Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2025 สมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า
& ประชาชนรู้จึงติดตามพระองค์ไป พระองค์ทรงต้อนรับเขาและตรัสสอนเขาเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้า ทรงรักษาคนที่ต้องการการบำบัดรักษา เมื่อจวนถึงเวลาเย็น อัครสาวกสิบสองคนมาทูลพระองค์ว่า “ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้ประชาชนกลับไปเถิด เขาจะได้ไปตามหมู่บ้านและชนบทโดยรอบเพื่อหาที่พักและอาหาร เพราะขณะนี้เราอยู่ในที่เปลี่ยว” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงหาอาหารให้เขากินเถิด” เขาทูลว่า “เราไม่มีอะไรนอกจากขนมปังห้าก้อนและปลาสองตัวเท่านั้น หรือว่าเราจะไปซื้ออาหารสำหรับคนเหล่านี้ทั้งหมด” ที่นั่นมีผู้ชายประมาณห้าพันคน พระองค์จึงตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงบอกให้พวกเขานั่งลงเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณห้าสิบคน” เขาก็ทำตามและให้ทุกคนนั่งลง พระเยซูเจ้าทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวนั้นมา ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้า ทรงกล่าวถวายพระพร ทรงบิขนมปัง ส่งให้บรรดาศิษย์นำไปแจกจ่ายแก่ประชาชน ทุกคนได้กินจนอิ่ม แล้วยังเก็บเศษที่เหลือได้สิบสองกระบุง
(ลูกา 9:11-17)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2025 สมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า
& ประชาชนรู้จึงติดตามพระองค์ไป พระองค์ทรงต้อนรับเขาและตรัสสอนเขาเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้า ทรงรักษาคนที่ต้องการการบำบัดรักษา เมื่อจวนถึงเวลาเย็น อัครสาวกสิบสองคนมาทูลพระองค์ว่า “ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้ประชาชนกลับไปเถิด เขาจะได้ไปตามหมู่บ้านและชนบทโดยรอบเพื่อหาที่พักและอาหาร เพราะขณะนี้เราอยู่ในที่เปลี่ยว” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงหาอาหารให้เขากินเถิด” เขาทูลว่า “เราไม่มีอะไรนอกจากขนมปังห้าก้อนและปลาสองตัวเท่านั้น หรือว่าเราจะไปซื้ออาหารสำหรับคนเหล่านี้ทั้งหมด” ที่นั่นมีผู้ชายประมาณห้าพันคน พระองค์จึงตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงบอกให้พวกเขานั่งลงเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณห้าสิบคน” เขาก็ทำตามและให้ทุกคนนั่งลง พระเยซูเจ้าทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวนั้นมา ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้า ทรงกล่าวถวายพระพร ทรงบิขนมปัง ส่งให้บรรดาศิษย์นำไปแจกจ่ายแก่ประชาชน ทุกคนได้กินจนอิ่ม แล้วยังเก็บเศษที่เหลือได้สิบสองกระบุง
(ลูกา 9:11-17)
วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2568
วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2568
วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2568
วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2568
วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2568
เด็กน้อยถามพระสันตปาปา
“พ่อของผมอยู่ในสวรรค์หรือเปล่าครับ?” เด็กน้อยถามพระสันตปาปาฟรังซิส
เมื่อพระสันตะปาปาเสด็จเยี่ยมโบสถ์แห่งหนึ่ง เด็กน้อยชาวอิตาลีที่มีชื่อว่า เอ็มมานูเอล ซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่นรู้สึกอายไม่กล้าถามคำถามทางไมโครโฟน พระสันตปาปาจึงเชิญให้เด็กนั้นมาใกล้ๆพระองค์เพื่อถามคำถามของเขาอย่างเงียบๆกับพระองค์ แทนที่จะบอกคำถามต่อหน้าฝูงชน คุณจะเห็นจากวีดีโอนี้ว่า พระสันตะปาปาทรงปลอบโยนเด็กน้อยขณะที่เขากระซิบคำถามของเขา และพระองค์ตอบคำถามของเด็ก เมื่อเด็กกลับไปยังที่นั่งของเขาแล้ว พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันคำถามของเด็กแก่ผู้คน
เอ็มมานูเอลได้ถามเกี่ยวกับพ่อของเขาซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว พ่อของเขาเป็นผู้ที่ไม่มีความเชื่อ,แต่เขาเลือกที่จะให้เอ็มมานูเอลและลูกคนอื่นๆของเขาได้รับศีลล้างบาป หลังจากได้เล่าให้พระสันตปาปาฟังเกี่ยวกับบิดาของเขาแล้ว เด็กต้องการรู้ว่าพ่อของเขาได้อยู่สวรรค์หรือไม่?
