พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2025 จงรักเพื่อนมนุษย์ รักแม้กระทั่งศัตรู

           “แต่เรากล่าวกับท่านทั้งหลายที่กำลังฟังอยู่ว่า จงรักศัตรู จงทำดีต่อผู้ที่เกลียดชังท่าน จงอวยพรผู้ที่สาปแช่งท่าน จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่ทำร้ายท่าน ผู้ใดตบแก้มท่านข้างหนึ่ง จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาตบด้วย ผู้ใดเอาเสื้อคลุมของท่านไป จงปล่อยให้เขาเอาเสื้อยาวไปด้วย จงให้แก่ทุกคนที่ขอท่าน และอย่าทวงของของท่านคืนจากผู้ที่ได้แย่งไป ท่านอยากให้เขาทำต่อท่านอย่างไร ก็จงทำต่อเขาอย่างนั้นเถิด ถ้าท่านรักเฉพาะผู้ที่รักท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังรักผู้ที่รักเขาด้วย ถ้าท่านทำดีเฉพาะต่อผู้ที่ทำดีต่อท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังทำเช่นนั้นด้วย ถ้าท่านให้ยืมเงินโดยหวังจะได้คืน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าได้อย่างไร
           คนบาปก็ให้คนบาปด้วยกันยืมโดยหวังจะได้เงินคืนจำนวนเท่ากัน แต่ท่านจงรักศัตรู จงทำดีต่อเขา จงให้ยืมโดยไม่หวังอะไรกลับคืนแล้วบำเหน็จรางวัลของท่านจะใหญ่ยิ่ง ท่านจะเป็นบุตรของพระผู้สูงสุด เพราะพระองค์ทรงพระกรุณาต่อคนอกตัญญูและต่อคนชั่วร้าย
           จงเป็นผู้เมตตากรุณาดังที่พระบิดาของท่านทรงพระเมตตากรุณาเถิด อย่าตัดสินเขาแล้วพระเจ้าจะไม่ทรงตัดสินท่าน อย่ากล่าวโทษเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน จงให้อภัยเขาแล้วพระเจ้าจะทรงให้อภัยท่าน จงให้ แล้วพระเจ้าจะประทานแก่ท่าน ท่านจะได้รับเต็มสัดเต็มทะนานอัดแน่นจนล้น เพราะว่าท่านใช้ทะนานใดตวงให้เขา พระเจ้าก็จะทรงใช้ทะนานนั้นตวงตอบแทนให้ท่านด้วย”
(ลูกา 6:27-38)








วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567

สวัสดีปีใหม่ 2025


ขอพระเจ้าทรงอวยพรท่านและพิทักษ์รักษาท่าน
ขอพระองค์ทรงสำแดงพระพักตร์แจ่มใสต่อท่านและโปรดปรานท่าน
ขอพระองค์ทรงผินพระพักตร์มายังท่านและประทานสันติแก่ท่านด้วยเทอญ

วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2567

ยังคงมีการสังหารทารกผู้วิมลอยู่


วันนี้เราฉลองทารกผู้วิมลและมรณะสักขี กษัตริย์เฮโรดได้รับข่าวจากพวกโหราจารย์ว่ามีกษัตริย์องค์ใหม่ของชาวยิวประสูติแล้ว เรื่องนี้ทำให้กษัตริย์ “วิตกกังวล” มาก เพราะพระองค์เข้าใจผิดทั้งหมด พระองค์คิดว่าพระกุมารเยซูเป็นผู้คุกคามอำนาจของพระองค์ และเนื่องจากโหราจารย์ไม่ยอมบอกกษัตริย์ถึงที่อยู่ของทารกที่เพิ่งเกิด เฮโรดจึงโกรธมาก เขาสั่งให้สังหารทารกผู้ชายทุกคนที่อายุตั้งแต่ 2 ขวบลงมาในบริเวณใกล้เบธเลเฮม

สองพันปีผ่านไปแล้วตั้งแต่การประสูติของพระกุมารเยซู และมนุษยชาติได้ก้าวหน้าทางวัตถุและเทคโนโลยีอย่างมากในช่วงเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงในด้านคุณธรรมแล้ว เราไม่มีความก้าวหน้าใดๆ เลย การดำเนินชีวิตอย่างมีคุณธรรมยังคงเป็นความท้าทายเช่นเดียวกับในสมัยของเฮโรด เรายังคงทำบาปต่อไปด้วยการสังหารผู้ที่ไม่สามารถส่งเสียงร้องและต่อสู้ในสงครามนับไม่ถ้วน เรายังคงสังหารทารกผู้บริสุทธิ์อยู่ 

