พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน 2025 พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างชัยชนะ

           เมื่อตรัสดังนี้แล้ว พระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินต่อไป เสด็จนำหน้าประชาชนขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อเสด็จเข้าใกล้หมู่บ้านเบธฟายีและเบธานี ใกล้กับภูเขาที่เรียกกันว่าภูเขามะกอกเทศ พระองค์ทรงส่งศิษย์สองคนไป ทรงสั่งว่า ‘จงเข้าไปในหมู่บ้านข้างหน้า เมื่อเข้าไปแล้ว ท่านจะพบลูกลาตัวหนึ่งผูกอยู่ ยังไม่มีใครเคยขี่ลาตัวนั้นเลย จงแก้เชือกและจูงมาให้เราเถิด ถ้าผู้ใดถามว่า ท่านแก้เชือกผูกลาทำไม จงตอบเขาว่า พระอาจารย์ต้องการใช้มัน” ศิษย์ที่พระองค์ทรงสั่ง ได้ไปและพบตามที่พระองค์ทรงบอกเขา ขณะที่เขากำลังแก้เชือกผูกลูกลาอยู่ เจ้าของลาถามว่า ‘ท่านแก้เชือกลูกลาทำไม’ ศิษย์ทั้งสองคนก็ตอบว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงต้องการใช้มัน’ ศิษย์ทั้งสองคนจูงลูกลามาถวายพระเยซูเจ้า ปูเสื้อคลุมของตนบนหลังลา แล้วทูลเชิญพระเยซูเจ้าให้ทรงลาตัวนั้น ขณะที่พระองค์เสด็จไป ประชาชนปูเสื้อคลุมของตนบนทาง เมื่อพระองค์เสด็จมาใกล้ทางลงจากภูเขามะกอกเทศแล้ว บรรดาศิษย์ต่างมีความชื่นชมยินดี โห่ร้องสรรเสริญพระเจ้าเพราะการอัศจรรย์ทุกอย่างที่เขาเห็นว่า
           ขอถวายพระพรแด่กษัตริย์ผู้เสด็จมา
           ในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า
           สันติจงมีในสวรรค์
           และพระสิริรุ่งโรจน์จงมีในที่สูงสุด
           ชาวฟาริสีบางคนในหมู่ประชาชนทูลพระองค์ว่า ‘พระอาจารย์ จงห้ามบรรดาศิษย์ของท่านเถิด’ พระองค์ตรัสตอบว่า ‘เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าคนเหล่านี้นิ่งเงียบ ก้อนหินทั้งหลายจะส่งเสียงตะโกน’
(ลูกา 19:28-40 (บทอ่านก่อนแห่ใบลาน))








วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2568

ประโยชน์ของการเฝ้าศีลมหาสนิท


บุญราศี ไดนา เบแลนเจอร์ (Bl.Dina Belanger 1897-1929)วันหนึ่งในช่วงเวลาการเฝ้าศีลมหาสนิท,พระเยซูทรงแสดงให้ไดนาเห็นวิญญาณจำนวนมากมายที่กำลังอยู่บนขอบเหวของนรก หลังจากเสร็จสิ้นการเฝ้าศีล,พระเยซูทรงแสดงให้เห็นวิญญาณเหล่านั้นอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า พระเยซูทรงบอกเธอว่า โดยอาศัยการสวดภาวนาในเวลาเฝ้าศีลมหาสนิท,วิญญาณจำนวนมากมายได้ไปสู่สวรรค์ วิญญาณซึ่งควรจะต้องตกนรก เพราะบุคคลหนึ่งสามารถทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตของผู้อื่นได้ด้วยการได้รับพระหรรษทานอันมีค่าที่มีประสิทธิภาพเพื่อพวกเขา

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2568

พระศาสนจักรในประเทศจีน


คริสต์ศาสนาคาทอลิกมาถึงประเทศจีนในศตวรรษที่ 7 Alopen พระสงฆ์ในคณะ Nestorian ได้นำคริสตศาสนามาสู่ประเทศจีนโดยผ่านทางเส้นทางสายไหม

