พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2025 สมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า

         & ประชาชนรู้จึงติดตามพระองค์ไป พระองค์ทรงต้อนรับเขาและตรัสสอนเขาเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้า ทรงรักษาคนที่ต้องการการบำบัดรักษา เมื่อจวนถึงเวลาเย็น อัครสาวกสิบสองคนมาทูลพระองค์ว่า “ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้ประชาชนกลับไปเถิด เขาจะได้ไปตามหมู่บ้านและชนบทโดยรอบเพื่อหาที่พักและอาหาร เพราะขณะนี้เราอยู่ในที่เปลี่ยว” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงหาอาหารให้เขากินเถิด” เขาทูลว่า “เราไม่มีอะไรนอกจากขนมปังห้าก้อนและปลาสองตัวเท่านั้น หรือว่าเราจะไปซื้ออาหารสำหรับคนเหล่านี้ทั้งหมด” ที่นั่นมีผู้ชายประมาณห้าพันคน พระองค์จึงตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงบอกให้พวกเขานั่งลงเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณห้าสิบคน” เขาก็ทำตามและให้ทุกคนนั่งลง พระเยซูเจ้าทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวนั้นมา ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้า ทรงกล่าวถวายพระพร ทรงบิขนมปัง ส่งให้บรรดาศิษย์นำไปแจกจ่ายแก่ประชาชน ทุกคนได้กินจนอิ่ม แล้วยังเก็บเศษที่เหลือได้สิบสองกระบุง
(ลูกา 9:11-17)








วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสู่สวรรค์


✨ "พระองค์เสด็จขึ้นสวรรค์ต่อหน้าเขาทั้งหลาย..." (กิจการ 1:9)

วันนี้ เราเฉลิมฉลองการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระเยซูเจ้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญในชีวิตคริสตชนของเรา สี่สิบวันหลังจากการฟื้นคืนพระชนม์, พระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ไม่ใช่เพื่อละทิ้งเรา แต่เพื่อประทับเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระบิดา และเพื่อเตรียมสถานที่ไว้สำหรับเรา วันสมโภชการเสด็จขึ้นสวรรค์ถือเป็นจุดสุดยอดของพันธกิจบนโลกของพระองค์ และเป็นจุดเริ่มต้นของพันธกิจของเราเอง

ขณะที่สาวกยืนแหงนหน้ามองท้องฟ้า ทูตสวรรค์สององค์เตือนพวกเขาว่าพระเยซูจะเสด็จกลับมาในลักษณะเดียวกับที่พระองค์จากไป (กิจการ 1:11) ช่วงเวลานี้ทำให้เราเปลี่ยนความสนใจจากการมองขึ้นเบื้องบนด้วยความเหม่อลอยเป็นมองออกไปยังโลกภายนอกเพื่อทำพันธกิจที่ พระคริสต์ทรงมอบหมายหน้าที่ให้เราสานต่องานของพระองค์ต่อไป นั่นคือการประกาศข่าวประเสริฐแก่ทุกประชาชาติ และเป็นพยานของพระองค์จนทั่วแผ่นดินโลก  

การเสด็จขึ้นสู่สวรรค์เชิญชวนให้เราใช้ชีวิตด้วยความหวังในสวรรค์ โดยรู้ว่าบ้านที่แท้จริงของเราอยู่กับพระเจ้า พระองค์ทรงเรียกเราให้เป็นคนที่มีความคาดหวังด้วยใจยินดี รับใช้ด้วยความซื่อสัตย์ และมีความรักที่กล้าหาญ ได้รับการเสริมกำลังจากคำสัญญาของพระจิตเจ้า

ขณะที่เรามองขึ้นเบื้องบนด้วยความเชื่อ,ขอให้เรามองไปที่จุดมุ่งหมายด้วย สวรรค์คือจุดหมายปลายทางของเรา แต่โลกนี้คือสนามแห่งการประกาศถึงพระเยซูเจ้าของเรา

🙏 ให้เราภาวนา:

พระเยซูเจ้าข้า ขณะที่พระองค์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ด้วยสง่าราศีและพระสิริรุ่งโรจน์ พระองค์ไม่ได้ทอดทิ้งพวกเรา แต่พระองค์เรียกเราให้เป็นพยานของพระองค์ และทรงสัญญาว่าจะประทานของประทานแห่งพระจิตของพระองค์ โปรดช่วยให้เราใช้ชีวิตสวรรค์ในใจของเรา และขอให้พันธกิจของพระองค์อยู่ในมือของเราเสมอ 
อาแมน ✨🙏

วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

ค่ายกักกันสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2


ค่ายกักกันดาเชา(Dachau)ถูกใช้โดยพวกนาซีสำหรับกักขังศัตรูที่เกลียดชังที่สุดหลายคน ซึ่งรวมถึงพระสงฆ์คาทอลิกด้วย ในจำนวนพระสงฆ์ 2,720 คนที่ถูกส่งไปยังค่ายดาเชา มี 2,579 คนที่เป็นพระสงฆ์คาทอลิก รวมถึงสามเณรและฆราวาสซึ่งจำนวนไม่แน่ชัด พระสงฆ์ส่วนใหญ่เป็นชาวโปแลนด์ 1,748 คน นอกจากนี้ยังมีพระสงฆ์ชาวเยอรมันอีก 411 คน ในจำนวนพระสงฆ์ที่เสียชีวิตในค่าย 1,034 คน มี 868 คนเป็นชาวโปแลนด์ พระสงฆ์เหล่านี้ถูกกักขังใน "ที่พักพระสงฆ์" พิเศษ และตกเป็นเป้าหมายของการถูกเจ้าหน้าที่SS ปฏิบัติอย่างโหดร้ายเป็นพิเศษ

คาดว่ามีพระสงฆ์ชาวโปแลนด์อย่างน้อย 3,000 คนถูกส่งไปยังค่ายกักกันอื่นๆ รวมถึงค่ายเอาช์วิทซ์ (Auschwitz)ขณะที่พระสงฆ์จากทั่วทวีปยุโรปถูกตัดสินประหารชีวิตและถูกกักขังในค่ายแรงงาน พระสงฆ์ 300 คนเสียชีวิตที่ซัคเซนเฮาเซน(Sachsenhausen) 780 คนเสียชีวิตที่เมาเฮาเซน(Mauthausen) และ 5,000 คนเสียชีวิตที่บูเคินวัลด์(Buchenwald) ตัวเลขเหล่านี้ไม่รวมถึงพระสงฆ์ที่ถูกฆ่าระหว่างทางไปยังค่าย หรือเสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บและความอ่อนล้าในรถบรรทุกวัวที่ไร้มนุษยธรรมซึ่งใช้ในการขนส่งเหยื่อ แม่ชีหลายพันคนถูกส่งไปยังค่ายหรือถูกฆ่าระหว่างทางเช่นกัน

รายชื่อเหยื่อมีมากมาย และความทุกข์ทรมานของพระสงฆ์ในแต่ละวันนั้นไม่อาจจินตนาการได้ สำหรับหลายๆ คน ความทุกข์ทรมานนี้กินเวลานานหลายปี อดัม โคซโลเวียคกี(Adam Kozlowiecki) พระสงฆ์ชาวโปแลนด์ ถูกเกสตาโปจับกุมในเดือนพฤศจิกายน 1939 และถูกส่งไปที่ออชวิทซ์ในปี 1940 ถูกส่งตัวไปยังค่ายกักกัน Dachau ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1940 และใช้เวลาอยู่ที่นั่นเป็นเวลาห้าปี จนกระทั่งได้รับการปลดปล่อยโดยกองทัพสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1945 Kozlowiecki ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระคาร์ดินัลในปี ค.ศ. 1998 พระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงคนอื่นๆ ที่ค่ายกักกัน Dachau ได้แก่ Michal Kozal, Bl. Stefan Grelewski, Bl. Stefan Frelichowski, Bl. Karl Leisner และ Bl. Titus Brandsma

