พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่
16 จะมีอายุครบ 89 ปีในวันเสาร์ที่ 15 เม.ย. 2016 นี้ พระองค์ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งพระสันตปาปาว่า
“ด้วยใจอิสระของข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าขอประกาศว่า ข้าพเจ้าขอลาออกจากตำแหน่งพระสังฆราชแห่งโรม” ภารกิจใหม่ของพระองค์คือการช่วยเหลือพระสันตปาปาองค์ใหม่และจะไม่พูดในที่สาธารณะ
เราอาจได้ติดต่อพระองค์ได้ทางเดียวคือจากเฟสบุ๊คในพระนามของพระองค์
Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2024 คำถามเรื่องการหย่าร้าง
  ชาวฟาริสีบางคนทูลถามหวังจะจับผิดพระองค์ว่า “เป็นการถูกต้องหรือไม่ที่ชายจะหย่ากับภรรยา” พระองค์ตรัสตอบว่า “โมเสสได้บัญญัติไว้ว่าอย่างไร เขาทูลตอบว่า “โมเสสอนุญาตให้ทำหนังสือหย่าร้างและหย่ากันได้” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เพราะใจดื้อหยาบกระด้างของท่าน โมเสสจึงได้เขียนบัญญัติข้อนี้ไว้ แต่เมื่อแรกสร้างโลกนั้นพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นชายและหญิง ดังนั้น ชายจะละบิดามารดา และชายหญิงจะเป็นเนื้อเดียวกัน ดังนี้ เขาจึงไม่เป็นสองอีกต่อไป แต่เป็นเนื้อเดียวกัน ดังนั้นสิ่งที่พระเจ้าทรงรวมกันไว้ มนุษย์อย่าแยกเลย” เมื่อกลับเข้าไปในบ้านแล้ว บรรดาศิษย์ทูลถามถึงเรื่องนี้อีก พระองค์จึงตรัสตอบว่า “ผู้ใดหย่าร้างภรรยา และแต่งงานกับอีกคนหนึ่ง ก็ทำผิดประเวณีต่อภรรยาคนเดิม และถ้าหญิงคนหนึ่งหย่ากับสามีไปแต่งงานกับอีกคนหนึ่ง ก็ทำผิดประเวณีเช่นเดียวกัน”
  พระเยซูเจ้าและเด็กเล็ก ๆ
  มีผู้นำเด็กเล็ก ๆ มาเฝ้าพระเยซูเจ้าเพื่อทรงสัมผัสอวยพร แต่บรรดาศิษย์กลับดุว่าคนเหล่านั้น เมื่อทรงเห็นเช่นนี้ พระองค์กริ้ว ตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ปล่อยให้เด็กเล็ก ๆ มาหาเราเถิด อย่าห้ามเลย เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นของคนที่เหมือนเด็กเหล่านี้ เราบอกความจริงกับท่านว่า ผู้ใดไม่รับพระอาณาจักรของพระเจ้าอย่างเด็กเล็ก ๆ เขาจะไม่เข้าสู่พระอาณาจักรนั้นเลย” แล้วพระองค์ทรงอุ้มเด็กเหล่านั้นไว้ ทรงปกพระหัตถ์ และประทานพระพร
(มาระโก 10:2-16)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2024 คำถามเรื่องการหย่าร้าง
  ชาวฟาริสีบางคนทูลถามหวังจะจับผิดพระองค์ว่า “เป็นการถูกต้องหรือไม่ที่ชายจะหย่ากับภรรยา” พระองค์ตรัสตอบว่า “โมเสสได้บัญญัติไว้ว่าอย่างไร เขาทูลตอบว่า “โมเสสอนุญาตให้ทำหนังสือหย่าร้างและหย่ากันได้” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เพราะใจดื้อหยาบกระด้างของท่าน โมเสสจึงได้เขียนบัญญัติข้อนี้ไว้ แต่เมื่อแรกสร้างโลกนั้นพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นชายและหญิง ดังนั้น ชายจะละบิดามารดา และชายหญิงจะเป็นเนื้อเดียวกัน ดังนี้ เขาจึงไม่เป็นสองอีกต่อไป แต่เป็นเนื้อเดียวกัน ดังนั้นสิ่งที่พระเจ้าทรงรวมกันไว้ มนุษย์อย่าแยกเลย” เมื่อกลับเข้าไปในบ้านแล้ว บรรดาศิษย์ทูลถามถึงเรื่องนี้อีก พระองค์จึงตรัสตอบว่า “ผู้ใดหย่าร้างภรรยา และแต่งงานกับอีกคนหนึ่ง ก็ทำผิดประเวณีต่อภรรยาคนเดิม และถ้าหญิงคนหนึ่งหย่ากับสามีไปแต่งงานกับอีกคนหนึ่ง ก็ทำผิดประเวณีเช่นเดียวกัน”
  พระเยซูเจ้าและเด็กเล็ก ๆ