ในปี 1924 พระสงฆ์คณะฟรังซิสกันชาวอิตาลี John of Montecorvino เป็นมิชชันนารีคาทอลิกคนแรกที่มาประเทศจีน ท่านได้สร้างโบสถ์ขึ้นที่ Khanbaliq (ปัจจุบันคือปักกิ่ง) และทำให้เจ้าหน้าที่ชาวจีนชนชั้นสูงกลับใจ

ในปี 1582 แมทธีโอ ริชชี่(Matteo Ricci) มิชชันนารีคณะเยซูอิตได้มาถึงประเทศจีนในรัชสมัยราชวงศ์หมิง

ในปี 1685 เกรโกรี่ ลู่ วานเฉา(Gregory Luo Wenzao) เป็นพระสังฆราชคาทอลิกชาวจีนคนแรก
ในปี 1692 จักรพรรดิคังซีได้ออกคำสั่งให้ยอมรับคริสตศาสนาในประเทศจีน

ระหว่างปี 1706-1723 จักรพรรดิคังซีได้ถอนการสนับสนุนคริสตศาสนา อันเนื่องมาจากมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับจารีตประเพณีจีนดั้งเดิม

มีพระศาสนจักรสองประเภทที่อยู่ภายใต้การปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ คือ พระศาสนจักรผู้รักชาติ (พระศาสนจักรบนดิน)และ พระศาสนจักรที่ยังจงรักภักดีต่อสันตะสำนัก (พระศาสนจักรใต้ดิน)

จำนวนชาวคาทอลิกมีอัตราเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกันมายาวนาน 200 ปี แต่ในเวลานี้,อัตราเพิ่มขึ้นได้ลดลงจากอดีต

ปัจจุบันมีชาวคาทอลิกในประเทศจีน 10 ล้านคนตามสถิติในปี 2020

มีการทำนายว่าจำนวนคาทอลิกจะเพิ่มขึ้นในปี 2030 ประมาณ 200 ล้านคน

ตามรายงานของ Phil Nobles, ประชากรจีนมีประมาณ 1,400 ล้านคน ชาวจีนคาทอลิก 10 ล้านคน เป็นเพียง 00.71% ของประชากรชาวจีนเท่านั้น ไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำ

เมื่อพิจารณาจากจำนวนประชากรแล้ว ฟิลิปปินส์มีชาวคาทอลิก 80% หรือ 93 ล้านคนจากประชากรทั้งหมด 115 ล้านคน นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฟิลิปปินส์จึงเป็นประเทศคาทอลิกที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก

ขอให้เราสวดภาวนาเพื่อพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศจีน

วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2568

ทูตสวรรค์เป็นความจริง


ท่านนักบุญเทเรซาบอกเราว่า ทูตสวรรค์เป็นความจริง ท่านเป็นครูอาจารย์ฝ่ายจิตที่พระเจ้าทรงส่งมาเพื่อทำให้ความเชื่อของเราเข้มแข็ง บัดนี้มาฟังเรื่องนิมิตที่พิเศษมากของนักบุญเทเรซาแห่งอาวิลาเถิด

“ฉันเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งอยู่ข้างๆฉัน,ทางด้านซ้ายของฉัน,โดยมีร่างกาย เขามีรูปร่างเล็กและสวยงามมาก ใบหน้าดูน่าหลงใหล เขาดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในทูตสวรรค์ที่สูงสุดผู้ซึ่งมีเปลวไฟแห่งความรัก