พระสันตะปาปาตรัสกับฝูงชนว่า “ช่างเป็นเรื่องที่สวยงามที่ได้ยินลูกชายคนหนึ่งพูดเกี่ยวกับบิดาของเขา ‘เขาเป็นคนดี’ และช่างเป็นพยานยืนยันที่สวยงามของลูกชายคนนี้ที่ได้รับมรดกความเข้มแข็งของบิดาของเขา,ผู้ซึ่งมีความกล้าหาญที่จะร้องต่อหน้าพวกเราทุกคน ถ้าชายผู้นั้นที่สามารถทำให้ลูกชายของเขาเป็นแบบนี้ได้,เขาต้องเป็นคนดีจริงๆ,นี่เป็นความจริง เขาเป็นคนดีคนหนึ่ง
วันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2568
วันพุธที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2568
อย่าปรารถนาคำยกย่องของมนุษย์
จงระวังคำยกย่องสรรเสริญของมนุษย์ และอย่าปรารถนาที่จะได้รับคำยกย่องสรรเสริญใดๆสำหรับการงานที่ท่านทำสำเร็จ เพราะประตูแห่งชีวิตนิรันดรจะไม่เปิดให้กับท่าน
- นักบุญคัทรีนแห่งเซียนนา
วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2568
การเสด็จเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็ม
ข้าพเจ้าคือทูตสวรรค์ที่เฝ้าดูแลพระองค์มาตั้งแต่เบธเลเฮม ตั้งแต่อียิปต์ ตั้งแต่เมืองนาซาเร็ธ ข้าพเจ้ายืนเฝ้าที่ถ้ำที่พระองค์ประสูติ ข้าพเจ้าปกป้องพระองค์ตั้งแต่ยังเป็นเด็กในต่างแดน และตอนนี้—ข้าพเจ้าเฝ้าดูพระองค์ประทับบนหลังลาอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อที่พวกเขาจะสวมมงกุฎหนามให้พระองค์
พระองค์ดูสงบและทรงแน่วแน่มาก
แต่ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความหนักที่กดทับอยู่ภายใน ความเศร้าโศกที่มองไม่เห็นสั่นเป็นระลอกคลื่นภายใต้กิ่งปาล์มและเสียงร้องว่า “โฮซานนา” พวกเขายังไม่รู้,พวกเขามองไม่เห็นถ้วยที่พระองค์กำลังจะดื่ม แม้ว่าพระองค์จะมองเห็นอย่างชัดเจน พระองค์ทรงมองเห็นอยู่เสมอ
ส่วนหนึ่งของข้าพเจ้าอยากร้องไห้, เพื่อสั่งลมและเขย่าก้อนหิน—เพื่อเปิดเผยพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ให้พวกเขาเข้าใจ เพื่อหยุดเส้นทางนี้ก่อนที่มันจะมืดเกินไป
แต่ข้าพเจ้าทำไม่ได้
เพราะพระองค์ทรงเลือกสิ่งนี้ และข้าพเจ้ารู้สึกยำเกรง
ถึงแม้พระองค์จะทรงทราบถึงความเจ็บปวดที่รออยู่ข้างหน้า พระองค์ก็ยังยิ้มให้กับเด็กๆที่โบกกิ่งปาล์ม แม้กระทั่งในเวลานี้, พระองค์ก็ยังสบตากับพวกเขาด้วยความรัก แม้แต่ในเวลานี้ พระเมตตาของพระองค์ก็หลั่งไหลออกมา
ข้าพเจ้าอยากจะร้องไห้ แต่ทำไม่ได้ ยังไม่ใช่ตอนนี้ หน้าที่ของข้าพเจ้าคือเฝ้าดู ปกป้องสิ่งเล็กน้อยที่พอจะทำได้ และเตรียมพร้อมที่จะเสริมกำลังพระองค์ในสวนเมื่อความเป็นมนุษย์ของพระองค์สั่นคลอน พร้อมที่จะร้องเพลงในความเงียบเมื่อตะปูที่ตอกอยู่หลุด พร้อมที่จะยืนอยู่ข้างหลุมศพที่ว่างเปล่า
แต่ที่นี่ ในขณะนี้ ข้าพเจ้าต้องนิ่งอยู่
และข้าพเจ้าประหลาดใจ
เพราะพระราชาแห่งสวรรค์กำลังประทับบนหลังลาไปยังพระบัลลังก์ของพระองค์ และนี่คือวิธีที่พระองค์ทรงเริ่มต้นชัยชนะ ไม่ใช่ด้วยการแก้แค้น