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

หนทางแห่งพระสิริรุ่งโรจน์


พี่น้องชายหญิงที่รัก ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนาขอพระเจ้าเปิดตาของพวกท่าน 
และให้ท่านเห็นสมบัติอันล้ำค่าที่พระองค์ประทานให้แก่เรา 
ในการทดลองซึ่งโลกคิดแต่จะหนีเท่านั้น 
ความอับอายกลายเป็นเกียรติเมื่อเราแสวงหาพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า 
ความทุกข์ยากในปัจจุบันกลายเป็นที่มาของพระสิริรุ่งโรจน์ในสวรรค์ 
สำหรับผู้ที่ได้รับบาดแผลในการต่อสู้ในสงครามของเขา 
พระเจ้าทรงเปิดอ้าอ้อมแขนของพระองค์ด้วยมิตรภาพที่เปี่ยมด้วยความรักและความอ่อนโยน 
นั่นคือเหตุผลที่พระองค์ (พระคริสต์) บอกเราว่าหากเราต้องการเข้าร่วมกับพระองค์ 
เราจะเดินไปตามทางที่พระองค์เดิน 
มันไม่ถูกต้องอย่างแน่นอนที่พระบุตรของพระเจ้าจะเดิน 
บนเส้นทางแห่งความอับอาย ในขณะที่บุตรของมนุษย์ 
เดินตามทางแห่งเกียรติของโลก: 
“ศิษย์ไม่อยู่เหนือกว่าอาจารย์ของเขา 
และคนรับใช้ก็ไม่ใหญ่กว่านายของเขา”

- นักบุญยอห์นแห่งอาวีลา (1499-1569) วันฉลอง - 10 พฤษภาคม

วันพุธที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

บทภาวนาของนักบุญเยอร์ทรูด


พระวจนาตถ์ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์และประทับอยู่ท่ามกลางเรา”

พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยแก่นักบุญเยอร์ทรูดว่า บทภาวนาสั้นๆนี้ทำให้พระองค์พอพระทัยมาก จนกระทั่งเมื่อคริสตชนใจศรัทธาสวดบทภาวนานี้ พระองค์จะหันไปหาพระบิดานิรันดรของพระองค์และถวายบุญกุศลอันไม่มีที่สิ้นสุดแห่งการบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระองค์เพื่อบุคคลนั้น

เช่นนี้แล้วใครเล่าจะไม่สวดบทภาวนาอันมหัศจรรย์นี้บ่อยๆ โดยแน่ใจได้ว่าจะได้รับรางวัลตอบแทน? บทภาวนา -

“ข้าแต่พระเยซูเจ้า ด้วยพระมหาทรมานและความตายของพระองค์ ร่วมกับพิธีมิสซาทั้งหมดที่กำลังประกอบอยู่ในขณะนี้ โปรดทรงช่วยเราให้พ้นจากความชั่วร้ายและบาปทั้งสิ้นเทอญ

ข้าแต่พระเยซูเจ้า โปรดชำระล้างเราด้วยพระโลหิตอันทรงคุณค่าของพระองค์เทอญ”

ที่มา : หนังสือ How To Be Happy How To Be Holy



วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

แม่พระมหาทุกข์


'เคียงข้างไม้กางเขนแห่งความรอดของเรา, พระนางมารีย์ทรงประทับยืนอยู่ในความโดดเดี่ยว ในขณะที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงแขวนอยู่เหนือกำลังแห่งความเป็นมนุษย์ของพระนางที่กำลังโศกเศร้า ในที่สุดดาบแห่งความโศกเศร้าก็แทงดวงพระทัยแห่งความรักของพระนาง...

ข้าแต่พระนางมารีย์ผู้เต็มเปี่ยมด้วยความทุกข์โศกเศร้า ลูกขอยืมความรักของพระแม่ เพื่อแบ่งปันความเจ็บปวดของพระแม่

โปรดทำให้หัวใจของลูกลุกเป็นไฟ โปรดให้ความรักของพระคริสต์เป็นความปรารถนาของลูก พระองค์ผู้ทรงยอมพลีพระชนม์เพราะความรักต่อลูก'

วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

สาสน์แม่พระ 25 พ.ค. 2025

สาส์นแม่พระประทานแก่ มารีจา 25 พ.ค. 2025
ลูกที่รักทั้งหลาย
          ในช่วงเวลาแห่งพระหรรษทานนี้ แม่เรียกร้องให้ลูกทั้งหลาย เป็นประชากรแห่งความหวัง ประชากรแห่งสันติสุข และความยินดี เพื่อที่ทุกคนจะสามารถเป็นผู้สร้างสันติและเป็นคนรักแห่งชีวิตได้ ลูกน้อยทั้งหลาย จงสวดภาวนาต่อพระจิตเจ้าเพื่อที่พระองค์จะทรงเติมพละกำลังแห่งความกล้าหาญและการยอมจำนนของพระองค์ในพวกลูก แล้วช่วงเวลานี้จะเป็นพระพรและหนทางอันศักดิ์สิทธิ์สู่ชีวิตนิรันดรสำหรับลูก แม่อยู่กับลูกและแม่รักลูก  
          ขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่           

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

วันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

ทางสายน้อยของนักบุญเทเรซา


“ถึงแม้ว่าฉันจะเล็กน้อยยิ่งนัก แต่ฉันก็ปรารถนาที่จะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ให้ได้ ... ดังนั้น ฉันจึงต้องอดทนต่อความไม่สมบูรณ์ทั้งหมดของฉันที่ฉันเป็นอยู่ แต่ฉันอยากแสวงหาหนทางที่จะไปสวรรค์ด้วยวิธีเล็กๆ น้อยๆ วิธีที่ตรงมาก สั้นมาก และรูปแบบใหม่”

“เราจะเป็นนักบุญเพียงครึ่งเดียวไม่ได้ เราต้องเป็นนักบุญอย่างสมบูรณ์ หรือไม่ก็ไม่เป็นนักบุญเลย"

“พระเจ้าของเรามิได้ทรงมองที่ความยิ่งใหญ่ของการกระทำของเรา หรือแม้แต่ความยากลำบากของการกระทำของเรา แต่ทรงมองที่ความรักที่เรามีต่อการกระทำเหล่านั้น” เหล่านี้คือทางสายน้อยของนักบุญเทเรซาแห่งลีซีเออร์

นี่คือทางสายน้อยของนักบุญเทเรซาแห่งลีซีเออร์

โดยการทำสิ่งเล็กน้อยและกระทำด้วยความรักเพื่อผู้อื่น ด้วยวิธีนี้,เทเรซาทำสิ่งเล็กน้อยเป็นจำนวนมากในหนึ่งวัน ซึ่งเมื่อนำมารวมกันก็กลายเป็นสิ่งที่ใหญ่ได้เหมือนกัน

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

ประธานสถาบันยอห์น ปอลที่ 2


ความเคลื่อนไหวสำคัญอีกอย่างหนึ่งของพระสันตปาปาเลโอที่ 14 คือการปลดอาร์ชบิชอปปาเกลีย(Archbishop Vincenzo Paglia)ออกจากตำแหน่งประธานสถาบันยอห์น ปอลที่ 2

พระสันตปาปาเลโอที่ 14 ทรงปลดอาร์ชบิชอปวินเซนโซ ปาเกลียออกจากตำแหน่งประธานสถาบันยอห์น ปอลที่ 2 เพื่อการสมรสและครอบครัว และทรงแต่งตั้งพระคาร์ดินัล บัลดาสซาเร เรนา(Cardinal Baldassare Reina)ดำรงตำแหน่งแทน การดำรงตำแหน่งของ Paglia เต็มไปด้วยความขัดแย้ง รวมทั้งคำแถลงต่อสาธารณชนเกี่ยวกับ bioethics (จริยธรรมชีวภาพ)และปัญหา LGBTQ+ ซึ่งจุดชนวนให้เกิดความผิดหวังในหมู่ผู้ยึดมั่นในหลักอนุรักษ์นิยมคาทอลิก

สถาบันซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ “สถาบันยอห์น ปอลที่ 2” นี้,อาร์ชบิชอปวินเซนโซ ปาเกลีย ดำรงตำแหน่ง Grand Chancellor ตั้งแต่ปี 2016 ปาเกลีย ซึ่งมีอายุครบ 80 ปีเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน มีบทบาทโดดเด่นในสมัยของพระสันตะปาปาฟรังซิส และเป็นบุคคลสำคัญในการนำการเปลี่ยนแปลงมาใช้กับสถาบันพระสันตปาปาทั้งสองแห่งตามคำสั่งของพระสันตปาปาฟรังซิส