ฉันเรียกเขาว่า เครูบิม เพราะเขาไม่เคยบอกชื่อของเขาให้ฉันทราบ แต่ฉันเห็นอย่างชัดเจนในสวรรค์ถึงความแตกต่างระหว่างทูตสวรรค์กลุ่มหนึ่งกับอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งฉันไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ และฉันเห็นทูตสวรรค์องค์นั้นกำลังถือหอกทองคำยาวในมือ และปลายหอกดูเหมือนจะเป็นเปลวไฟ เขาได้แทงหอกนั้นทะลุหัวใจของฉัน และเมื่อเขาดึงหอกออกไป,ดูเหมือนจะดึงเอาหัวใจออกมาด้วย ทำให้ฉันอยู่ในเปลวไฟแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ต่อพระเจ้า ความเจ็บปวดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ฉันส่งเสียงคร่ำครวญเป็นเวลานานและความหวานชื่นที่เกิดจากความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสนั้นช่างแสนหวานยิ่งนักจนไม่ปรารถนาให้หลุดพ้นจากมันได้ วิญญาณของฉันไม่สามารถพอใจอะไรได้นอกจากพระเจ้า มันไม่ใช่ความเจ็บปวดฝ่ายร่างกายแต่เป็นฝ่ายวิญญาณ ถึงแม้ว่าร่างกายจะมีส่วนรับรู้สึกด้วยไม่มากก็น้อย มันเป็นความเจ็บปวดที่น่ายินดี และวิญญาณใช้มันอย่างดีที่สุดไม่ใช่เพื่อสิ่งใดนอกจากเพื่อพระเจ้าเท่านั้น”

วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2568

คำพูดของนักบุญ


คนบาปที่ลืมพระเจ้าขณะที่ยังมีชีวิตอยู่, จะลืมตนเองในเวลาใกล้ตายด้วย - นักบุญอัลฟองโซ

นักบุญเจอโรมสอนว่าในบรรดาคนบาปนับแสนคนที่ยังคงทำบาปอยู่ต่อไปจนกระทั่งถึงเวลาแห่งความตาย ,แทบจะไม่มีใครเอาตัวรอดพ้นได้เลย

นักบุญวินเซนต์ เฟอร์เรอร์เขียนว่า การทำให้คนบาปเหล่านี้มาสู่ความรอดพ้นได้นั้นเป็นอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่กว่าการทำให้คนตายกลับฟื้นขึ้นมาจากความตายเสียอีก

คนที่รักบาปจนถึงวินาทีแห่งความตายนั้น,จะต้องเสียใจหรือสำนึกผิดอย่างไรได้เมื่อความตายใกล้เข้ามา?
นักบุญออกัสตินกล่าวว่าคนบาปที่ลืมพระเจ้าเมื่อตายไปแล้วเขาก็จะลืมตัวเองเมื่อตายด้วย นับเป็นการลงโทษที่สมควรแล้ว

อย่าหลอกลวงตนเอง, อัครสาวกกล่าวไว้, จะล้อพระเจ้าเล่นไม่ได้ ใครหว่านสิ่งใดก็ย่อมเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น ผู้ที่หว่านสิ่งใดตามธรรมชาติ(แห่งเนื้อหนัง)ของตน ก็จะเก็บเกี่ยวความเสื่อมสลายจากธรรมชาติ(แห่งเนื้อหนัง) ผู้ที่หว่านความดีในพระจิตเจ้า ก็จะเก็บเกี่ยวชีวิตนิรันดร์จากพระจิตเจ้า อย่าท้อแท้ในการทำความดี เพราะถ้าเราไม่หยุดทำความดี เราก็จะได้เก็บเกี่ยวเมื่อถึงเวลา ดังนั้นตราบใดที่ยังมีโอกาส จงทำความดีต่อทุกคน โดยเฉพาะต่อพี่น้องผู้ร่วมในความเชื่อของเรา จงหันมาหาเรา และเราจะหันมาหาเจ้า
กาลาเทีย 6:7-10

วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2568

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2568

สาส์นแม่พระ 25 ม.ค.2025

สาส์นแม่พระประทานแก่ มารีจา 25 ม.ค. 2025
ลูกที่รักทั้งหลาย
         ในปีแห่งพระหรรษทานนี้ แม่ขอเรียกพวกลูกให้กลับใจ ลูกที่รักทั้งหลาย,จงให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลางแห่งชีวิตของลูก และผลที่ได้คือความรักต่อเพื่อนบ้านและความยินดีในการเป็นพยาน แล้วความศักดิ์สิทธิ์ในชีวิตของพวกลูกจะกลายเป็นพยานแห่งความเชื่อที่แท้จริง
          ขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่           

วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2568

วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2568

เป็นทุกข์เสียใจในบาป


“การเสียใจเพราะบาปนั้นเป็นสิ่งจำเป็นจริงๆ

แต่เราไม่ควรไปครุ่นคิดถึงความผิดพลาดของเราอย่างไม่มีวันสิ้นสุด

คุณต้องระลึกถึงด้วยความยินดีในความรักความกรุณาอันเปี่ยมล้นของพระเจ้าด้วย

มิฉะนั้น ความเสียใจจะทำให้หัวใจหนักหน่วงและนำไปสู่ความสิ้นหวังมากยิ่งขึ้น”

- นักบุญเบอร์นาดแห่งแคลร์โว

วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2568

ถวายความทุกข์แด่พระเจ้า


เมื่อเราต้องทำบางสิ่งบางอย่างที่เราไม่ชอบ,ให้เราพูดกับพระเจ้าว่า “พระเจ้าข้า,ลูกขอถวายสิ่งนี้แด่พระองค์เพื่อถวายพระเกียรติในช่วงเวลาที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อลูก”

- นักบุญยอห์น เวียนเนย์

วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2568

ผู้ที่เยาะเย้ยพระเจ้า 2


โทมัส แอนดรูว์ จูเนียร์ (Thomas Andrews 7 กุมภาพันธ์ 1873 – 15 เมษายน 1912) เป็นนักธุรกิจและช่างต่อเรือชาวอังกฤษ เขาเป็นกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าแผนกร่างแบบของบริษัทต่อเรือ Harland and Wolff ในเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์

เขาเป็นที่จดจำในฐานะสถาปนิกเรือที่รับผิดชอบแผนการสร้างเรือเดินทะเลไททานิค เขาเสียชีวิตระหว่างการเดินทางครั้งแรก

โทมัสได้รับแรงบันดาลใจให้สร้างเรือลำใหญ่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเรือลำอื่นๆ ในสมัยของเขา หลังจากสร้างเรือไททานิคที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียง นักข่าวถามเขาว่าเรือลำนี้จะปลอดภัยหรือไม่ โทมัสตอบว่า “แม้แต่พระเจ้าเองก็ไม่สามารถทำให้เรือจมได้” โทมัสอยู่ในเรือไททานิกด้วยในระหว่างที่เริ่มต้นออกเดินทาง และตามที่เรารู้กัน ในวันที่ 14 เมษายน 1912 เรือไททานิกถูกภูเขาน้ำแข็งชนและจมลง โทมัสกับผู้โดยสาร 1,500 คนเสียชีวิต และไม่มีใครหาศพของเขาพบ

วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2568

วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2568

นักบุญโยเซฟองค์อุปถัมภ์ของผู้ใกล้เสียชีวิต


คริสตชนต้องการผู้พิทักษ์ที่ทรงพลัง ซึ่งจะปกป้องและเสริมกำลังเขาจากอันตรายของการต่อสู้ครั้งสุดท้าย
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2568

ความทุกข์ยากเป็นอัญมณีล้ำค่า


พระเยซูทรงเน้นย้ำกับนักบุญเยอร์ทรูดบ่อยครั้งถึงคุณค่าของความทุกข์ยากที่เราได้รับเมื่อเรานำความทุกข์นั้นไปรวมกับความทุกข์ในชีวิตและพระมหาทรมานของพระองค์ “ผู้ใดที่ร่วมทุกข์ทรมานกับความทุกข์ของเราในการทดสอบและในความยากลำบาก และพยายามเลียนแบบความอดทนและการยอมจำนนของเรา เขาเป็นผู้ที่วางใจในเราอย่างแท้จริงและจะมีส่วนร่วมในคุณธรรมทั้งหมดในชีวิตของเรา”

