Pampanga ทางตอนเหนือของกรุงมะนิลา,ซึ่งหวนกลับมาทำอีกครั้งหลังจากหยุดชั่วคราวเป็นเวลา 3 ปีเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ชาวบ้านราว 12 คนได้ลงทะเบียนเป็นผู้ที่ถูกตรึงกางเขน แต่มีเพียง 8 คนเท่านั้นที่ปรากฏตัว รวมถึงช่างไม้วัย 62 ปีและจิตรกรป้ายชื่อ Ruben Enaje ผู้ซึ่งกรีดร้องขณะที่เขาถูกตอกตะปูตรึงไว้กับไม้กางเขนท่ามกลางฝูงชนจำนวนมากที่เฝ้าดูท่ามกลางความร้อนในฤดูร้อน
วันจันทร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2566
หลักฐานสมัยความแห้งแล้ง7ปีในอิยิปต์
The Famine Stela เป็นศิลาจารึกที่เขียนด้วยอักษรอียิปต์โบราณที่ตั้งอยู่บนเกาะ Sehel ในแม่น้ำไนล์ใกล้กับเมืองอัสวานในอียิปต์ ซึ่งบอกเล่าช่วงเวลาเจ็ดปีแห่งความแห้งแล้งและความอดอยากในรัชสมัยของฟาโรห์และโยเซฟได้แนะนำฟาโรห์ในการรับมือกับความแห้งแล้งนี้ไว้ล่วงหน้า ทำให้ฟาโรห์พอพระทัยมากจึงแต่งตั้งโยเซฟให้เป็นผู้ดูแลโครงการนี้ทั้งหมดและมีอำนาจรองจากฟาโรห์”
พิธีมิสซาในวันอาทิตย์ปัสกาที่วาติกัน พระสันตปาปาทรงอวยพรโลก
วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2566
สุขสันต์ปัสกาแด่ทุกท่าน
บทเทศน์ของนักบุญเกรกอรีเกี่ยวกับการกลับฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์
“ดังนั้น เนื่องจากพระผู้ไถ่ของเราได้ผ่านพ้นความตายของชีวิตปัจจุบัน ทูตสวรรค์ที่มาเพื่อประกาศการเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ของพระองค์,นั่งอยู่ทางด้านขวาและสวมอาภรณ์สีขาว. เพราะท่านกำลังประกาศความชื่นบานของการเฉลิมฉลองของเราในเวลานี้. เพราะความขาวของอาภรณ์ของท่านแสดงถึงความรุ่งโรจน์ของงานฉลองอันยิ่งใหญ่ของเรา เราควรพูดว่าของเราไม่ใช่ของท่าน? เพื่อเราจะได้พูดอย่างเต็มปากเต็มคำให้เราพูดว่ามันเป็นงานฉลองของเราและของพระองค์ สำหรับวันนี้,วันแห่งการกลับฟื้นคืนพระชนม์ของพระผู้ไถ่ของเรา,เป็นวันแห่งความปิติยินดีอย่างยิ่งของเราเช่นกัน เพราะมันได้ทำให้ความตายกลายเป็นความไม่รู้จักตาย เป็นวันแห่งความสุขของเหล่าทูตสวรรค์ด้วย เพราะเป็นการนำเรากลับคืนสู่สวรรค์ ทำให้จำนวนพลเมืองสวรรค์เต็มอีกครั้งในวันเทศกาลของเรานี้ และทูตสวรรค์ของพระองค์ก็ปรากฏมา,สวมอาภรณ์สีขาว เพราะพวกท่านชื่นชมยินดีที่พวกเราสามารถกลับเข้าสู่สวรรค์ได้แล้ว ความทุกข์จากการสูญเสียที่บนสวรรค์ของพวกท่านได้รับการบูรณะขึ้นแล้ว”
(นักบุญเกรกอรี,พระสันตะปาปา)
วันเสาร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2566
วันศุกร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2566
วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2566
วันพุธที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2566
เสื้อคลุมของพระสันตะปาปา
กล่าวกันว่าในปี 1947 คุณพ่อปีโอได้ทำนายพระสงฆ์หนุ่มวอยติยา ซึ่งก็คือพระสันตะปาปายอห์นปอลที่2ในอนาคตว่า เขาจะถูกลอบสังหาร “ท่านจะเห็นเสื้อคลุมสีขาวของท่านเปื้อนไปด้วยเลือด”