แต่ด้วยความรัก
วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2568
พลังแห่งพระโลหิต
เมื่อพระคริสต์สิ้นพระชนม์แล้วแต่ยังถูกแขวนอยู่บนไม้กางเขน ทหารคนหนึ่งเข้ามาแทงสีข้างของพระองค์ด้วยหอก
>>>อ่านต่อ
วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2568
สุขสันต์ปัสกา 2025 แด่ทุกท่าน
คุณคงเคยได้ยินคำพูดอันโด่งดังเกี่ยวกับเทศกาลอีสเตอร์ของพระสันตปาปายอห์น ปอลที่ 2 ที่ว่า "พวกเราคือประชาชนแห่งอีสเตอร์ และอัลเลลูยาคือบทเพลงของเรา!"
คุณรู้ไหมว่าพระองค์ไม่ได้ตรัสวาจานี้ในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ แต่เป็นเดือนพฤศจิกายน
พระองค์ทรงประกาศถ้อยคำให้กำลังใจนี้ในวันอาทิตย์ Angelus ของพระองค์ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 1986 ในระหว่างที่พระองค์เสด็จเยือนออสเตรเลียในปีนั้น พระองค์ตรัสว่า:
“เราไม่ได้แสร้งทำเป็นว่าชีวิตมีแต่ความสวยงาม เราตระหนักดีถึงความมืดมิดและความบาป ความยากจนและความเจ็บปวด แต่เรารู้ว่าพระเยซูทรงพิชิตบาปและทรงผ่านความเจ็บปวดของพระองค์เองไปสู่ความรุ่งโรจน์ของการกลับฟื้นคืนพระชนม์ และเราอาศัยอยู่ในแสงสว่างของความลึกลับแห่งปัสกาของพระองค์ ความลึกลับแห่งความตายและการกลับฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ ‘เราเป็นชนชาติแห่งอีสเตอร์และเพลงอัลเลลูยาคือบทเพลงของเรา!’ เราไม่ได้มองหาความปีติยินดีที่ตื้นเขิน แต่มองหาความปีติยินดีที่มาจากความเชื่อ ที่เติบโตโดยอาศัยความรักที่ไม่เห็นแก่ตัว ที่เคารพใน ‘หน้าที่พื้นฐานของความรักต่อเพื่อนบ้าน ซึ่งถ้าไม่มีสิ่งนี้ การพูดถึงความปีติยินดีก็คงไม่เหมาะสม’”
- สุขสันต์ปัสกา
วันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2568
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
ไดอารี่ของนักบุญโฟสตินา - หน้า 1572 - ชั่วโมงที่สาม
1572 เราขอเตือนลูกว่าทุกครั้งที่ลูกได้ยินเสียงนาฬิกาตีบอกเวลาบ่ายสามโมง จงมาอยู่ในพระเมตตาของเราอย่างเต็มเปี่ยม จงเทิดทูนและสรรเสริญพระเมตตาของเรา สวดภาวนาวิงวอนต่อพระฤทธานุภาพสูงสุดของพระเมตตาสำหรับทั้งโลก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนบาปที่น่าสงสาร เพราะในเวลานั้น พระเมตตาของเราจะเปิดออกสำหรับวิญญาณทุกดวง ในชั่วโมงนี้ ลูกสามารถได้รับทุกสิ่งสำหรับตัวลูกเองและสำหรับผู้อื่นในสิ่งที่วอนขอ มันเป็นชั่วโมงแห่งพระหรรษทานสำหรับทั้งโลก เวลานี้จะเป็นเวลาที่พระเมตตามีชัยชนะเหนือพระยุติธรรม
พระเยซูเจ้าตรัสว่า ใครก็ตามที่เข้าถึงต้นธารแห่งชีวิต(พระเมตตา)ในวันนี้ จะได้รับการอภัยบาปและยกโทษบาปทั้งหมด”(บันทึกข้อ 0300) และที่สุด พระเยซูเจ้าตรัสแก่ซิสเตอร์โฟสตินาว่า พระองค์ทรงปรารถนาให้มีการเฉลิมฉลองวันอาทิตย์แรกหลังวันอาทิตย์ปัสกากันทั่วโลกให้เป็น "วันฉลองพระเมตตา"
“ลูกรัก เมื่อเราเรียกร้องผ่านลูกให้คนทั้งหลายสักการะพระเมตตาของเรานั้น ลูกควรเป็นคนแรกที่แสดงความวางใจในพระเมตตาของเราให้เห็นเด่นชัด เราเรียกร้องให้ลูกทำกิจเมตตาซึ่งเกิดจากความรักที่มีต่อเรา ลูกควรแสดงความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ ทุกเวลาและทุกสถานที่ ลูกไม่ควรหลีกเลี่ยงหรือพยายามหาข้อแก้ตัวที่จะไม่ทำกิจเมตตานี้เราขอบอกสามวิธีที่ลูกจะแสดงความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ได้ วิธีแรก คือ ด้วยกิจการ วิธีที่สอง คือ ด้วยคำพูด วิธีที่สาม คือ ด้วยคำภาวนา ในความเมตตาทั้งสามระดับนี้ มีความเมตตาอย่างครบถ้วนและเป็นการพิสูจน์ความรักต่อเราอย่างไม่มีข้อสงสัย วิญญาณสรรเสริญและแสดงความเคารพเทิดทูนพระเมตตาของเราด้วยวิธีนี้ ถูกแล้ว วันอาทิตย์แรกหลังปัสกาคือวันฉลองพระเมตตา แต่ควรประกอบกิจเมตตาด้วยและเราเรียกร้องให้มีการสักการะพระเมตตาของเราด้วยพิธีสมโภชอย่างสง่า ด้วยการแสดงความเคารพต่อภาพพระเมตตาที่วาดขึ้นมานี้ เราจะมอบพระหรรษทานมากมายแก่วิญญาณทั้งหลายด้วยภาพนี้ ภาพนี้ควรเป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึงสิ่งที่พระเมตตาของเราปรารถนา เพราะแม้แต่ความเชื่อที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไร้ประโยชน์ หากปราศจากกิจการ” (บันทึกข้อ 0742)
วันฉลองพระเมตตาในปีนี้จะเป็นวันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน 2025
วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2568
วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2568
วันพุธที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2568
ความเสียใจที่ช้าเกินไปของผู้ที่กำลังจะตาย
คนที่กำลังจะตายซึ่งละเลยความรอดของวิญญาณของเขาตลอดชีวิต จะพบหนามในทุกสิ่งที่มาสู่เขา หนามในการรำลึกถึงความสนุกสนานในอดีต การแข่งขันที่เคยเอาชนะได้ หนามในเพื่อนๆที่จะมาเยี่ยมเขา และในสิ่งใดก็ตามที่มาปรากฏต่อหน้าเขา ในทางกลับกันก็มีหนามของบิดาฝ่ายจิตที่พยายามช่วยเหลือเขา หนามของศีลอภัยบาป ศีลมหาสนิท และการเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเขาจะต้องรับ หนามแม้แต่ในไม้กางเขนที่วางอยู่ตรงหน้าเขา
โอ้ฉันช่างโง่เขลาเสียจริง! คนใกล้ตายที่น่าสงสารจะพูดว่า ด้วยโอกาสหลายครั้งที่พระเจ้าทรงประทานให้ ฉันสามารถเป็นนักบุญได้ ฉันสามารถใช้ชีวิตที่มีความสุขในพระหรรษทานของพระเจ้า และหลังจากหลายปีที่พระองค์ประทานเวลาให้ฉัน ฉันพบอะไรในความทรมาน ความไม่ไว้วางใจ ความกลัว การตำหนิในจิตใจ และบัญชีที่ต้องชำระต่อพระเจ้า? ฉันแทบจะช่วยวิญญาณของฉันไว้ไม่ได้เลย แล้วเขาจะพูดอย่างนี้เมื่อใด เมื่อน้ำมันตะเกียงกำลังจะหมดลง และฉากของโลกนี้กำลังจะปิดลงตลอดกาล เมื่อเขาพบว่าตัวเองกำลังมองดูความเป็นนิรันดร์สองแบบ แบบหนึ่งมีความสุข อีกแบบหนึ่งน่าสังเวช เมื่อเขาใกล้จะหายใจเฮือกสุดท้ายซึ่งขึ้นอยู่กับความสุขชั่วนิรันดร์หรือความสิ้นหวังชั่วนิรันดร์ของเขา ตราบใดที่พระเจ้ายังคงเป็นพระเจ้า