  มีผู้นำเด็กเล็ก ๆ มาเฝ้าพระเยซูเจ้าเพื่อทรงสัมผัสอวยพร แต่บรรดาศิษย์กลับดุว่าคนเหล่านั้น เมื่อทรงเห็นเช่นนี้ พระองค์กริ้ว ตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ปล่อยให้เด็กเล็ก ๆ มาหาเราเถิด อย่าห้ามเลย เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นของคนที่เหมือนเด็กเหล่านี้ เราบอกความจริงกับท่านว่า ผู้ใดไม่รับพระอาณาจักรของพระเจ้าอย่างเด็กเล็ก ๆ เขาจะไม่เข้าสู่พระอาณาจักรนั้นเลย” แล้วพระองค์ทรงอุ้มเด็กเหล่านั้นไว้ ทรงปกพระหัตถ์ และประทานพระพร
(มาระโก 10:2-16)
วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2559
วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2559
นิมิตของนักบุญโฟสตีนา1
ความยิ่งใหญ่ของพระเป็นเจ้า
พระสิริรุ่งโรจน์ของพระเป็นเจ้านั้นยิ่งใหญ่มากจนดิฉันไม่กล้าที่จะอธิบาย เพราะดิฉันไม่สามารถอธิบายได้ดีพอ และคนที่อ่านอาจคิดว่าพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเป็นเจ้ามีเพียงเท่าที่ดิฉันอธิบายเท่านั้น
พระเยซูเจ้าทรงให้ดิฉันรู้ถึงความยินดีในสวรรค์และความยินดีของบรรดานักบุญเมื่อพวกท่านได้ไปถึงที่นั่น
พวกท่านรักพระเป็นเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจของท่าน แต่ท่านก็ยังมีหัวใจอันอ่อนโยนในความรักต่อพวกเราด้วย
ความชื่นชมยินดีของบรรดานักบุญเหล่านี้ฉายแสงมาจากพระพักตร์ของพระเป็นเจ้าลงมายังพวกท่าน เพราะพวกท่านได้เห็นพระองค์หน้าต่อหน้า
พระพักตร์ของพระองค์ช่างอ่อนหวานจนทำให้วิญญาณตกอยู่ในภวังค์
วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2559
เด็กหญิงตาบอดพบพระสันตปาปา
Lizzy Myers
เด็กหญิงชาวอเมริกัน อายุ 5 ปี มีความฝันที่จะพบกับพระสันตปาปาฟรังซิส เธอเป็นโรคทำให้ตาบอดสนิท พระสันตะปาปาทรงอวยพรเธอและตรัสว่าจะสวดภาวนาเพื่อเธอ
วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2559
วันทามารีย์7
นักบุญเบอร์นาร์ด และนักบุญหลายท่านกล่าวว่า ยังไม่เคยได้ยินเลยว่า พระนางมารีย์ทรงปฎิเสธคำวิงวอนขอของลูกของพระนางบนโลกนี้ซึ่งสวดภาวนาวอนขอความช่วยเหลือจากพระนาง ทำไมเราจึงไม่ตระหนักในความจริงนี้ล่ะ? ทำไมเราปฏิเสธความรักและความบรรเทาใจซึ่งพระมารดาอ่อนหวานของพระเจ้าทรงเสนอให้กับเราเล่า?
นักบุญ เกอร์ทรูดได้บอกกับเราในหนังสือ "Revelations" ของเธอว่า เมื่อใดก็ตามที่เราขอบพระคุณพระเป็นเจ้าสำหรับพระหรรษทานใดๆที่พระองค์ทรงประทานแก่นักบุญองค์ใดก็ตาม, เราก็จะได้รับส่วนแบ่งพระหรรษทานนั้นๆด้วย.
จะมีพระหรรษทานใดหรือที่เราจะไม่ได้รับเมื่อเราสวดบทวันทามารีอา เพื่อขอบพระคุณพระเป็นเจ้า? เพราะพระหรรษทานทุกประการนั้น พระองค์ทรงประทานให้กับพระมารดาของพระองค์แล้ว
วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2559
แม่น้ำไนล์สีเลือด
Tuesday, April 5, 2016, 7:01 PM –ภาพจากดาวเทียมของยุโรป <European Space Agency ดูเหมือนแม่น้ำไนล์ของอิยิปต์จะเป็นสีแดงเหมือนสีเลือด ทำให้คิดถึงเรื่องราวในพระคัมภีร์ แต่แท้ที่จริงแล้วมันเป็นอย่างอื่น
รายการโทรทัศน์รายงานอากาศกล่าวว่า สิ่งที่ดูเหมือนเลือดที่ปรากฏในแม่น้ำไนล์ที่อยู่ใจกลางประเทศอิยิปต์นั้นไม่ใช่เลือด และมันไม่ได้อยู่ในแม่น้ำไนล์ สีแดงที่เห็นเป็นทางยาวนั้นเป็นผักที่ขึ้นอยู่ริมฝั่งแม่น้ำและแผ่ขยายไปตามแม่น้ำจนถึงสันดอน
ภาพข้างบนถ่ายได้เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2016 โดยดาวเทียม ESA's Sentinel-3
วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2559
วันทามารีย์6
พระสงฆ์องค์หนึ่งถูกเชิญให้ไปพบชายคนหนึ่งซึ่งใกล้ตายและรู้สึกสิ้นหวังเพราะมีบาปหนัก.
ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม, ชายคนนี้ก็ปฎิเสธที่จะสารภาพบาป ในที่สุด,คุณพ่อขอให้เขาสวดบทวันทามารีอาอย่างน้อยหนึ่งบท.
ชายคนนี้ยอมทำตาม, หลังจากสวดแล้วเขาก็ยอมสารภาพบาปอย่างเต็มใจและได้สิ้นใจอย่างดี.
พระสงฆ์อีกองค์หนึ่งได้รับการขอร้องให้ไปพบกับสตรีโปรแตสแตนท์ซี่งกำลังป่วยหนักและเธอปรารถนาจะมาเป็นคาทอลิก.
ท่านถามสตรีผู้นั้นว่า
เธอเคยไปโบสถ์คาทอลิก, หรือเคยพูดคุยกับคริสตชนคาทอลิก หรือเคยอ่านหนังสือคาทอลิกบ้างหรือไม่? เธอตอบว่า"ไม่เคยเลย"
สิ่งที่เธอจำได้คือ
- - - เมื่อตอนเป็นเด็ก ---
เธอเคยได้เรียนรู้บทสวดวันทามารีอาจากเด็กหญิงเพื่อนบ้านซึ่งเป็นคาทอลิกคนหนึ่ง.
และเธอได้สวดบทวันทามารีอานี้ทุกคืน. เธอได้รับการล้างบาปมาเป็นคาทอลิก
และก่อนที่เธอจะสิ้นใจ,เธอมีความสุขมากที่ได้เห็นสามีและลูกๆของเธอได้รับศีลล้างบาปด้วย
วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2559
กราดิเอเตอร์
อาณาจักรโรมันสมัยโบราณ มีเกมส์การต่อสู้ยอดนิยมอย่างหนึ่ง นั่นคือการต่อสู้ระหว่างนักโทษในสนามกีฬากลางแจ้ง เหมือนที่เราเคยดูในภาพยนตร์เรื่องกราดิเอเตอร์
(Gladiator)
มันเป็นความบันเทิงของคนดูที่ได้เห็นความรุนแรง
ความโหดร้ายของมนุษย์ซึ่งมักจะจบลงด้วยความตาย
ต่อมาเกมส์การต่อสู้กราดิเอเตอร์นี้ก็หมดสิ้นไป เท่าที่รู้คือตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ.
404 และมันหมดสิ้นไปได้อย่างไร?
นั่นเป็นเพราะนักบุญองค์หนึ่ง
เทเลมาคัส Telemachus เป็นนักพรตคริสตศาสนาที่มาจากตะวันออก เดินทางมายังโรม ท่านได้ชมกีฬาที่น่ากลัวนี้ และถึงแม้เวลานั้นจักรพรรดิทิโอโดซิอุสจะทำให้คริสตศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติแล้วในปี
ค.ศ. 380 แต่เกมส์การต่อสู้กราดิเอเตอร์ก็ยังคงมีอยู่ต่อไป
ตามข้อเขียนในศตวรรษที่
5 ของพระสังฆราชทิโอโดเรทแห่งไซรัส (bishop Theodoret
of Cyrus)ได้เล่าว่า เทเลมาคัสวิ่งลงไปกลางสนามต่อสู้กราดิเอเตอร์ และพยายามหยุดการต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่ ทำให้ผู้คนที่กำลังชมโกรธเคืองเป็นอันมาก พวกเขาขว้างก้อนหินลงมาทำให้เทเลมาคัสเสียชีวิต
จักรพรรดิโฮโนริอุส
รู้สึกวุ่นวายพระทัยมากที่มีการฆาตกรรมนักพรตผู้ศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้
พระองค์จึงสั่งระงับเกมส์กราดิเอเตอร์เสียตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา และเกมส์กีฬาที่โหดเหี้ยมนี้ก็ไม่มีอีกเลย
ความกล้าหาญของนักบุญเทเลมาคัส คงเป็นเครื่องเตือนใจสำหรับความอยุติธรรมในสมัยของเรานี้ด้วย
ความอยุติธรรมซึ่งพระเป็นเจ้าทรงเรียกร้องให้เราคริสตชนแสดงความกล้าหาญที่จะหยุดยั้งมัน ถึงแม้จะต้องพลีชีพก็ตาม
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)