ในปี 1981 ได้มีความพยายามลอบสังหารพระสันตะปาปายอห์นปอลที่2 ขณะที่อยู่จัตุรัสนักบุญเปโตร โดยมือปืนอาลี อักกา
รูปภาพเสื้อคลุมของพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ที่ปรากฏรอยเลือดอยู่
วันอังคารที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2566
เศรษฐีกับลาซารัส
ชายยากจนผู้นั่งอยู่หน้าประตูเพื่อขอเศษอาหารจากงานเลี้ยงหรูหราของเศรษฐี เขาขาดแคลนทุกสิ่ง แต่เขามีชื่อว่า ลาซารัส ส่วนเศรษฐีที่จัดงานเลี้ยงทุกวันมีทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เขากลับไม่มีชื่อ นี่เป็นบทเรียนที่ดีสำหรับทุกคน มนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่เขามี แต่เป็นสิ่งที่เขาเป็น มันคือความตายที่กลายเป็นจุดจบของคำกริยา “มี” และจุดเริ่มต้นทั้งหมดของคำกริยา “เป็น” หากเราใช้ชีวิตทั้งชีวิตโดยลืมไปว่าเราเป็นใครและใช้ชีวิตเพียงเพื่อสิ่งที่เรามี ในที่สุดเราจะค้นพบว่าโดยพื้นฐานแล้วนรกคือการมีชีวิตอยู่โดยการยกเลิกกริยาของเราที่จะเป็น พระวรสารนำเราไปสู่มิติแห่งชีวิตหลังความตายและแสดงให้เราเห็นว่าแม้แต่การกล่าวโทษในนรกก็เปลี่ยนจิตใจของเศรษฐีไม่ได้ เขาวอนขออับราฮัมว่าลาซารัสสามารถมาหาเขาได้เพื่อที่ลาซารัสจะได้บรรเทาทุกข์ความทรมานของเขา เศรษฐีไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าลาซารัสเป็นบุคคลที่ควรรัก,ให้ความช่วยเหลือและไม่ใช่สิ่งของที่จะใช้สนองความต้องการ และนั่นเป็นประตูสำหรับเขาที่จะเข้าสู่ความพินาศนิรันดร!
วันจันทร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2566
นักบุญแองเจลา เมริชี
เมื่อนักบุญแองเจลา เมริชีอายุได้ 32 ปีและเป็นสตรีฆราวาส เธอได้รับนิมิตซึ่งเธอเห็นบันไดทอดขึ้นไปสู่สวรรค์และมีหญิงสาวและทูตสวรรค์จำนวนหนึ่งเดินขึ้นและลง หญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาหาเธอและพูดกับเธอว่า "รู้ไว้เถิด แองเจลา พระเยซูเจ้าทรงส่งนิมิตนี้มาสอนเธอว่าก่อนที่เธอจะตาย เธอจะพบกลุ่มหญิงสาวพรหมจารีย์เช่นนี้ในเบรสเซีย(Brescia) นี่คือพระประสงค์ของพระองค์ที่มีต่อเธอ" บรรดาสตรีที่มาเข้าร่วมกับแองเจลาในงานสอนคำสอนยังคงใช้ชีวิตอยู่ในบ้านของพวกเขา และไม่ต้องทำสัตย์ปฏิญาณ พวกเขาเพียงแต่มารวมตัวกันเพื่อสวดภาวนาและสอนหนังสือเท่านั้น หลังจากการเสียชีวิตของนักบุญแองเจลา,นักบุญชาร์ลส์ บอร์โรเมโอ,พระสังฆราชแห่งมิลาน,ได้จัดกลุ่มฆราวาสขึ้นใหม่เป็นองค์กรทางศาสนา ซึ่งในที่สุดได้พัฒนาเป็นคณะอุร์สุลิน ซึ่งเป็นคณะแรกในพระศาสนจักรที่อุทิศตนในการสอนหนังสือ
# Catholic 4 Life
วันอาทิตย์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2566
วันเสาร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2566
การทรมานกายเพื่อเอาชนะตนเอง
เราจึงต้องร่วมมือกับพระองค์ด้วยจิตใจอิสระในเรื่องคุณธรรมแห่งการทรมานกายเพื่อเอาชนะตนเองเพื่อให้ชีวิตฝ่ายจิตพัฒนาอย่างเต็มที่
>>>อ่านต่อ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)