พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม 2025 พระเยซูเจ้าทรงพบกับอัครสาวกที่กาลิลี

           หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่บรรดาศิษย์อีกครั้งหนึ่งที่ฝั่งทะเลสาบทีเบเรียส เรื่องราวเป็นดังนี้ ศิษย์บางคนอยู่พร้อมกันที่นั่น คือซีโมน เปโตร กับโทมัสที่เรียกกันว่า “ฝาแฝด” นาธานาเอล ซึ่งมาจากหมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี บุตรทั้งสองคนของเศเบดีและศิษย์อีกสองคน ซีโมน เปโตรบอกคนอื่นว่า “ข้าพเจ้าจะไปจับปลา” ศิษย์คนอื่นตอบว่า “พวกเราจะไปกับท่านด้วย” เขาทั้งหลายออกไปลงเรือ แต่คืนนั้นทั้งคืนเขาจับปลาไม่ได้เลย พอรุ่งสาง พระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่บนฝั่ง แต่บรรดาศิษย์ไม่รู้ว่าเป็นพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าทรงร้องถามว่า “ลูกเอ๋ย มีอะไรกินบ้างไหม” เขาตอบว่า “ไม่มี” พระองค์จึงตรัสว่า “จงเหวี่ยงแหไปทางกราบเรือด้านขวาซิ แล้วจะได้ปลา” บรรดาศิษย์จึงเหวี่ยงแหออกไป และดึงขึ้นไม่ไหว เพราะได้ปลาเป็นจำนวนมาก ศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรักกล่าวกับเปโตรว่า “เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้านี่” เมื่อซีโมน เปโตรได้ยินว่า “เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาก็หยิบเสื้อมาสวม เพราะเขาไม่ได้สวมเสื้ออยู่ แล้วกระโดดลงไปในทะเล ศิษย์คนอื่นเข้าฝั่งมากับเรือ ลากแหที่ติดปลาเข้ามาด้วย เพราะอยู่ไม่ห่างจากฝั่งนัก ประมาณหนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น
(ยอห์น 21:1-19)








วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เรียนภาษาจีนในวันคริสต์มาส



คริสต์มาส เป็นการฉลองวันประสูติของพระเยซูเจ้า  ไม่ใช่ วันเกิดของซานตาคลอส นะครับ

กษัตริย์อับดุลลาห์ แห่งจอร์แดน


LOS ANGELES, CA (Catholic Online) ในระหว่างการให้สัมภาษณ์  กษัตริย์อับดุลลาห์ แห่งจอร์แดน ตรัสว่า กลุ่ม ISIS เป็นปัญหาของชาวมุสลิม  และชาวมุสลิมทั่วโลกจำเป็นต้องร่วมมือกันหยุดคนพวกนี้
“เราต้องลุกขึ้นพูดยืนยันว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด  นี่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับศาสนา  นี่เป็นความชั่วร้ายและพวกเราทุกคนต้องตัดสินใจ” พระองค์ตรัส
“เราต้องลุกขึ้นพูด  นี่เป็นเส้นที่ขีดลงบนพื้นทราย  คนที่เชื่อในความถูกต้องจะมายืนทางด้านนี้  และคนที่ยังไม่ยอมตัดสินใจต้องไปยืนฝั่งตรงข้าม  มันชัดเจนว่านี่เป็นการต้อสู้ระหว่างความดีกับความชั่ว  ข้าพเจ้าคิดว่ามันเป็นสงคราม  ดังที่ข้าพเจ้าพูดกับประธานาธิบดีปูติน  ข้าพเจ้าคิดว่านี่เป็นสงครามโลกครั้งที่สามของพวกเรา”
กษัตริย์อับดุลลาแห่งจอร์แดน ทรงเตือนว่าโลกกำลังอยู่ชายขอบของสงครามโลก  และกลุ่ม ISIS เป็นตัวการในเรื่องนี้
กลุ่มนี้ได้ฆ่าชาวอิรักและซีเรียนับพันคน  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คริสตชนและชนกลุ่มน้อยอื่นๆ  อาสาสมัครชาวสหรัฐและอังกฤษก็ถูกจับตัวและฆ่าโดยกลุ่มนี้ด้วย
กษัตริย์อับดุลลาไม่ทรงคาดหวังว่า  การโจมตีทางเครื่องบินของสหรัฐต่อกลุ่ม ISIS จะเป็นการเพียงพอ “เราจำเป็นต้องมียุทธวิธีที่ดีและมากกว่านี้เพื่อจัดการกับองค์การเหล่านี้ซึ่งเรียกชื่อแตกต่างกัน แต่มีความเชื่ออย่างเดียวกัน”
กษัตริย์อับดุลลา ทรงเปิดเผยเหตุผลที่พระองค์มายังสหรัฐ เพื่อพบกับประธานาธิบดี  พระองค์ทรงหวังจะสถาปนาความร่วมมือในนโยบายทางตะวันออกกลางให้มากขึ้น  เพื่อป้องกันกลุ่มหัวรุนแรงอิสลามไม่ให้มีอำนาจขึ้นจนสามารถยกระดับตัวเองขึ้นมา”
“นี่เป็นประเด็นที่เราต้องเชื่อมโยงยุทธวิธีของเราเข้าด้วยกันจริงๆ  ข้าพเจ้าทราบว่าเราต้องพุ่งความสนใจไปที่ซีเรียและอิรัก  แต่เราต้องมองไปยังภูมิภาคอื่นๆด้วยเพื่อให้ครอบคลุมประเด็นดังกล่าวนี้”
พระองค์ยอมรับว่ากองกำลังสหรัฐและกองกำลังจากประเทศยุโรปสามารถดำเนินการในภูมิภาคนี้ได้  แต่รัฐบาลของตะวันออกกลางและผู้นำมุสลิมจะต้องร่วมมือด้วย

วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557

อาทิตย์ที่ 2 ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า


7 ธ.ค. 2014 อาทิตย์ที่ 2 ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

แสงของดวงจันทร์จะสว่างเหมือนแสงของดวงอาทิตย์  และแสงของดวงอาทิตย์จะสว่างเป็นเจ็ดเท่า (เหมือนความสว่างของเจ็ดวัน)  ในวันของพระเจ้า  พระองค์จะทรงรักษาบาดแผลของประชากรของพระองค์  พระองค์จะรักษารอยฟกช้ำให้หายด้วยลมหายใจของพระองค์ (อิสยาห์ 30:26)

ข้อคิด

หลายคนอาจเย้ยหยันและไม่เชื่อในอัศจรรย์  ไม่เชื่อว่าพระเยซูเจ้าจะสามารถรักษาคนตาบอดให้กลับแลเห็นได้ในเวลาที่พระองค์ยังดำเนินอยู่ในโลก  พวกเขาไม่ต้องการเห็นอัศจรรย์ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำในทุกวันนี้ด้วย  ถ้าเราเปิดใจยอมให้พระเป็นเจ้าทรงสัมผัสชีวิตของเรา  และพยายามค้นหาแผนการณ์ของพระองค์ที่ทรงมีต่อเรา  อัศจรรย์ก็จะบังเกิดขึ้น  อะไรหรือที่กีดขวางเราไม่ให้เป็นส่วนหนึ่งในแผนการณ์ของพระเป็นาเจ้า?  เราจะยังคงตาบอดอยู่อีกหรือ?

วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า



เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า เริ่มต้นในวันอาทิตย์ที่ 30 พ.ย. นี้  ซึ่งถือเป็นปีใหม่ในพระศาสนจักรคาทอลิก  วีดีโอนี้จะอธิบายถึงเทศกาลเตรียมรับเสด็จอย่างสั้นๆเป็นเวลาสองนาที

วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2557

คอเดินเบิร์ก



คอเดินเบิร์ก คือ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับเทศกาลคริส­ต์มาสในเยอรมนี

วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557

จงตื่นเฝ้าระวังเถิด


บทความต่อไปนี้นำมาจาก Scott Hahn:
บทอ่าน
อิสยาห์ 63:16-17, 19
บทสดุดี 80:2-3, 15-16, 18-19
โครินทร์ 1 1:3-9
มก. 13:33-37