นักบุญเยอร์ทรูดต้องทนทุกข์ทรมานเกือบตลอดชีวิตของเธอ ครั้งหนึ่งเมื่อเธอป่วยจนต้องนอนติดเตียง การเปิดเผยของพระเยซูในเรื่องนี้ได้ปลอบโยนเธอ พระองค์ตรัสว่า:

"ความทุกข์ยากทางร่างกายและจิตวิญญาณเป็นเครื่องหมายที่ชัดเจนที่สุดของความพอพระทัยของพระเจ้า และเป็นเครื่องหมายของความรักที่วิญญาณมีต่อพระเจ้า

ความกตัญญูสำหรับความทุกข์ยากเป็นอัญมณีล้ำค่าสำหรับมงกุฎสวรรค์ของเรา"

หากใครคิดว่าเขาสามารถอดทนกับความทุกข์ยากอื่นๆได้มากกว่าที่พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ที่กำหนดไว้กับเขา ก็ขอให้เขาถ่อมตนต่อพระเจ้าเถิด มนุษย์ควรเชื่ออย่างมั่นคงเสมอว่าพระเจ้าส่งการทดลองนั้นมาซึ่งเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับเขา

ที่มา: Saint Gertrude the Great Herald of Divine Love

วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2568

ผู้ที่เยาะเย้ยพระเจ้า


จอห์น เลนอน นักร้องผู้มีชื่อเสียงชาวอังกฤษ เขาเป็นสมาชิกวงเดอะบิทเทิล ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ครั้งหนึ่งกับนิตยสารอเมริกัน จอห์น เลนอน พูดว่า “ศาสนคริสต์จะจบสิ้นลงและจะหายไป ผมจะไม่โต้เถียงเกี่ยวกับประเด็นนี้ ผมมั่นใจ พระเยซูก็โอเคนะ แต่คำสอนของพระองค์นั้นธรรมดาเกินไป ทุกวันนี้ พวกเรามีชื่อเสียงมากกว่าพระองค์เสียอีก” และตามที่เรารู้กัน จอห์น เลนอน ถูกฆ่าโดยนายมาร์ก เดวิด แช็ปแมน และในปี 1980 แช็ปแมนออกมายอมรับว่า เขายิงนักร้องหนุ่มเพียงเพราะรู้สึกว่าตัวเองไร้ตัวตนและอยากจะขโมยความดังมาให้ตัวเองบ้างเท่านั้นเอง


วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2568

ปัสกา 2025


ในปี 2025 พระศาสนจักรโรมันคาธอลิกและออร์โธดอกซ์ จะมีการเฉลิมฉลองปัสกา (การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์) ในวันเดียวกัน

โดยทั่วไปพระศาสนจักรโรมันคาธอลิกและออร์โธดอกซ์มักจะเฉลิมฉลองปัสกาในวันที่แตกต่างกัน แต่ในปี 2025 วันปัสกาของทั้งสองจะตรงกับวันเดียวกัน
ปี 2025 จะเป็นวันครบรอบ 1,700 ปีของการประชุมสังคายนาครั้งแรก คือ สังคายนาแห่งนีเซีย (325) ซึ่งเริ่มต้นบทใหม่ในประวัติศาสตร์ของคริสต์ศาสนา
สังคายนาแห่งนีเซียยังได้ประกาศใช้การคำนวณเพื่อกำหนดวันฉลองปัสกาของพระเยซูเจ้าด้วย
หลายคนมักลืมไปว่าสังคายนาแห่งนีเซียไม่ได้ประกาศแต่เพียงหลักความเชื่อที่เป็นสากลเท่านั้น(บทข้าพเจ้าเชื่อในพระเจ้า) แต่ยังต้องการให้มีการเฉลิมฉลองปัสการ่วมกันสำหรับคริสต์ศาสนาทั้งหมดอีกด้วย ก่อนที่ความแตกแยกเพราะความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันหรือเพราะความเชื่อนอกรีตจะมาถึง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องจัดให้มีการเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ร่วมกันเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันในความเชื่อ
บทเพลงสดุดี 133
เป็นการดีและน่าชื่นชมอย่างยิ่ง
ที่พี่น้องจะอยู่ด้วยกันในความเป็นหนึ่งเดียวกัน
เพราะที่นั่น พระยาห์เวห์ประทานพระพรและชีวิตตลอดไป

วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2568

เป็นบุญของผู้ที่เชื่อและวางใจในพระเจ้า


เจ้าของบ้านหลังนี้มีความเชื่อในพระเยซูและแม่พระมาก ดูได้จากการที่เขาตั้งพระรูปพระเยซูและแม่พระไว้ในลานบ้านของเขา บ้านของเขารอดพ้นจากการถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่ในแคลิฟฟอร์เนีย ส่วนบ้านอื่นๆรอบๆถูกไฟไหม้หมด (หมายเหตุ: นี่เป็นเหตุการ์ณของปีที่แล้ว)

พระเจ้าทรงปกป้องผู้ที่ยำเกรงพระองค์และผู้ที่เชื่อในพระองค์
เพลงสดุดี 91:7
แม้คนนับพันจะล้มลงข้างท่าน
หรือคนนับหมื่นร่วงอยู่ทางขวามือของท่าน
แต่ท่านก็จะยังคงปลอดภัย
เพลงสดุดี 91:14
เราจะช่วยเขาให้รอดพ้น เพราะเขาไว้ใจเรา
เราจะพิทักษ์รักษาเขา เพราะเขารู้จักนามของเรา
เมื่อเขาร้องเรียกหาเรา เราก็จะตอบเขา

วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2568

อย่าเยาะเย้ยพระเจ้า


พระเยซูควรได้รับคำสรรเสริญและ นมัสการ ไม่ใช่คำด่าหรือเยาะเย้ย
>>>อ่านต่อ

วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2568

แม่พระเหรียญอัศจรรย์-ราติสบอน


“ใครก็ตามที่สวมเหรียญนี้หรือมีเหรียญนี้ติดตัว,จะได้รับพระหรรษทานที่ยิ่งใหญ่”
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2568

ความทุกข์เป็นสมบัติอันล้ำค่า


ชีวิตที่ปราศจากไม้กางเขนเป็นสิ่งที่แทบทนไม่ได้ ความสุขทั้งหมดที่โลกเบื้องล่างนี้ประกอบด้วยการที่สามารถได้รับความทุกข์

ไม้กางเขน, การถูกดูหมิ่น, ความเศร้าโศก, และความทุกข์ยาก คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงของผู้รักพระเยซูคริสต์ที่ถูกตรึงบนไม้กางเขน

ในสายพระเนตรของพระเจ้า,กางเขนของเรานั้นเป็นประดุจยาทาที่ทรงคุณค่าซึ่งสูญเสียกลิ่นหอมของมันเมื่อเปิดออกสัมผัสกับอากาศ เพราะฉะนั้น,เราต้องพยายามทำทุกวิถีทางที่จะซ่อนกางเขนของเราและแบกมันไปอย่างเงียบๆ

กางเขนเป็นสมบัติอันล้ำค่าที่ต้องซ่อนไว้อย่างลับๆ,มิฉะนั้นเราจะถูกขโมยไป

- นักบุญมากาเร็ต มารีย์ อาลาก็อก

ที่มา: Thoughts and Sayings of Saint Margaret Mary

วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2568

ความทุกข์ชำระเราให้บริสุทธิ์


ความทุกข์ยาก ความเจ็บป่วย สุขภาพที่ไม่ดี และการบาดเจ็บทั้งหลายฝ่ายร่างกายที่เราประสบนั้นเกิดขึ้นเพื่อเป็นการใช้โทษบาปของเรา มันคือเตาไฟที่ชำระเราให้บริสุทธิ์ 
- นักบุญยอห์น คริสซอสโตม

วันพุธที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2568

วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2568

การภาวนา


เมื่อยากอบปรารถนาจะได้พรจากอิสซาอักผู้บิดา,พรซึ่งควรจะเป็นของเอเซาพี่ชาย แม่ของเขาสั่งให้เขาไปเตรียมทำซุปแกะที่อิสซาอักชอบทาน (Gen 27:9-29) เธอยังสั่งให้เขาสวมขนแกะที่แขน เพราะเอเซามีขนดก เธอยังให้เขาสวมเสื้อของพี่ชายซึ่งมีกลิ่นตัวของเขาติดอยู่ จากนั้นให้เขาไปหาบิดาซึ่งตาบอด เมื่อยากอบขอพรจากบิดา อิสซาอักสัมผัสที่แขนแล้วพูดว่า อา!นี่ฉันกำลังป่วยหรือ เสียงที่ฉันได้ยินเป็นของยากอบ แต่แขนที่สัมผัสเป็นของเอเซา เขาดมกลิ่นเสื้อที่ยากอบสวม แล้วพูดว่า "กลิ่นที่ดีทำให้ฉันมีความยินดี ฉันจะให้พรลูกชายของฉัน" ดังนั้นพวกเราก็เช่นกัน จักต้องเตรียมลูกแกะที่ขาวสะอาดถวายแด่พระบิดานิรันดร เพื่อทำให้พระองค์พอพระทัยนั่นคือคำภาวนาและกิจการดีของเรา และเมื่อเราวอนขอพรจากพระองค์ ,ถ้าเราสวมใส่ด้วยพระโลหิตของพระเยซูเจ้าพระบุตรของพระองค์, พระองค์จะตรัสว่า "เสียงที่เราได้ยินเป็นเสียงของยากอบ แต่แขน(ซึ่งหมายถึงการกระทำชั่วของเรา) เป็นของเอเซา อย่างไรก็ตาม, ความยินดีที่เราได้กลิ่นมาจากกลิ่นเสื้อของเขา, เราจะอวยพรแก่เขา."

- นักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์

วันจันทร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2568

ความศรัทธาต่อพระจิต


นักบุญเกรกอรีผู้ยิ่งใหญ่เขียนไว้ว่า:

พระเจ้าได้ประทานส่วนสำคัญสองส่วนให้กับร่างกายมนุษย์ คือ ศีรษะและหัวใจ เพื่อให้อวัยวะทั้งสองส่วนเป็นอวัยวะของความสามารถหลัก นั่นคือ ความเข้าใจ และความตั้งใจ พระเจ้าจึงได้ประทานพระคริสต์ในฐานะศีรษะและพระจิตในฐานะหัวใจให้แก่พระกายลึกลับ ซึ่งก็คือพระศาสนจักรโรมันคาธอลิกเช่นกัน ผ่านทางพระคริสต์เราเรียนรู้ความจริงนิรันดร์ ผ่านทางพระจิตเราเรียนรู้ที่จะรักและปฏิบัติตามความจริงนิรันดร์นั้น