ในแคนาดาเพียงประเทศเดียว เราสังหารทารกในครรภ์ประมาณ 100,000 รายทุกปี ซึ่งพวกเขาจะไม่มีวัน "ประกาศตนเป็นบุตรของพวกเขาได้ด้วยวาจา" ทารกในครรภ์จำนวนมากเกินไปจะไม่มีโอกาสประกาศความเชื่อของพวกเขาและแสดงพรสวรรค์ของตน เพราะพวกเขาถูกสังหารในครรภ์ 

เมื่อ 2,000 กว่าปีที่แล้ว และตอนนี้ และจะเป็นตลอดไป พระหรรษทานของพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถช่วยเราให้รอดพ้นจากการฆาตกรรม ความมืด และบาป ขอให้บรรดาทารกผู้วิมล,ผู้ศักดิ์สิทธิ์โปรดอธิษฐานเพื่อเราด้วย!

วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2567

วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2567

แม่พระแห่งเหรียญอัศจรรย์


“ใครก็ตามที่สวมเหรียญนี้หรือมีเหรียญนี้ติดตัว,จะได้รับพระหรรษทานที่ยิ่งใหญ่”
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2567

คุณพ่อ โดลินโด รูโอโตโล


คุณพ่อ โดลินโด รูโอโตโล(Don Dolindo Ruotolo 1882-1970) ได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 1970 ท่านเป็นพระสงฆ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ท่านมีประสบการณ์พิเศษกับพระเยซูเจ้าและแม่พระ คำว่า“Dolindo” หมายถึง “ความเจ็บปวด Pain” และท่านก็มีความเจ็บปวดอยู่เสมอ ท่านมีความอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างลึกซึ้ง ท่านเขียนจดหมายถึงบิชอป ฮนิลิกา(Bishop Hnilica)ในปี 1965 ว่ายอห์นคนใหม่จะลุกขึ้นจากโปแลนด์ด้วยก้าวเดินที่กล้าหาญเพื่อทำลายโซ่ตรวนที่อยู่เหนือขอบเขตที่กำหนดโดยระบอบเผด็จการคอมมิวนิสต์ ท่านเขียนจดหมายปลอบโยนสำหรับโปแลนด์และประเทศต่างๆ ที่ต้องทนทุกข์ทรมานภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์ คำพยากรณ์นี้เป็นจริงในสมัยของพระสันตปาปายอห์น ปอลที่ 2

ดอน โดลินโดบอกเราว่า: 
“ผู้ใดที่สวดภาวนาถือว่ามีอาวุธครบมือ เขาแข็งแกร่งและไม่อาจเอาชนะได้ เพราะการสวดภาวนาเพียงอย่างเดียวสามารถขัดขวางแผนการของมนุษย์และปีศาจทั้งหมดได้ และสามารถนำพระเจ้าไปสู่แผนการแห่งพระเมตตาใหม่ๆในความรักของพระองค์ การสวดภาวนาเป็นพลังที่น่าชื่นชมซึ่งมีหลายแง่มุม มีผลต่อจิตใจและร่างกาย มีผลต่อสิ่งมีชีวิตและต่อพระผู้สร้างเอง”

วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2567

สาส์นแม่พระ 25 ธ.ค. 2024

สาส์นแม่พระประทานแก่ มารีจา 25 ธ.ค. 2024
ลูกที่รักทั้งหลาย
         ลูกๆ ที่รัก สวดภาวนา สวดภาวนา สวดภาวนา เพื่อที่สันติภาพจะเริ่มครอบครองหัวใจของลูกทุกคนและมีชัยชนะเหนือความชั่วร้ายทุกอย่างและเหนือความไร้ซึ่งสันติภาพ
          ขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่           

วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2567

สุขสันติวันคริสต์มาสแด่ทุกท่าน


สุขสันติแด่ทุกท่านในวันนี้ 
จงเปรมปรีด์ยินดีกันถ้วนหน้า 
พระกุมารบังเกิดแล้วในโลกา
เราจงมาอภิวันท์เพร้อมกันทอญ



วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567

การเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์


เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมา “ดวงอาทิตย์จะมืดลงและดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง” (มธ 24:29) ความสว่างไสวของพระองค์จะยิ่งใหญ่จนดวงดาวที่สุกสว่างที่สุดต้องหรี่แสงลงต่อหน้าพระองค์ “เมื่อนั้นดวงดาวจะร่วงจากท้องฟ้า … และเครื่องหมายของบุตรแห่งมนุษย์จะปรากฏบนท้องฟ้า” ท่านเห็นอำนาจแห่งเครื่องหมายไม้กางเขนนี้หรือไม่? “ดวงอาทิตย์จะมืดลงและดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง” แต่ไม้กางเขนจะส่องแสงให้เห็นได้ชัดเจน เพื่อที่ท่านทั้งหลายจะได้รู้ว่าความสว่างไสวของไม้กางเขนนั้นยิ่งใหญ่กว่าดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เช่นเดียวกับทหารที่ยกธงประจำราชวงศ์ขึ้นบ่าเมื่อกษัตริย์เสด็จมาและแบกธงเหล่านี้ไว้ข้างหน้าพระองค์เพื่อประกาศการเสด็จมาของพระองค์ เช่นเดียวกัน,เหล่าทูตสวรรค์แบกธงประจำพระองค์ของพระคริสต์ไว้ข้างหน้าของพวกเขาเพื่อเตือนเราถึงการมาถึงของกษัตริย์,ผู้นั้นคือพระคริสต์เมื่อพระองค์เสด็จลงมาจากสวรรค์! อัลเลลูยา!”

~นักบุญจอห์น คริสอสตอม (ค.ศ. 347-407) นักปราชญ์แห่งพระศาสนจักร

วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2567

วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2567

การรับรู้สิ่งที่มาจากพระเจ้า


ประสบการณ์ของท่านกับพระเยซูเจ้า จะช่วยแนะนำเราให้รู้ถึงวิธีที่เราสามารถรู้ได้ว่าสิ่งเหล่านี้มาจากพระเจ้าหรือไม่
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2567

แม่พระร้องไห้แห่งซีราคิวส์


เมื่ออันโตเนียตตาและแองเจโล ลันนูโซแห่งเมืองซีราคิวส์ ประเทศอิตาลี แต่งงานกันในฤดูใบไม้ผลิปี 1953 ของขวัญแต่งงานชิ้นหนึ่งของพวกเขาคือรูปปั้นพระแม่มารีย์ขนาดเล็ก ความจริงที่ว่าพระรูปนี้ไม่ใช่ผลงานศิลปะ แต่ถูกผลิตเป็นจำนวนมากด้วยปูนปลาสเตอร์โดยโรงงานในซิซิลีและขายในราคาเพียง 3 ดอลลาร์ แต่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเจ้าสาววัย 20 ปีผู้นี้ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใด พระแม่มารีย์ก็คู่ควรแก่การเคารพบูชา

ไม่นานหลังจากแต่งงาน อันโตเนียตตาก็ตั้งครรภ์และเริ่มมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงและสูญเสียการมองเห็นชั่วคราว เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ระหว่างที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว อันโตเนียตตาได้มองไปที่พระแม่มารีย์ ใบหน้าของพระแม่มารีย์เต็มไปด้วยน้ำตา “มันเหลือเชื่อมาก มีอยู่ช่วงหนึ่งฉันคิดว่าตัวเองบ้าไปแล้ว พระนางเริ่มร้องไห้เหมือนเด็ก จากนั้นฉันก็เริ่มตะโกนว่า “La Madonnina piange [พระแม่มารีย์กำลังร้องไห้]!” แม่และน้องสะใภ้ของเธอพยายามปลอบโยนเธอเพราะคิดว่าแอนโตเนียตตาเริ่มเป็นโรคฮิสทีเรียด้วยความเจ็บปวด จากนั้นพวกเขาก็เห็นน้ำตาไหลจากพระรูปแม่พระด้วยเช่นกัน ไม่นานหลังจากที่เริ่มร้องไห้ อาการปวดหัวของแอนโตเนียตตาก็หยุดลง
เป็นเวลาสี่วัน มีฝูงชนจำนวนมากเดินผ่านอพาร์ตเมนต์ของตระกูลลันนูโซ ผู้เยี่ยมชมคนหนึ่งนำรูปปั้นลงมาจากผนังเพื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ผนังด้านหลังรูปปั้นแห้ง “ฉันคลายเกลียวรูปปั้นออกจากฐาน” เขากล่าว
“และเช็ดให้แห้งสนิท จากนั้นน้ำตาสองหยดก็เริ่มปรากฏขึ้นในดวงตาของพระแม่มารีย์ราวกับไข่มุก”
แม้ว่าพระรูปพระแม่มารีย์จะถูกนำไปยังสำนักงานตำรวจแล้ว การร้องไห้ก็ยังคงดำเนินต่อไปในปริมาณที่เพียงพอที่จะทำให้เครื่องแบบของตำรวจที่ถือพระรูปอยู่เปียกได้ การวิเคราะห์ทางเคมีแสดงให้เห็นว่าน้ำตานั้นคล้ายกับน้ำตาของมนุษย์ แต่ถ้าใครก็ตามที่ทุกข์ทรมานจากอาการที่ดูเหมือนจะรักษาไม่หาย เพียงแค่ใช้ผ้าชุบน้ำตามาเช็ดตัวก็อาจหายได้ ชายวัย 49 ปีที่มีแขนซ้ายพิการก็สามารถใช้แขนได้อีกครั้ง และหญิงสาววัย 18 ปีที่เคยพูดไม่ได้ก็เริ่มพูดได้
ปัจจุบันบ้านหลังเล็กบนถนน Via Deggli Orti 11 ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระแม่มารีย์ร้องไห้เป็นครั้งแรก ได้กลายเป็นห้องสวดภาวนาที่มักมีการประกอบพิธีมิสซา รูปเคารพนี้ประดิษฐานอยู่เหนือพระแท่นบูชาหลักของ Santuario Madonna Delle Lacrima ซึ่งสร้างขึ้นโดยเฉพาะเพื่อรองรับฝูงชนที่มารวมตัวกันเพื่อสวดภาวนาต่อหน้าพระรูปนี้
ทำไมพระแม่มารีย์จึงร้องไห้ มีทฤษฎีมากมายที่เตือนเราถึงน้ำตาที่พระแม่มารีย์หลั่งขณะที่อยู่เชิงไม้กางเขนและน้ำตาที่พระแม่มารีย์หลั่งที่ลาซาเล็ตต์ ในครั้งหนึ่งที่นักบุญแคทเธอรีน ลาบูเร เห็นนิมิตเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ. 1830 นักบุญแคทเธอรีนสังเกตเห็นว่าพระแม่มารีมีท่าทีเศร้าโศกและมีน้ำตาคลอเบ้า บางทีเราควรสวดภาวนาตามถ้อยคำที่พระสันตปาปาปิอุสที่ 12 ตรัสว่า ถ้าเพียงแต่ผู้คนจะเข้าใจในภาษาลึกลับของน้ำตา . . .

วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2567

อิสยาห์ประกาศกแห่งคริสต์มาส


อิสยาห์เป็นประกาศกแห่งคริสต์มาส ท่านทำนายถึงการบังเกิดของพระคริสต์มากยิ่งกว่าประกาศกองค์ใด

“ดูเถิด เรากำลังทำสิ่งใหม่ โดยแท้จริง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแล้ว ท่านไม่รู้ดอกหรือ?”อิสยาห์ 43:19

“ชนหลายชาติจะตกตะลึงเมื่อเห็นเขา บรรดากษัตริย์จะเงียบงันต่อหน้าเขา เพราจะทรงเห็นสิ่งที่ไม่มีใครบอก และจะเข้าใจสิ่งที่ไม่เคยได้ยิน”อิสยาห์ 52:15

“เราจะเทน้ำลงบนแผ่นดินที่กระหาย จะทำให้ลำธารไหลบนแผ่นดินที่แห้งแล้ง” อิสยาห์ 44:3

“ถิ่นทุรกันดารและแผ่นดินที่แห้งแล้วจงยินดีเถิด” อิสยาห์ 35:1

“และเขาจะพูดในวันนั้นว่า นี่คือพระเจ้าของเรา ผู้ซึ่งเราหวังว่าจะทรงช่วยเราให้รอดพ้น เราจงชื่นชมยินดีที่พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดพ้นเถิด” อิสยาห์ 25:9

“ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานเครื่องหมายให้ท่านด้วยพระองค์เอง หญิงสาวผู้หนึ่งจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย และนางจะเรียกเขาว่า “อิมมานูเอล” แปลว่า “พระเจ้าสถิตกับเรา”อิสยาห์ 7:14

“ประชากรที่เดินอยู่ในความมืดจะแลเห็นความสว่างอันยิ่งใหญ่ บรรดาผู้อาศัยในแผ่นดินมืดมิด ความสว่างส่องแสงมาเหนือเขา” อิสยาห์ 9

“เราจะจูงคนตาบอดให้เดินไปตามทางที่เขาไม่รู้จัก เราจะเปลี่ยนความมืดให้เป็นความสว่างต่อหน้าเขา” อิสยาห์ 42:16

“บรรดาทหารยามของท่านร้องเสียงดัง ร้องตะโกนพร้อมกันด้วยความยินดี เพราะเขาได้เห็นกับตาว่า พระยาห์เวห์เสด็จกลับสู่ศิโยน” อิสยาห์ 52:8

วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2567

พระสันตปาปารอดพ้นจากการลอบสังหารสองครั้ง


พระสันตะปาปาฟรังซิสระหว่างการเยือนอิรักในปี 2021

จาก The London Guardian:

พระสันตปาปาฟรานซิสตรัสว่าพระองค์รอดพ้นจากเหตุการณ์ระเบิดฆ่าตัวตายสองครั้งระหว่างการเยือนอิรักเมื่อ 3 ปีก่อน หลังจากความพยายามลอบสังหารพระองค์ถูกขัดขวางโดยหน่วยข่าวกรองอังกฤษและตำรวจอิรัก

พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเปิดเผยเรื่องนี้ในอัตชีวประวัติของพระองค์ที่จะออกในเร็วๆ นี้ชื่อ Spera (Hope) ซึ่งได้แบ่งปันข้อความบางส่วนกับสำนักข่าว Corriere della Sera ในวันอังคาร ซึ่งเป็นวันครบรอบวันเกิด 88 ปีของพระสันตปาปาฟรังซิส พระองค์ตรัสว่าพระองค์ได้รับคำแนะนำอย่างหนักแน่นไม่ให้เดินทางไปอิรักในเดือนมีนาคม 2021 ซึ่งเป็นครั้งแรก เนื่องจากโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดและมีความเสี่ยงสูงด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะในเมืองโมซุล เมืองทางตอนเหนือที่กองกำลังติดอาวุธรัฐอิสลามที่ทำลายล้าง ในการเล่าเหตุการณ์ของพระองค์ หน่วยข่าวกรองอังกฤษได้แจ้งตำรวจอิรักเกี่ยวกับแผนการวางระเบิดทันทีที่พระสันตปาปาฟรังซิสเสด็จมาถึงกรุงแบกแดด และตำรวจอิรักก็ได้แจ้งรายละเอียดเรื่องนี้แก่หน่วยรักษาความปลอดภัยของทางวาติกันด้วย

วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2567

เมื่อความตายมาถึง


ผู้ที่มอบความตายของตนแด่พระเจ้า ถือเป็นการกระทำแห่งความรักอันศักดิ์สิทธิ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งพวกเขาสามารถทำได้ เพราะด้วยการโอบรับความตายที่พระเจ้าพอพระทัยที่จะส่งมาด้วยความยินดี และในเวลาและวิธีการที่พระเจ้าส่งมา พวกเขาได้แสดงตนเสมือนเป็นมรณสักขีผู้ศักดิ์สิทธิ์

St. John Chrysostom

วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2567

บวชเป็นพระสงฆ์เมื่ออายุ 75


เขาเป็นนักวิชาการที่มีชื่อเสียงระดับโลกและศาสตราจารย์จากเคมบริดจ์ได้รับการบวชเป็นพระสงฆ์คาทอลิกที่อาสนวิหารเซนต์จอห์นในเมืองนอริชเมื่อวันที่ 21 กันยายน แม้ว่าจะมีอายุมากกว่าอายุเกษียณตามกำหนดไว้สำหรับพระสงฆ์ของสังฆมณฑลก็ตาม

 จอห์น มอร์ริลล์ วัย 78 ปี ซึ่งเคยเป็นสังฆานุกรมาเป็นเวลา 28 ปี ได้รับการบวชเป็นพระสงฆ์โดยบิชอปปีเตอร์ คอลลินส์ โดยมีพระสงฆ์, ครอบครัว, เพื่อน, นักศึกษาเก่า, และเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย250 คนร่วมในพิธีนี้ด้วย เว็บไซต์ของสังฆมณฑลอีสต์แองเกลียระบุว่า “ชายผู้นี้ได้ยินเสียงพระเจ้าเรียกเขาหลายครั้ง เขาเป็นคนที่ตอบรับการเรียกของพระเยซูอย่างเต็มใจในหลายๆวิธีตลอดชีวิตของเขา” บิชอปปีเตอร์กล่าวในการเทศน์ของท่าน พร้อมกับเน้นย้ำถึงบทบาทของภรรยาที่ล่วงลับไปแล้วของมอร์ริลล์ “ผู้ซึ่งเป็นครูคำสอนที่แท้จริงของเขาในความเชื่อคาทอลิก”

วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2567

พึงระวังความสนิทสนมอันเกินควร




อย่าเปิดเผยใจของท่านแก่ทุกคน แต่จงปรึกษาเรื่องของท่านกับผู้มีปรีชา และผู้ยำเกรงพระเจ้าเถิด. จงติดต่อกับคนหนุ่มสาวแต่นานๆ ครั้ง ทั้งคนนอก(=คนชาวโลก)ด้วย.

อย่าประจบคนรวย และอย่าชอบแสดงตัวต่อหน้าคนใหญ่คนโต. จงคบหาคนสุภาพ คนซื่อ คนศรัทธา และคนอยู่ในศีลสัตย์. จงสนทนากับเขาในเรื่องปลุกศรัทธา. อย่าสนิทสนมกับสตรีคนใดคนหนึ่ง แต่จงฝากฝังสุภาพสตรีคนดีทั่วๆ ไปไว้กับพระเจ้า. จงปรารถนาสนิทสนมเฉพาะกับองค์พระผู้เป็นเจ้า และทูตสวรรค์ของพระองค์.

จงหลีกเลี่ยงการหาวิธีให้มนุษย์มารู้จักตน.  

♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡

ความรัก เราต้องมีต่อทุกคน แต่ความสนิทสนมนั้น ไม่เหมาะสม. บางครั้ง อาจเกิดขึ้นได้ คนที่เราไม่รู้จัก ได้ยินแต่ชื่อเสียงของเขา เราก็นับถือเขา แต่ครั้นเขามาอยู่ต่อหน้า เรากลับคลายความนับถือ.  

บางครั้ง เราคิดว่า ถ้าเราไปติดต่อกับเขาบ่อยๆ เขาคงยินดี แต่เรื่องกลับตาลปัตร เขาเริ่มกระอักกระอ่วน เพราะสังเกตเห็นตำหนิในตัวเรา.  

โดย Thomas a Kempis:แปลโดย ผู้หว่าน  

วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2567

การเดินขบวน 200 วัน


มันเป็นคืนที่มืดมิด และผู้คนไม่สามารถหาทางกลับประเทศของตนได้อีกต่อไป
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2567

การเทศน์ของคุณพ่อบอสโก


ให้ข้อคิดว่า เราจะประยุกต์ใช้วิธีการของคุณพ่อบอสโกในเรื่องการเทศน์ได้อย่างไร?
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2567

วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2567

ความทรมานจากบาปแห่งลิ้น


พระสงฆ์โดมินิกันชื่อดูแรนด์(Durand) ซึ่งเป็นพระสงฆ์ที่ดีมาก เขาเข้ากับคนง่ายแต่พูดมากเกินไป เขาเป็นที่รู้จักในเรื่องอารมณ์ขันที่ขัดต่อความรัก และแม้ว่าอธิการของเขาจะตักเตือนเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขาก็ยังคงพูดตามความเคยชินจนถึงขนาดที่ขาดความรักต่อผู้ฟังและบางทีก็ต่อคนที่เขาล้อเล่นด้วย เขาแตกต่างอย่างมากจากลาคอร์แดร์(Lacordaire)แห่งโดมินิกันที่มีชื่อเสียงซึ่งพูดจาไพเราะ,พูดจาอย่างยุติธรรมและมีเหตุผลเสมอ (ภาพด้านบน) ดูแรนด์ซึ่งเป็นนักพรตโดมินิกันซึ่งเป็นคณะนักเทศน์,เขาอาจคิดว่าตนเองสามารถพูดได้มากเท่าที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องน่าเสียดายเพราะเขามักพูดจาโดยไม่ระวัง

หลังจากที่เขาเสียชีวิต เขาก็ปรากฏตัวต่อเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นนักบวชเหมือนกันและขอให้พวกเขาสวดภาวนาอุทิศแก่เขา หนังสือที่ฉันอ่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้ระบุว่านักบวชคนนั้นเป็นนักบวชหรือซิสเตอร์ ดูรันด์ถูกทรมานอย่างโหดร้ายในไฟชำระเพราะวิธีที่เขาทำให้คนอื่นทรมานด้วยการพูดจาเยาะเย้ยไม่หยุดหย่อน เมื่อในคณะโดมินิกันรับรู้ถึงความทุกข์ยากของดูรันด์ จึงพวกเขาทำพลีกรรมรักษาความเงียบเป็นเวลา 8 วันและทำกิจกุศลอุทิศให้แก่ดูรันด์ หลังจากนั้นไม่นาน ดูรันด์ก็ปรากฏตัวและบอกให้รู้ว่าเขาพ้นโทษแล้วและกำลังจะขึ้นสวรรค์: 

วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2567

ความครบครันโดยความอดทน


ความดีครบครันเกิดขึ้นได้จากกระบวนการของการชำระจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์

กระบวนการนี้จำเป็นที่เราต้องฟังและนบนอบเสียงของพระจิตเจ้าเกี่ยวกับสิ่งที่จำเป็นต่อจิตวิญญาณของเรา และเกี่ยวกับวิธีที่จะรักษาความบริสุทธิ์ของเราเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ซึ่งอาจต้องมีความอดทนต่อความทุกข์ (ทุกรูปแบบ) แต่ในท้ายที่สุด หากเราซื่อสัตย์ต่อเสียงของพระจิต, เราจะได้ยินพระบิดาตรัสด้วยความยินดีว่า “ดีมาก!”

ความทุกข์อาจทำให้จิตใจของเราแข็งกระด้างต่อพระเจ้า หรืออาจทำให้เราอ่อนน้อมถ่อมตนต่อพระองค์อย่างสุดจิตใจมากขึ้น, ขึ้นอยู่กับเรา เมื่อเกิดความยากลำบาก, จงอย่าบ่น แต่ให้พูดว่า พระเจ้าข้า, โปรดแสดงให้ลูกเห็นถึงสิ่งที่ลูกสามารถทำได้เพื่อให้เป็นที่พอพระทัยของพระองค์ด้วยเทอญ

“ผู้ที่ซักเสื้อของตนก็เป็นสุข เขาจะมีสิทธิ์กินผลจากต้นไม้แห่งชีวิต และผ่านประตูเข้าไปในนครนั้นได้” (วิวรณ์ 22:14 )

วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2567

คำทำนายของอิสยาห์เป็นจริง


ดินเผาโบราณรูปทรงรีนี้เป็นหลักฐานยืนยันเหตุการณ์ในพระคัมภีร์ซึ่งเขียนไว้เมื่อปี 538 ก่อนคริสตศํกราช,กรุงเยรูซาเล็มล่มสลายจากการโจมตีของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์และชาวยิวถูกจับตัวไปเป็นทาสที่กรุงบาบิโลนเป็นเวลานาน 70 ปี ต่อมากษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียมีอำนาจขึ้นแทนที่บาบิโลน พระองค์ได้ออกกฤษฏีกาปลดปล่อยชาวยิวทั้งหมดให้กลับไปเยรูซาเล็มและก่อสร้างพระวิหารขึ้นใหม่ เป็นเรื่องน่าประหลาดใจมากที่ กษัตริย์ไซรัส ซึ่งเป็นชาวต่างชาติทำเช่นนี้ และเป็นสาหตุทำให้มีข้อสงสัยในความถูกต้องของพระคัมภีร์ แต่ในปี 1879 เรื่องนี้ก็ได้รับการยืนยันเมื่อนักโบราณคดีได้ค้นพบหลักฐานจากเครื่องปั้นดินเผาโบราณรูปทรงกลมรีซึ่งมีอายุย้อนไปในปี 538 ก่อน ค.ศ.และในดินเผานี้มีอักษรจารึกซึ่งเขียนว่าไซรัสได้ออกกฤษฏีกาให้ชาวยิวที่ถูกจับกุมกลับไปเยรูซาเล็มและสร้างพระวิหารขึ้นใหม่ เป็นการยืนยันว่าข้อความในพระคัมภีร์ถูกต้องแน่นอน แต่ยังมีสิ่งที่น่าประหลาดใจมากขึ้นไปอีกก็คือ ประกาศกอิสยาห์ ได้ทำนายถึงเหตุการณ์นี้ไว้ล่วงหน้าแล้วถึง 150 ปี นั่นคือในปี 740 ก่อน ค.ศ. และก่อนไซรัสเกิด อิสยาห์ได้ทำนายว่าจะมีการสร้างพระวิหารขึ้นมาใหม่ (อิสยาห์ 44:26) นอกจากนี้อิสยาห์ยังได้เอ่ยถึงไซรัสด้วยชื่อของเขาเลยทีเดียว ถ้าคุณไม่เชื่อผม? ลองไปอ่านหนังสืออิสยาห์ 44:28 ด้วยตัวคุณเอง

#Catholic 4 Life

วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2567

วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2567

ผู้ทนทุกข์เพื่อให้คนบาปกลับใจ


คนจำนวนมากจะตกตะลึงเมื่อเห็นเขา – รูปร่างของเขาก็ผิดไปจากรูปร่างของผู้คน
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2567

วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2567

ชีวิตของคุณพ่อปีโอ


คุณพ่อปีโอ เคยพูดว่า “พ่อขอบอกกับคุณบ้าง คุณมาในโลกนี้เหมือนกับที่พ่อมา, พ่อมาพร้อมกับภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จ… พ่อเองในฐานะพระสงฆ์นักบวช มีภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จ ในฐานะนักบวชกาปูชิน พ่อมีภารกิจในการรับใช้พระเจ้าด้วยความรักอย่างสมบูรณ์และเปี่ยมด้วยความรักต่อกฎเกณฑ์ของคณะและคำปฏิญาณของพ่อ ในฐานะพระสงฆ์,ภารกิจของพ่อคือการรับใช้พระเจ้าผ่านทางครอบครัวมนุษย์”

ความรักของพระคริสต์ผลักดันให้คุณพ่อปีโออุทิศตนอย่างเต็มที่ทุกวันเพื่อวิญญาณที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงมอบพระองค์เองเพื่อเขา

คุณพ่อปีโอพูดกับบางคนว่า “พ่อเติมแต่งชีวิตลูกด้วยความเจ็บปวดในความรัก” คุณพ่อปีโอเป็นพยานถึงความรักของพระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักและพระเมตตา: ความเจ็บปวดและความรักดำเนินไปในแสงสว่างของไม้กางเขนของพระคริสต์ พระเยซูทรงแสดงความรักของพระองค์ ไม่เพียงแต่สำหรับคนบาปและผู้ที่อยู่ห่างไกลจากพระเจ้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนยากจน คนป่วย คนที่ถูกกีดกันในสังคม ซึ่งทำให้ชาวยิวที่ติดตามพระองค์พูดว่า “คนคนนี้ทำสิ่งใดดีทั้งนั้น เขาทำให้คนหูหนวกกลับได้ยินและคนใบ้กลับพูดได้” (มก. 7:37)

วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2567

ข้อคิดฝ่ายจิตจากคุณพ่อปีโอ


ชีวิตของคริสตชนเป็นเพียงการต่อสู้กับตนเองอย่างไม่หยุดพัก จิตวิญญาณจะไม่เบ่งบานเพื่อไปสู่ความสมบูรณ์ครบครัน เว้นแต่ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด

เมื่อพูดถึงการประจญล่อลวง คุณพ่อปีโอกล่าวว่า “หากคุณเอาชนะการประจญล่อลวงได้สำเร็จ นั่นจะมีผลเหมือนกับการซักเสื้อผ้าที่สกปรก”

ครั้งหนึ่งคุณพ่อปีโอพูดว่า “ผู้ใดที่ไม่ทำการพิจารณาไตร่ตรองชีวิต(meditate) เขาก็เหมือนกับคนที่ไม่เคยส่องหน้าในกระจกเงาก่อนออกไปข้างนอก โดยไม่สนใจที่จะดูว่าตัวเองสะอาดหรือไม่ และเขาอาจออกไปข้างนอกในสภาพสกปรกโดยไม่รู้ตัว”

“ผู้ที่ทำการพิจารณาไตร่ตรองชีวิตตนเองและหันจิตใจของเขาไปหาพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกระจกเงาของจิตวิญญาณของเขา เพื่อช่วยให้เขาแสวงหาที่จะรู้ข้อบกพร่องของตนเอง, พยายามแก้ไข, ระงับแรงกระตุ้นของตนเอง และจัดระเบียบจิตสำนึกของตนเอง”

วันหนึ่ง มีคนถามคุณพ่อปีโอว่า “เราจะแยกแยะระหว่างการประจญและบาปได้อย่างไร? และเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าไม่ได้ตกอยู่ในบาป?” คุณพ่อปีโอยิ้มและตอบว่า “เราจะแยกแยะระหว่างลากับมนุษย์ที่รู้จักเหตุผลได้อย่างไร”

“ลาปล่อยให้ตัวมันเองถูกนำทางไป แต่มนุษย์ที่รู้จักเหตุผลเป็นผู้นำทาง”

“ถูกต้อง” คุณพ่อปีโอตอบ

“แต่ทำไมเมื่อการประจญผ่านไปแล้วจึงยังมีความรู้สึกเป็นทุกข์อยู่ล่ะครับ?”

คุณพ่อปีโอตอบว่า “ฟังนะ พ่อจะขอยกตัวอย่างให้คุณฟัง คุณเคยรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวหรือไม่ ขณะที่ทุกอย่างสั่นสะเทือน คุณก็สั่นไหวเช่นกัน แต่คุณไม่ได้ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง”

ที่มา: Padre Pio The stigmatist

วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2567

ทางที่จะไปสวรรค์มีเพียงทางเดียว


ทางที่จะไปสวรรค์ไม่ได้มีมากมายนัก มีเพียงทางเดียวเท่านั้นที่จะไปสวรรค์ได้ นั่นคือผ่านทางความเชื่อในพระคริสต์และปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์ ผมรู้ว่านั่นเป็นคำพูดที่ไม่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน หลายคนคิดว่ายังมีเส้นทางอื่นที่จะไปสวรรค์ได้ มหาเศรษฐีวอร์เรน บัฟเฟตต์บริจาคทรัพย์สินสุทธิร้อยละ 85 ให้กับการกุศล โดยกล่าวว่า “มีมากกว่าหนึ่งวิธีที่จะไปสู่สวรรค์ได้ แต่สิ่งที่ผมทำนี้เป็นหนทางที่ดี” ผมขอชื่นชมบัฟเฟตต์สำหรับความเอื้อเฟื้อของเขา แต่เขาจะต้องประหลาดใจเมื่อเขาค้นพบว่าเขาไม่สามารถใช้การบริจาคเป็นหนทางไปสู่สวรรค์ได้ มีทางเดียวเท่านั้นที่จะไปสู่สวรรค์ได้ นั่นคือผ่านทางความเชื่อในพระเยซูคริสต์และปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระองค์เท่านั้น