คุณไม่รู้หรือว่าความตายไม่รอใคร ไม่เคารพใครเลย โอ้ คุณจะแสดงให้คนบาปที่กำลังจะตายเห็นได้อย่างไรว่า สิ่งของทั้งหมดในโลกนี้เป็นสิ่งไร้สาระ เป็นความโง่เขลา และการโกหก แต่จะมีประโยชน์อะไรที่จะเข้าใจความจริงเหล่านี้เมื่อหมดเวลาในการใช้ประโยชน์จากมัน
แหล่งข้อมูล: Preparation for Death
วันอังคารที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2568
คำแนะนำจากนักบุญ
ฟังพ่อพูดสักครู่แล้วลูกจะรู้ถึงวิธีที่จะทำให้การกระทำทั้งหมดของลูกมีคุณค่าเหมาะสมกับชีวิตนิรันดร์โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของลูกเลย สิ่งที่ลูกต้องทำคือเมื่อลูกจะทำสิ่งใดจงตั้งจุดมุ่งหมายที่จะทำเพื่อให้พระเจ้าทรงพอพระทัย ในตอนเช้าเมื่อลูกตื่นนอน ให้คิดถึงพระเจ้าทันทีและทำสำคัญมหากางเขนพร้อมทั้งพูดกับพระองค์ว่า “พระเจ้าของลูก ลูกขอมอบดวงใจของลูกแด่พระองค์ และเพราะพระองค์ทรงพระกรุณาประทานเวลาให้ลูกอีกหนึ่งวัน โปรดประทานพระหรรษทานแก่ลูกสำหรับทุกสิ่งที่ลูกจะทำเพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์และเพื่อความรอดของวิญญาณของลูก”
- นักบุญยอห์น เวียนเนย์
วันจันทร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2568
คำพูดของนักบุญ
“วิญญาณที่ชอบธรรมเพียงหนึ่งดวงสามารถช่วยคนบาปนับพันคนให้ได้รับการอภัยโทษ” ~
- นักบุญมาร์กาเร็ต มารี อาลาก็อก
วันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2568
วันเสาร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2568
วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2568
การสวดภาวนา
อย่าท้อแท้ในการสวดภาวนา ถึงแม้จะรู้สึกจิตใจแห้งแล้วและยากลำบาก จงมีความเพียรในการสวดภาวนาต่อไปเพราะเหตุนั้น บ่อยครั้ง,พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะเห็นว่าความรักในวิญญาณของท่านว่าเป็นเช่นไร และความรักไม่ถูกทดสอบด้วยความสะดวกสบายและความพึงพอใจ
- นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขน
ผู้ให้คำปรึกษาแก่บรรดานักบวชเกี่ยวกับความสมบูรณ์ครบครัน
ในการมีความเพียร
🙏🏼จงอธิษฐานภาวนาโดยไม่หยุดหย่อน🙏🏼
ในจดหมายของนักบุญเปาโล 1 เธสะโลนิกา 5:16 บอกเราว่า “จงร่าเริงยินดีเสมอ จงอธิษฐานภาวนาโดยไม่หยุดหย่อน” หมายถึงให้อธิษฐานภาวนาอย่างสม่ำเสมอด้วยความเพียร 🙏🏼 ประโยชน์ของการสวดภาวนาด้วยความเพียรได้แก่🙏🏼
1. การสวดภาวนาด้วยความเพียรแสดงถึงความเชื่อ ลูกา 18 : 1-8 ผู้พิพากษาที่ไม่ยอมตัดสินความให้แม่ม่าย “แม้ว่าฉันไม่ยำเกรงพระเจ้าและไม่เกรงใจมนุษย์ผู้ใด แต่เพราะหญิงม่ายผู้นี้มาทำให้ฉันรำคาญ ฉันจึงจะให้นางได้รับความยุติธรรม เพื่อมิให้นางรบเร้าฉันอยู่ตลอดเวลา”🙏🏼