ที่มา: Devotion To The Holy Ghost

วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2568

วันเสาร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2568

วันศุกร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2568

เกี่ยวกับความรักของพระเจ้า: 🙏❤️


“มันเป็นคุณธรรมประการแรก คุณธรรมที่จำเป็นอย่างยิ่ง หากไม่มีคุณธรรมนี้ เราก็จะไม่มีวันได้ขึ้นสวรรค์ และเพื่อรักพระเจ้า เราจึงต้องอยู่บนโลกนี้ แม้ว่าพระเจ้าจะไม่ได้ทรงบัญชา แต่ความรู้สึกนี้เป็นธรรมชาติสำหรับเราอยู่แล้ว จนหัวใจของเราถูกดึงดูดเข้าหาโลกโดยสมัครใจ แต่โชคร้ายคือ เราทุ่มเทความรักให้กับสิ่งของที่ไม่คู่ควร และปฏิเสธที่จะมอบความรักนั้นให้แด่พระองค์แต่เพียงผู้เดียว,ผู้ที่สมควรได้รับความรักอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้น ลูกทั้งหลายของพ่อ คนหนึ่งจะรักความร่ำรวย อีกคนหนึ่งจะรักความสุขสบาย และทั้งสองจะถวายสิ่งใดแด่พระเจ้าได้เล่า นอกจากเศษเสี้ยวของหัวใจที่อ่อนล้าจากการรับใช้โลก จากที่นั่น ความรักไม่เพียงพอ ความรักที่แบ่งแยกกัน เขาจึงไม่คู่ควรกับพระเจ้า เพราะพระองค์เท่านั้นที่ทรงสร้างสิ่งดีงามอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ผู้ที่เราสมควรจะต้องรักพระองค์เหนือสิ่งอื่นใด มากกว่าทรัพย์สมบัติของเราซึ่งเป็นของทางโลก มากกว่าเพื่อนของเรา เพราะเป็นของทางโลก หรือความตาย; มากกว่าชีวิตของเรา เพราะมันเน่าเปื่อย; มากกว่าตัวเราเอง เพราะเราเป็นของพระองค์ ความรักของเรา ลูกทั้งหลาย, หากมันเป็นจริง ความรักนั้นต้องไม่มีขีดจำกัด และต้องมีอิทธิพลต่อความประพฤติของเรา...."

- นักบุญยอห์น เวียนเนย์

วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2568

ความถ่อมตน


“จงเรียนรู้จากเรา เพราะเราอ่อนโยนและมีใจถ่อมตน” พระเยซูเจ้าตรัส พระอาจารย์เจ้าสูงสุดและผู้ประทานธรรมบัญญัติ ทรงกระตุ้นเราให้เรียนรู้คุณธรรมแห่งความถ่อมตน

เพราะว่าผู้ใดที่ฝึกฝนคุณธรรมอันน่าอัศจรรย์นี้จะบรรลุถึงความสมบูรณ์ฝ่ายจิตอย่างรวดเร็ว

แต่ถ้าไม่มีความถ่อมตน ไม่ว่าจะศึกษาพระคัมภีร์หรือเทววิทยามากเพียงใด หรือพยายามทำความดีมากเพียงใด ก็ไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จที่ยั่งยืนได้ ความพยายามทั้งหมดของเรานั้นจะไร้ผลหากไม่ได้กระทำด้วยความถ่อมตน

ดังนั้น บทเรียนแรกของพระคริสต์คือการมีใจถ่อมตน เพราะนี่คือรากฐานของคุณธรรมทั้งหมดและจำเป็นต่อการบรรลุความรอดพ้นนิรันดร ผู้ใดปรารถนาที่จะได้รับพระหรรษทานในชีวิตนี้และชีวิตนิรันดรในโลกหน้า จึงควรศึกษาบทเรียนและแบบอย่างความถ่อมตนของพระคริสตเจ้าอย่างขยันขันแข็ง

แต่ผู้ใดละเลยความถ่อมตน เขาจะสูญเสียประโยชน์ที่ความคิดและการกระทำอันดีของพวกเขาควรจะได้รับ

จำเป็นที่คริสตชนทุกคนจะต้องใคร่ครวญคำสอนของพระคริสตเจ้าอย่างรอบคอบ ซึ่งรวมถึงนักบวชทุกคน พระสงฆ์ทุกคน บิชอปทุกคน ผู้รับใช้ทุกคน ขุนนางทุกคน ราษฎรทุกคน ผู้มีการศึกษาทุกคน และสามัญชนทุกคน

และพระคริสต์ทรงสอนเราให้ถ่อมตน ไม่ใช่ความเย่อหยิ่ง พระองค์สอนเราให้รู้จักสิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่ความไร้สาระ พระองค์สอนเราให้รู้ว่าอะไรคือความจริง ไม่ใช่สิ่งที่เป็นเท็จ ทรงสอนสิ่งที่เป็นของสวรรค์ ไม่ใช่สิ่งของทางโลก

- จำลองแบบพระคริสต์ โดย Thomas A Kempis