การบ่อนทำลายสถาบันยอห์น ปอลที่ 2 เริ่มต้นอย่างจริงจังในปี 2019 ด้วยการปลดประธาน Monsignor Livio Melina และสั่งพักงานศาสตราจารย์ทั้งหมดทันที ต่อมามีการคัดเลือกเจ้าหน้าที่ที่สนับสนุนจุดยืนทางศีลธรรมที่ตรงข้ามกับจุดยืนเดิมของสถาบันที่เคยปกป้องมาก่อน เช่น การไม่สนับสนุนการรักร่วมเพศและการคุมกำเนิด

ตัว Paglia เองก็กลายเป็นที่ถกเถียงกันมากขึ้นเนื่องจากความคิดเห็นของเขาเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและครอบครัว เขาปกป้องการฆ่าตัวตายโดยมีผู้ช่วยเหลือ สนับสนุนการคุมกำเนิด และโจมตีชาวคาทอลิกที่คัดค้านทางศีลธรรมต่อการฉีด abortion-tainted COVID-19

การแต่งตั้งพระคาร์ดินัล Reina ได้รับการต้อนรับจากกลุ่ม pro-life พระคาร์ดินัล Reina ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นพระคาร์ดินัลในเดือนธันวาคม 2024 เป็นผู้แทนพระสันตปาปาประจำสังฆมณฑลแห่งโรม เชื่อกันว่าประวัติของเขาในประเด็นต่อต้านการทำแท้งนั้นค่อนข้างเคร่งครัดมากกว่าผู้ที่เขากำลังเข้ามาแทนที่

วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

นายชุมพาบาลที่ดี


ก่อนที่จะมาเป็นพระสันตปาปาเลโอที่ 14 พระองค์ได้ทำสิ่งดีดีสามสิ่งที่ไม่อาจลืมได้

1. ขณะที่เป็นพระสังฆราช,พระองค์ได้ขายบ้านพักพระสังฆราชของพระองค์ในชิคาโก เพื่อนำเงินไปสร้างที่พักให้แก่ผู้ลี้ภัยหลังจากสงครามอิรัก พระองค์ได้รับเงินจากการขายจำนวน 1.8 ล้านดอลลาร์และนำไปช่วยเหลือบรรดาผู้ลี้ภัย เงินจำนวนนี้ได้สร้างที่พักมากกว่า 120 หลังในจอร์แดนและเลบานอน พระองค์บอกว่าหลังคาโบสถ์ควรอยู่สูงกว่าที่พักของผู้ลี้ภัย

2. พระองค์ไปเยี่ยมนักโทษและช่วยเหลือเยาวชนที่ต้องขังให้ได้ไปโรงเรียน ตั้งแต่ปี 2012 พระองค์ได้ไปเยี่ยมเรือนจำทุกวันคริสต์มาส นำของขวัญและใช้เวลากับผู้ต้องขัง พระองค์ได้ริเริ่มกองทุนที่เรียกว่า HOPE TUITION ได้ให้ทุนการศึกษาแก่เยาวชนมากกว่า 200 คนในแต่ละปี เงินบริจาคทั้งหมดมีมากกว่า 500,000 ดอลลาร์

3. พระองค์บริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างลับๆและช่วยชีวิตของคนจำนวนมาก เมื่อโรคระบาดโควิดเริ่มขึ้นในปี 2020 โรงพยาบาลในลาตินอเมริกาต้องรับคนไข้จำนวนมากมาย พระองค์ได้ให้เครื่องมือช่วยหายใจจำนวนมากกว่า 300 เครื่องอย่างลับๆซึ่งมีมูลค่าถึง 2.7 ล้านดอลลาร์ เครื่องมือเหล่านี้ไปที่โรงพยาบาลในเปรู เอกวาดอร์ และโบลีเวีย

ไม่มีใครรู้เรื่องราวเหล่านี้จนกระทั่งพระองค์ได้เป็นพระสันตะปาปาแล้วจึงได้มีการเปิดเผย บรรดาผู้นำต่างเรียกพระองค์ว่า “Visible Angel in White” (ทูตสวรรค์ที่มองเห็นได้ในชุดขาว)

พระคาร์ดินัลซาราห์


พระสันตปาปาเลโอที่ 14 ทรงแต่งตั้งพระคาร์ดินัลโรเบิร์ต ซาราห์เป็นทูตพิเศษของพระสันตปาปา บทบาทนี้ถือเป็นบทบาทใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในพระศาสนจักร โดยเกี่ยวข้องกับการเป็นตัวแทนของพระสันตปาปาในภารกิจทางการทูตหรือภารกิจของพระศาสนจักรโดยเฉพาะ ซึ่งมักจะอยู่ในพื้นที่ที่ประสบความขัดแย้งหรือต้องมีการไกล่เกลี่ยที่ละเอียดอ่อน พระคาร์ดินัลซาราห์ซึ่งเป็นที่รู้จักจากมุมมองทางเทววิทยาแบบอนุรักษ์นิยมและเคยดำรงตำแหน่งเป็นปนะธานคณะสงฆ์เพื่อการนมัสการพระเจ้าและวินัยของศีลศักดิ์สิทธิ์ ท่านนำประสบการณ์อันสำคัญยิ่งมาสู่ตำแหน่งนี้

การแต่งตั้งครั้งนี้มีความน่าสนใจเป็นพิเศษเมื่อพิจารณาจากการวิจารณ์ในอดีตของพระคาร์ดินัลซาราห์เกี่ยวกับแนวทางบางประการของพระศาสนจักรภายใต้การนำของพระสันตปาปาฟรังซิส ซึ่งทำให้ท่านต้องถูกละเลย การที่พระสันตปาปาเลโอที่ 14 ทรงมอบหมายตำแหน่งนี้ให้ท่าน อาจเป็นสัญญาณของความมุ่งมั่นในการรวมเอาทุกคนเข้าไว้ด้วยกันและความสามัคคีภายในพระศาสนจักร โดยมุ่งหวังที่จะเชื่อมช่องว่างระหว่างมุมมองทางเทววิทยาที่แตกต่างกัน

พระคาร์ดินัลซาราห์จะรายงานโดยตรงต่อพระสันตปาปาเลโอ ไม่ใช่ต่อเลขาธิการแห่งรัฐ พันธกิจเฉพาะของท่านมุ่งไปที่โลกตอนใต้ที่ซึ่งพระศาสนจักรคาธอลิกกำลังเติบโต

วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

แบร์นาแด็ตกับตำรวจ


ตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงการดลใจของพระจิตภายในจิตใจและความช่วยเหลือจากพระแม่มารีย์ต่อแบร์นาแด็ต ก็คือสิ่งนี้...

แบร์นาแด็ต,เด็กหญิงอายุ 14 ปี ผู้ไม่รู้หนังสือและหวาดกลัว,ถูกตำรวจซักไซ้ หลอกล่อ และข่มเหง (โดยไม่มีพ่อแม่หรือสมาชิกในครอบครัวอยู่ด้วย) แบร์นาเด็ตอยู่เพียงคนเดียว แต่คำตอบของเธอเป็นไปอย่างใจเย็น ได้ใจความ และมีประสิทธิผล

ผู้บัญชาการตำรวจจาโคเมต์(Jacomet): “เราไม่เชื่อคำพูดของเธอแม้แต่คำเดียว”

แบร์นาเด็ต: “ดิฉันต้องรับผิดชอบในคำพูดที่บอกท่านในสิ่งที่ดิฉันเห็นและได้ยิน แต่ดิฉันไม่รับผิดชอบในการทำให้ท่านเชื่อ”

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

ความเชื่อที่ไม่หวั่นไหว


พระเจ้าไม่ทรงทอดทิ้งผู้ที่เชื่อและวางใจในพระองค์ด้วยความถ่อมตน
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

นักบุญชาร์เบลกับนางโนฮัด เอลชามี


13 พ.ค. 2025 : วันนี้ ชาวเลบานอนโศกเศร้ากับการจากไปของนางโนฮัด เอลชามี (Nohad El Shami)หญิงผู้ต่ำต้อยซึ่งได้มีการพบปะอันพิเศษกับนักบุญชาร์เบล(St. Charbel นักบุญของเลบานอน)เธอได้กลายมาเป็นพยานถึงความเชื่อและการเยียวยารักษาจากท่านนักบุญ