2. การสวดภาวนาด้วยความเพียรช่วยเปิดประตู มัทธิว 7:7 “จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ จงแสวงหาเถิด แล้วท่านจะพบ จงเคาะประตูเถิด แล้วเขาจะเปิดประตูรับท่าน”🙏🏼
3. การสวดภาวนาด้วยความเพียรเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า ฮีบรู 11:6 “แต่ถ้าไม่มีความเชื่อแล้ว จะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าไม่ได้เลย เพราะผู้ที่มาเฝ้าพระเจ้า จำเป็นต้องเชื่อว่า พระองค์ทรงดำรงอยู่และประทานบำเหน็จแก่ผู้แสวงหาพระองค์”🙏🏼
4. การสวดภาวนาด้วยความเพียรช่วยให้เราวางใจในพระเจ้า มัทธิว 7:9-11 “ท่านใดที่ลูกขออาหาร จะให้ก้อนหินหรือ ถ้าลูกขอปลา จะให้งูหรือ แม้แต่ท่านทั้งหลายที่เป็นคนชั่ว ยังรู้จักให้ของดี ๆ แก่ลูก แล้วพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์จะไม่ประทานของดี ๆ แก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์มากกว่านั้นหรือ”🙏🏼
5. การสวดภาวนาด้วยความเพียรเสริมสร้างความเชื่อในระหว่างที่ถูกทดลองต่างๆ ยากอบ 1:3-4 “เพราะท่านรู้อยู่แล้วว่าการที่ความเชื่อของท่านถูกทดสอบก่อให้เกิดความพากเพียร จงให้ความพากเพียรบังเกิดผลถึงที่สุดc เพื่อท่านจะได้เป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ไม่มีที่ตำหนิ และไม่ขาดสิ่งใด”🙏🏼
วันพุธที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2568
ชายผู้ปกป้องศีลมหาสนิท
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ผู้คนหลายร้อยคนรวมตัวกันที่บริเวณอาคารรัฐสภาแคนซัสเพื่อประท้วงพิธีมิสซามืดของกลุ่มซาตานิสต์ สมาคมอเมริกันเพื่อการปกป้องประเพณี, ครอบครัว, และทรัพย์สินได้จัดการชุมนุมเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมและประท้วง
หลังจากการชุมนุม ข่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็วว่ามีคนเข้ามาขัดขวางการดูหมิ่นศีลมหาสนิท หลังจากนั้น มีบทความ รูปภาพ และวิดีโอมากมายเกี่ยวกับการแทรกแซงดังกล่าวปรากฏขึ้น
ในระหว่างพิธีที่รัฐสภา, สจ๊วร์ตได้ดึงแผ่นศีลมหาสนิทขนาดใหญ่ออกมา เขาประกาศอย่างประชดประชันว่า "นี่ไม่ใช่ของที่ขโมยมาจากโบสถ์คาทอลิกอย่างแน่นอน นี่ไม่ใช่แผ่นศีลมหาสนิทที่ได้รับการเสกแล้วอย่างแน่นอน" ทำให้กลุ่มซาตานิสต์กลุ่มเล็กๆหัวเราะ
จากนั้น เขาได้ทำกาดูหมิ่นด้วยการหักแผ่นศีลมหาสนิทออกเป็นสองส่วนอย่างโจ่งแจ้งและโยนลงพื้นเพื่อเตรียมเหยียบย่ำ
นี่เป็นเวลาที่แรนดี้ ชายที่บางคนเรียกว่านักบุญทาร์ซิเซียสแห่งยุคใหม่ ลงมือปฏิบัติการ
วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2568
พระเยซูสิ้นพระชนม์วันที่เท่าไร
“พระวรสารทั้งหมดเห็นพ้องกันว่าพระเยซูสิ้นพระชนม์ในวันศุกร์ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่วันสะบาโตของชาวยิวจะเริ่มต้น ( มัทธิว 27:62, มาระโก 15:42, ลูกา 23:54, ยอห์น 19:14, 31) พระองค์ทรงร่วมรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายกับเหล่าสาวกในวันพฤหัสและถูกจับกุม,ถูกทรมาน และในวันศุกร์ ทรงถูกตรึงกางเขน—และเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น ในรัชสมัยของทิเบเรียส (ค.ศ. 14–37) เมื่อปอนทิอัสปีลาตเป็นผู้ปกครองแคว้นยูเดีย (ค.ศ. 26–36 ) ; เคโอฟัส เป็นมหาปุโรหิตในเยรูซาเล็ม (ประมาณค.ศ. 18–36 ) ; และเฮโรดแอนตีปาส เป็นเจ้าเมืองแคว้นกาลิลี (ประมาณ 4 ปีก่อนคริสตกาล–ค.ศ. 39)
“พระเยซูจึงทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนในวันศุกร์ที่ 3 เมษายน ค.ศ. 33 เวลาประมาณ 15.00 น. ก่อนวันปัสกาและวันสะบาโตเพียงไม่กี่ชั่วโมง นี่คือวันที่ในปฏิทินจูเลียน ซึ่งเริ่มใช้ในปี 45 ก่อนคริสตกาล และเป็นไปตามธรรมเนียมที่ว่าวันที่ในประวัติศาสตร์จะยึดตามปฏิทินที่ใช้ในเวลานั้น หากปฏิทินเกรโกเรียนปัจจุบันถูกขยายย้อนหลังไปเป็นวันที่ก่อนเริ่มใช้ในปี ค.ศ. 1582 วันที่ย้อนหลังดังกล่าว (วันที่คำนวณย้อนหลังโดยใช้ปฏิทินที่ใหม่กว่า) ก็จะแตกต่างออกไป”
(หมายเหตุ – ยังคงมีการถกเถียงกันทางวิชาการเกี่ยวกับเวลาที่พระเยซูสิ้นพระชนม์ )
เกิดอะไรขึ้นหลังจากสารภาพบาป
นักบุญมาร์กาเร็ต มารี อลาก็อก เป็นแม่ชีชาวฝรั่งเศสที่มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 17 เธอเป็นที่รู้จักจากการที่ได้เห็นพระเยซูประจักษ์แก่เธอ ซึ่งนำไปสู่ความศรัทธาต่อดวงพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ประสบการณ์และการเปิดเผยของเธอเน้นย้ำถึงความรักและพระเมตตาของพระเยซูเจ้า
ในการพบกับพระเยซูเจ้านี้, นำเธอให้แสวงหาคำแนะนำฝ่ายวิญญาณ นักบุญมาร์กาเร็ต มารีได้เข้าพบคุณพ่อโคลด ลา โกลอมบิแยร์(Claude La Colombière) ซึ่งเป็นพระสงฆ์เยซูอิต เพื่อขอให้ท่านเป็นผู้แนะนำฝ่ายจิตของเธอ ระหว่างการสนทนา, คุณพ่อโคลดแสดงความสงสัยเกี่ยวกับนิมิตของเธอ และขอให้เธอหาหลักฐานจากพระเยซู ท่านสั่งให้เธอถามพระเยซูว่าบาปหนักครั้งสุดท้ายที่ท่านได้สารภาพไปในการสารภาพบาปคือบาปอะไร จุดประสงค์ก็เพื่อทดสอบความแท้จริงของคำกล่าวอ้างของเธอ มากาเร็ตได้ทำตามคำขอของคุณพ่อโคลอมปีแยร์ เธอถามพระเยซูเจ้าในการประจักษ์ครั้งต่อไป และพระเยซูเจ้าทรงตอบเธอว่า "เราจำไม่ได้"
เรื่องราวนี้เป็นเครื่องเตือนใจที่ทรงพลังถึงพระเมตตาของพระเยซูเจ้าในศีลอภัยบาป แสดงให้เห็นว่าเมื่อบาปได้รับการสารภาพแล้ว พระเยซูเจ้าจะทรงอภัยและลืมบาปนั้นไป ตอกย้ำความเชื่อที่ว่าไม่มีใครอยู่เหนือความรักและพระเมตตาของพระองค์😊🙏🩵
วันจันทร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2568
วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2568
วันเสาร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2568
วันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2568
พระนางมารีย์ทรงเป็นแม่ของเราทุกคน
พระนางมารีย์ทรงเป็นแม่ของเรานั้นเป็นอย่างไร? ลองพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นกับซิสเตอร์เดนิส หนึ่งในซิสเตอร์ในชุมชนของฉัน เธอเล่าให้ฉันฟังว่า:
“เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม่ของฉันเสียชีวิตกะทันหัน นับเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับฉัน เพราะเราสนิทกันมาก และไม่มีเวลาที่จะกล่าวคำอำลาเลย ในวันต่อมา ฉันรู้สึกไม่เพียงแต่โศกเศร้าอย่างสุดซึ้งเท่านั้น แต่ยังรู้สึกว่างเปล่าอีกด้วย แม่ของฉันจากไปแล้ว และฉันรู้สึกโดดเดี่ยวมาก วันหนึ่ง ขณะที่ฉันกำลังช่วยทำความสะอาดอพาร์ตเมนต์ของแม่ ฉันพบสายประคำของแม่ซุกไว้ในกระเป๋าข้างของเก้าอี้ปรับเอน ในคืนนั้น ขณะที่ฉันสวดสายประคำ ฉันถือสายประคำของแม่ไว้ในมือ ทันใดนั้น ฉันก็รู้สึกถึงการประทับอยู่ของพระแม่มารีย์อย่างแรงกล้า และรู้สึกเหมือนเป็นเด็กที่ถูกอุ้มอยู่ในอ้อมแขนของแม่ และที่นั่น เมื่อพระแม่มารีย์ทรงโอบกอดฉัน ฉันรู้สึกถึงพระแม่มารีย์ สิ่งนี้ทำให้ฉันน้ำตาซึม จิตใจสงบ และหัวใจสบายขึ้น ราวกับว่าพระแม่มารีย์กำลังบอกฉันว่าพระแม่อยู่กับฉัน และแม่ของฉันก็ยังอยู่กับฉันด้วย ทุกครั้งที่สวดสายประคำ ฉันจะนึกถึงช่วงเวลานั้น และจำได้ว่าพระแม่มารีย์ทรงอยู่ใกล้ฉันมาก และแม่ของฉันก็อยู่ใกล้ฉันเช่นกัน สายประคำทำให้ฉันเข้มแข็งและกล้าหาญ และเตือนฉันทุกวันว่าพระแม่มารีย์จะไม่มีวันทิ้งฉัน และแม่ของฉันก็เช่นกัน”
วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2568
นักบุญนีโน
ความเชื่อของเธอนำไปสู่การเปลี่ยนศาสนาของทั้งประเทศ และทำให้คริสต์ศาสนาฝังรากลึกอยู่ในสังคมจอร์เจีย
>>>อ่านต่อ
วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2568
ความผิดพลาดที่ยิงใหญ้่ที่สุด
“ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราก็คือการที่เราคิดจะรับใช้พระเจ้าตามวิธีของเราเอง,ไม่ใช่ตามวิธีของพระองค์ ตามความต้องการของเรา,ไม่ใช่ตามพระประสงค์ของพระองค์”
- นักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์
วันอังคารที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2568
การดูแลสั่งสอนเยาวชน
ลูกทั้งหลายของพ่อ, จากประสบการณ์อันยาวนานของพ่อ, บ่อยครั้งที่มีเหตุทำให้พ่อเชื่อมั่นในความจริงอันยิ่งใหญ่นี้
การโกรธนั้นง่ายกว่าการยับยั้งใจของตัวเอง และการขู่เด็กนั้นง่ายกว่าการโน้มน้าวใจเขา
ใช่แล้ว, เป็นการเหมาะสมกว่าที่จะลงโทษความไม่อดทน,และความเย่อหยิ่งของเราเอง มากกว่าการตักเตือนแก้ไขเด็กๆ
เราต้องมั่นคงแต่ใจดี และอดทนกับพวกเขา
ระวังอย่าให้ใครพบว่าลูกถูกกระตุ้นให้เกิดความหุนหันพลันแล่นหรือความดื้อรั้น
~จดหมายจากนักบุญยอห์น บอสโก
ถึงชาวซาเลเซียนที่ดูแลเยาวชน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)