ปีใหม่ในพระศาสนจักรเริ่มต้นด้วยคำวิงวอนขอให้พระเป็นเจ้าเสด็จมา “โอพระผู้สถิตในสรวงสวรรค์  โปรดเสด็จมาเถิด”  ประกาศกอิสยาห์ร้องคร่ำครวญในวันนี้  ในบทอ่านที่หนึ่ง

บทสดุดี ก็เช่นเดียวกัน  เราจะได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญของชาวอิสราเอล  วิงวอนต่อพระเป็นเจ้าให้ทอดพระเนตรจากพระบัลลังก์บนสวรรค์  ให้ทรงช่วยเหลือและคุ้มครองประชากรของพระองค์

บทอ่านในวันนี้เป็นบทอ่านสั้นๆ  ใช้ภาษาง่ายๆ  แต่เราจะสังเกตุถึงอารมณ์ที่จริงจังและเปี่ยมด้วยความหวัง  เมื่อประชากรอิสราเอลตระหนักถึงบาปของตน  การที่พวกเขาไม่ถือตามพระบัญญัติของพระเป็นเจ้า และความอ่อนแอที่ไม่สามารถปกป้องตนเองได้

ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จนี้  เราจึงควรพิจารณาชีวิตของเรา  ตรวจสอบจิตสำนึกของเรา  เช่นเดียวกับชาวอิสราเอลเหล่านั้น  มีหลายครั้งมิใช่หรือ ที่เรามีใจแข็งกระด้าง  ไม่ทำตามพระบัญญัติ  ออกนอกทางของพระเจ้า  และปฏิเสธความรักของพระองค์?

แต่พระเป็นเจ้าทรงซื่อสัตย์  นักบุญเปาโลเตือนเราในวันนี้ในบทอ่านว่า  พระเป็นเจ้าทรงเป็นพระบิดาของเรา  พระองค์ทรงจับตามองบรรดาบุตรของพระองค์เสมอ  เพื่อเห็นแก่ชาวอิสราเอลและเห็นแก่พวกเรา  พระองค์จึงทรงเสด็จลงมาจากสวรรค์ – เพื่อไถ่บาปเราทำให้เรากลับคืนดีกับพระเป็นเจ้าและดำรงอยู่ในความรักของพระองค์

ในองค์พระเยซูเจ้า เราได้เห็นพระบิดา (ยน. 14:8-9)  พระบิดาทรงฉายแสงพระพักตร์ของพระองค์มายังเรา  ในองค์พระเยซูเจ้า  พระองค์เป็นนายชุมพาบาลที่ดี (ยน. 10:11 – 15) ที่มานำทางเราไปสู่อาณาจักรสวรรค์  ไม่ว่าเราจะหลงออกนอกทางไปไกลเพียงใด  พระองค์จะประทานชีวิตใหม่ให้แก่เราถ้าเราหันมาหาพระองค์  ถ้าเราเรียกพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์  ถ้าเราสัญญาว่าจะไม่ถอยห่างออกจากพระองค์อีก

ดังที่นักบุญเปาโลกล่าวในวันนี้  พระองค์จะทรงประทานพระพรฝ่ายจิตทุกประการแก่เรา  -  โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือศีลมหาสนิทและศีลอภัยบาป  -  เพื่อทำให้เรายืนหยัดอยู่ได้ในขณะที่เรากำลังรอคอยการเสด็จมาครั้งสุดท้ายของพระคริสตเจ้า  พระองค์จะช่วยเราให้ยืนหยัดจนถึงที่สุด   ถ้าหากเรายอมให้พระองค์ช่วยเรา

ดังนั้น  ในเทศกาลนี้  ให้เราสำนึกผิดกลับใจ  จงระลึกถึงพระวาจาของพระเยซูเจ้าในพระวรสารวันนี้  -  จงตื่นเฝ้าระวังเถิด  เพราะท่านไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะกลับมาในเวลาใด