ในระหว่างเทศกาลคริสต์มาส บ้านหลายหลังในเยอรมนีจะประดับหน้าต่างด้วยแสงเทียน
ธรรมเนียมนี้เริ่มต้นโดยคนงานเหมืองถ่านหิน
ในฤดูหนาวพวกเขาจะลงใต้ดินก่อนพระอาทิตย์ขึ้นและกลับขึ้นมาหลังพระอาทิตย์ตก แสงเทียนจะเป็นเหมือนสิ่งล่อใจพวกเขา Schwibbogen เป็นแท่นวางเทียนรูปโค้งที่ประดิษฐ์อย่างสวยงาม
มีที่มาจากภูเขาแร่ Ore Mountains (Erzgebirge)ซึ่งอยู่แถวแซกโซนี
ในเยอรมนี มันถูกทำขึ้นในปี 1740 ในเมือง Johanngeorgenstadt แท่นวางเทียนในสมัยแรกจะมีแร่ประดับอยู่ด้วยเสมอ
จำนวนเทียนขึ้นอยู่กับขนาดของแท่น สมัยแรกจะมี 11 เล่ม
Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2024 พระเยซูทรงรักษาคนตาบอด
  พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์ ขณะที่พระองค์เสด็จออกจากเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์และประชาชนจำนวนมาก บารทิเมอัสบุตรของทิเมอัส คนขอทานตาบอดนั่งอยู่ริมทาง เมื่อได้ยินว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธกำลังเสด็จผ่านมา เขาเริ่มส่งเสียงร้องตะโกนว่า “ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิด เจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” หลายคนดุเขาให้เงียบ แต่เขากลับตะโกนดังยิ่งกว่าเดิมว่า “พระโอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” พระเยซูเจ้าทรงหยุด ตรัสว่า “ไปเรียกเขามาซิ” เขาก็เรียกคนตาบอดพลางกล่าวว่า “ทำใจดี ๆ ไว้ ลุกขึ้น พระองค์กำลังเรียกเจ้าแล้ว” คนตาบอดสลัดเสื้อคลุมทิ้ง กระโดดเข้าไปเฝ้าพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านอยากให้เราทำอะไรให้” คนตาบอดทูลว่า “รับโบนีให้ข้าพเจ้าแลเห็นเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ไปเถิด ความเชื่อของท่านได้ช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว” ทันใดนั้น เขากลับแลเห็นและเดินทางติดตามพระองค์ไป
(มาระโก 10:46-52)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2024 พระเยซูทรงรักษาคนตาบอด
  พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์ ขณะที่พระองค์เสด็จออกจากเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์และประชาชนจำนวนมาก บารทิเมอัสบุตรของทิเมอัส คนขอทานตาบอดนั่งอยู่ริมทาง เมื่อได้ยินว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธกำลังเสด็จผ่านมา เขาเริ่มส่งเสียงร้องตะโกนว่า “ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิด เจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” หลายคนดุเขาให้เงียบ แต่เขากลับตะโกนดังยิ่งกว่าเดิมว่า “พระโอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” พระเยซูเจ้าทรงหยุด ตรัสว่า “ไปเรียกเขามาซิ” เขาก็เรียกคนตาบอดพลางกล่าวว่า “ทำใจดี ๆ ไว้ ลุกขึ้น พระองค์กำลังเรียกเจ้าแล้ว” คนตาบอดสลัดเสื้อคลุมทิ้ง กระโดดเข้าไปเฝ้าพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านอยากให้เราทำอะไรให้” คนตาบอดทูลว่า “รับโบนีให้ข้าพเจ้าแลเห็นเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ไปเถิด ความเชื่อของท่านได้ช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว” ทันใดนั้น เขากลับแลเห็นและเดินทางติดตามพระองค์ไป
(มาระโก 10:46-52)
วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557
วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2557
วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2557
O Come, O Come Emmanuel
เพลง O Come, O Come Emmanuel แต่งขึ้นในศตวรรษที่ 12 เป็นภาษาลาติน และต่อมาได้แปลเป็นภาษาอังกฤษ
เนื้อเพลงให้ความรู้สึกของความหวังในการรอคอยองค์พระผู้ไถ่
จึงเหมาะที่จะเป็นเพลงในเทศกาลแห่งการรอรับเสด็จพระคริสตเจ้า
วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2557
อาสนวิหารแห่งโลเรตโตในอิตาลี
บทแปล
ระฆังของโลเรตโต
มีเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบสองเมตรและหนักมากกว่า 7,000 กก.
ส่งเสียงเชื้อเชิญให้ผู้คนเข้ามาในอาสนวิหารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป อาสนวิหารนี้ไม่เหมือนกับแห่งอื่น
เป็นอาสนวิหารแห่งแรกที่สร้างอุทิศแด่พระแม่มารีย์ เป็นสถานที่ซึ่งได้พบบ้านเดิมของพระนาง โดยถูกย้ายจากแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์มายังอิตาลีอย่างอัศจรรย์ อาสนวิหารแห่งโลเรตโตอยู่ที่จังหวัด แอนโคนา
ในอิตาลี การก่อสร้างอาสนวิหารเริ่มต้นในเดือนมีนาคม
รูปแบบสถาปัตย์โกธิคของศตวรรษที่ 15 สิ้นสุดการก่อสร้างในศตวรรษที่ 16 เมืองโลเรตโตในปัจจุบันมีประชากรเพียง 11,000
คน อาศัยอยู่รอบๆอาสนวิหาร ตามความเชื่อของท้องถิ่น ในวันที่ 10 ปี 1294
บ้านของแม่พระแห่งนาซาเร็ธถูกเคลื่อนย้ายโดยเหล่าเทวดามายังสถานที่ตั้งในปัจจุบันนี้ แต่การวิจัยเมื่อไม่นานนี้ กล่าวว่าบ้านถูกเคลื่อนย้ายมาทางเรือโดยครอบครัวแองเจลิส(
Angelis family) เพื่อปกป้องให้พ้นจากการถูกทำลายจากพวกซาราเซ็นในสงครามครูเสด อาสนวิหารถูกสร้างขึ้นครอบบ้านของแม่พระ เหนือพระแท่นบูชามีพระรูปแม่พระแห่งโลเรตโตประดิษฐานอยู่ พระรูปทำด้วยไม้ถูกแกะสลักตามคำสั่งของพระสันตะปาปาปีโอที่
11 โดยใช้ไม้ซีดาร์เลบานอนซึ่งขึ้นในสวนของวาติกัน มีผ้าคลุมสีทองคลุมพระรูปอยู่ด้วยในปี 1922 มีการสวมมงกุฎให้แก่พระรูปแม่พระนี้และนำไปประดิษฐานไว้ในอาสนวิหาร ในศตวรรษที่ 16 ผู้แสวงบุญเริ่มสวดบทเร้าวิงวอนแม่พระที่เรียกว่า “บทเร้าวิงวอนแห่งโลเรตโต” ในไม่ช้าอาสนวิหารก็กลายเป็นที่แสวงบุญที่สำคัญแห่งหนึ่งของคริสตชนทั่วโลก พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 เคยเสด็จมาเยี่ยมที่นี่หลายครั้ง และทรงพบปะกับเยาวชนในปี 1995 และ 2004 ในเดือนกันยายน 2007 พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงเสด็จมาที่อาสนวิหารเพื่อพบกับเยาวชนอิตาเลียนที่อาโกรา ในระหว่างการเสด็จเยี่ยมพระองค์ทรงอธิบายว่าบ้านแท้ของแม่พระนั้นมีกำแพงเพียงสามด้านเท่านั้น ไม่ใช่สี่ด้าน ดังนั้นบ้านจึงเปิดสำหรับทุกคนให้เข้ามา ไม้กางเขนที่ถูกพบปักอยู่ในหินในบ้านศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นแบบเดียวกับไม้กางเขนที่ใช้กันอยู่ในที่นาซาเร็ธในศตวรรษที่ 2
เรื่องเล่าเกี่ยวกับบ้านศักดิ์สิทธิ์ซึ่งถูกเคลื่อนย้ายโดยเหล่าเทวดา กลายเป็นเรื่องที่บรรดานักบินชื่นชอบจึงได้ขอให้แม่พระแห่งโลเรตโตเป็นองค์อุปถัมภ์ของพวกเขา และมีบทสวดเพื่อขอการปกป้องในการบินของนักบินด้วย
“ข้าแต่พระมารดาแห่งโลเรตโต พระแม่ผู้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง เราวางใจมาพึ่งท่าน โปรดฟังคำภาวนาของเราด้วยความถ่อมตนด้วยเถิด ศัตรูของความสุภาพถ่อมตนต้องการทำลายคุณธรรมนี้ รวมทั้งสันติภาพ,ความยุติธรรม, ความจริงและความรัก มันต้องการให้เราอยู่ห่างไกลจากองค์พระบุตรของท่าน โอพระมารดาผู้ทรงรับองค์พระผู้ไถ่ไว้ในพระครรภ์อันนิรมลทินของท่านและทรงอาศัยอยู่กับพระองค์ในบ้านศักดิ์สิทธิ์นี้ ซึ่งได้มาประทับอยู่ที่เนินเขาโลเรตโต โปรดประทานพระหรรษทานแก่เราเพื่อให้เราแสวงหาและทำตามพระฉบับแบบของพระองค์ ผู้ทรงนำเราไปสู่ความรอดด้วยเถิด”
หมายเหตุ
บ้านแม่พระแห่งโลเรตโตเป็นบ้านที่อยู่ที่นาซาเร็ธ
คนละที่กับบ้านที่เอเฟซุสซึ่งเป็นบ้านที่แม่พระทรงอยู่หลังจากพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์แล้ว
วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557
ที่พึ่งที่แท้จริง
เราได้รับความทุกข์ในโลกนี้ไม่มากก็น้อย เมื่อเรามีความวิตกกังวล มีความเศร้าโศกในจิตใจ หรือได้รับความเจ็บป่วยด้านร่างกาย
ในเวลาเช่นนี้เราต้องการที่พึ่ง
และเราแสวงหาการปลอบประโลมใจ
...อ่านต่อ
...อ่านต่อ
วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557
วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)