ในปี 1993 หลังจากที่เธอต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคหลอดเลือดสมองที่ทำให้เธอเป็นอัมพาต โนฮัดได้พบกับอัศจรรย์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลกมากมาย ในคืนหนึ่ง เธอฝันเห็นพระสงฆ์มาโรไนต์สองท่าน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือนักบุญชาร์เบล กำลังทำการผ่าตัดที่คอของเธอ เมื่อเธอตื่นขึ้นมา เธอก็หายเป็นปกติ มีแผลผ่าตัดสองแผลที่คอของเธอ และอาการอัมพาตก็หายไป เหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์นี้ทำให้ความเชื่อของผู้คนนับพันกลับคืนมา และกลายเป็นแสงแห่งความหวังสำหรับผู้ที่แสวงหาพระหรรษทานของพระเจ้า

จากความฝันของเธอ, โนฮัดได้ไปเยี่ยมอารามของนักบุญชาร์เบลที่เมืองอันนายา(Annaya)อย่างซื่อสัตย์ทุกวันที่ 22 ของเดือน ตามคำสั่งของนักบุญชาร์เบล จนถึงทุกวันนี้ ผู้แสวงบุญยังคงรวมตัวกันทุกเดือนเพื่อสืบสานประเพณีการสวดภาวนาและความศรัทธานี้

ชีวิตที่เงียบสงบของโนฮัดกลายเป็นพยานถึงความเชื่อ, การยอมจำนน, และพลังแห่งการช่วยเหลือของท่านนักบุญ เธอเป็นแรงบันดาลใจให้กับทั้งผู้เชื่อและผู้ที่คลางแคลงสงสัย โดยแสดงให้เห็นว่าอัศจรรย์ไม่ได้เป็นเพียงช่วงเวลาแห่งการเยียวยารักษาเท่านั้น แต่ยังเป็นการเตือนใจถึงความรักและการประทับอยู่ของพระเจ้าในชีวิตของเราอีกด้วย

ขอให้เรามีความเชื่อลึกซึ้งยิ่งขึ้นและไว้วางใจในพระประสงค์ของพระเจ้า ขอให้วิญญาณของเธอไปสู่สุขคติชั่วนิรันดร์ และขอให้เรื่องราวของเธอยังคงส่องแสงต่อไปเป็นแสงสว่างสำหรับทุกคนที่ต้องการอัศจรรย์

🕊️ นักบุญชาร์เบล โปรดภาวนาเพื่อเราด้วยเทอญ

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

คุณพ่อดาเมียนกับศีลมหาสนิท


“ศีลมหาสนิทเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เราทุกคนละทิ้งความทะเยอทะยานทางโลก สำหรับผมและสำหรับคุณ หากไม่มีพระอาจารย์แห่งสวรรค์ของเราประทับอยู่บนพระแท่นบูชาในโบสถ์น้อยของผมตลอดเวลาแล้ว ผมคงไม่สามารถอดทนที่จะอยู่กับผู้ป่วยโรคเรื้อนในโมโลไกได้ ซึ่งผลที่ตามมาก็เริ่มปรากฏบนผิวหนังของผมและรู้สึกได้ทั่วร่างกาย ศีลมหาสนิทเป็นอาหารประจำวันของพระสงฆ์ ผมรู้สึกมีความสุข มีความพอใจ และยอมรับในสถานการณ์ที่ค่อนข้างพิเศษนี้ ซึ่งพระญาณเอื้ออาทรของพระเจ้าทรงพอพระทัยให้ผมต้องอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้”

นักบุญดาเมียนแห่งโมโลไก (1840-1889)

วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

กิจเมตตาฝ่ายกายทั้งเจ็ด


กิจเมตตาเหล่านี้เป็นแนวทางที่สมบูรณ์แบบในการเลียนแบบพระเยซู

คำสอนของพระศาสนจักรกล่าวไว้เสมอว่าทั้งความเชื่อและการกระทำมีความสำคัญในการดำเนินชีวิตของเรา โดยเลียนแบบกิจการของพระเยซูและคำสั่งของพระองค์ในการรับใช้ซึ่งกันและกัน

เมื่อพระองค์เล่าเรื่องการแยกแกะออกจากแพะในวันพิพากษา พระองค์ตรัสกับแกะว่า “เราบอกท่านทั้งหลายว่า ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา” (มัทธิว 25:40)

พระศาสนจักรได้สรุปกิจเมตตาเพื่อช่วยให้เรารับใช้พี่น้องของพระคริสต์ที่ต่ำต้อยที่สุด (เรามีกิจเมตตาฝ่ายวิญญาณ และกิจเมตตาฝ่ายกาย)

กิจเมตตาฝ่ายกายทั้งเจ็ดประการ ได้แก่

ให้อาหารแก่คนหิวโหย 
ให้เครื่องดื่มแก่คนกระหายน้ำ 
ให้ที่พักพิงแก่คนไร้บ้าน 
เยี่ยมเยียนคนป่วย 
เยี่ยมเยียนนักโทษ 
ฝังศพคนไร้ญาติ 
ให้เสื้อผ้าแก่คนไม่มี

บางครั้งชีวิตประจำวันของเรายุ่งมากจนเราไม่สามารถใช้เวลาทั้งวันไปกับการเป็นอาสาสมัครที่สถานสงเคราะห์คนไร้บ้านได้ หรือเราไม่สามารถบริจาคเงินจำนวนมากเพื่อบรรเทาทุกข์ผู้คนจำนวนมากที่ยากจนได้

แต่เราพบวิธีเล็กๆ น้อยๆ ในการจัดการกิจเมตตาฝ่ายกาย เราสามารถแวะไปที่โรงพยาบาลหรือบ้านพักคนชราเพื่อทักทายผู้ป่วยที่โดดเดี่ยวหรือซื้ออาหารให้คนไร้บ้านที่อยู่ตามท้องถนน การบริจาคเพียงห้าหรือสิบบาทให้กับองค์กรการกุศลในท้องถิ่นก็ถือเป็นการบริจาคเช่นกัน!

การกระทำง่ายๆ เหล่านี้สามารถสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ได้ คำพูดที่มีชื่อเสียงของนักบุญคัทเธอรีนแห่งเซียนนาเป็นเครื่องเตือนใจที่ดีว่าพระเจ้าสามารถทำอะไรดีๆ ให้คุณได้บ้างผ่านตัวคุณ “จงเป็นคนที่พระเจ้าต้องการให้คุณเป็น แล้วคุณจะจุดไฟเผาโลก”

วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

พระสันตปาปาเลโอที่ 14 กับชาวอัฟริกัน


สาสน์ของพระสันตปาปาสะท้อนอยู่ในใจของชาวอัฟริกันคาทอลิก! 🙏

พระสันตปาปาเลโอที่ 14 ขณะที่ดำรงตำแหน่งพระคาร์ดินัลโรเบิร์ต ฟรานซิส พรีโวสต์ ได้ไปเยือนเคนยาในเดือนธันวาคม 2024 ท่านไตร่ตรองถึงความจำเป็นในการเอาใจใส่พระวาจาของพระเจ้าในฐานะ “จิตวิญญาณและชีวิต” และพระบุคคลของพระเยซูคริสต์ทรงเป็นแหล่งที่มาของ “ชีวิตที่แท้จริง” และทรงเป็นรากฐานของพระศาสนจักร

“เมื่อเราเป็นหนึ่งเดียวกันในพระศาสนจักรเท่านั้น, พระศาสนจักรของเราที่ถูกสร้างขึ้นบนศิลาที่พระเยซูทรงประทานให้เราทุกคน,พระศาสนจักรที่มองเห็นได้, เมื่อนั้นความเชื่อในพระวรสาร, ความเชื่อในพระเจ้าของเรา,พระเยซูคริสต์ จึงจะคงอยู่ชั่วกาลนาน” พระองค์ตรัสในระหว่างการเสกโบสถ์น้อยแห่งใหม่เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2024

พระองค์เน้นย้ำว่า “เมื่อเรารวมกันเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น,เราจึงจะซื่อสัตย์อย่างแท้จริงต่อสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงขอจากเรา”

ให้เราสวดภาวนาเพื่อพระสันตปาปาเลโอที่ 14 🙏