Gabriel's Oboe di Morricone interpretata dai 2 Cellos
Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 6 กรกฏาคม 2025 พระเยซูขอให้เราช่วยประกาศข่าวดี
& ต่อจากนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแต่งตั้งศิษย์อีกเจ็ดสิบสองคนและทรงส่งเขาล่วงหน้าพระองค์เป็นคู่ ๆ ไปทุกตำบลทุกเมืองที่พระองค์จะเสด็จ พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ข้าวที่จะเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย จงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด จงไปเถิด เราส่งท่านทั้งหลายไปดุจลูกแกะในฝูงสุนัขป่า อย่านำถุงเงิน ย่ามหรือรองเท้าไปด้วย อย่าเสียเวลาทักทายผู้ใดตามทาง เมื่อท่านเข้าบ้านใด จงกล่าวก่อนว่า “สันติสุขจงมีแก่บ้านนี้เถิด” ถ้ามีผู้สมควรจะรับสันติสุขอยู่ที่นั่นสันติสุขของท่านจะอยู่กับเขา มิฉะนั้น สันติสุขของท่านจะกลับมาอยู่กับท่านอีก จงพักอาศัยในบ้านนั้น กินและดื่มของที่เขาจะนำมาให้ เพราะว่าคนงานสมควรที่จะได้รับค่าจ้างของตน อย่าเข้าบ้านนี้ออกบ้านโน้น เมื่อท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาต้อนรับท่าน จงกินของที่เขาจะนำมาตั้งให้ จงรักษาผู้เจ็บป่วยในเมืองนั้นและบอกเขาว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้ท่านทั้งหลายแล้ว” แต่ถ้าท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาไม่ต้อนรับ ก็จงออกไปกลางลานสาธารณะ และกล่าวว่า “แม้แต่ฝุ่นจากเมืองของท่านที่ติดเท้าของเรา เราจะสลัดทิ้งไว้ปรักปรำท่าน จงรู้เถิดว่า พระอาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว” เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในวันพิพากษา ชาวเมืองโสดมจะรับโทษเบากว่าชาวเมืองนั้น
& ศิษย์ทั้งเจ็ดสิบสองคนกลับมาด้วยความชื่นชมยินดี ทูลว่า “พระเจ้าข้า แม้แต่ปีศาจก็ยังอ่อนน้อมต่อเราเดชะพระนามของพระองค์” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราเห็นซาตานตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ จงฟังเถิด เราให้อำนาจแก่ท่านที่จะเหยียบงูและแมงป่อง มีอำนาจเหนือกำลังทุกอย่างของศัตรู ไม่มีอะไรจะทำร้ายท่านได้ อย่าชื่นชมยินดีที่ปีศาจอ่อนน้อมต่อท่าน แต่จงชื่นชมยินดีมากกว่าที่ชื่อของท่านจารึกไว้ในสวรรค์แล้ว”
(ลูกา 10:1-12; 17-20)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 6 กรกฏาคม 2025 พระเยซูขอให้เราช่วยประกาศข่าวดี
& ต่อจากนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแต่งตั้งศิษย์อีกเจ็ดสิบสองคนและทรงส่งเขาล่วงหน้าพระองค์เป็นคู่ ๆ ไปทุกตำบลทุกเมืองที่พระองค์จะเสด็จ พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ข้าวที่จะเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย จงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด จงไปเถิด เราส่งท่านทั้งหลายไปดุจลูกแกะในฝูงสุนัขป่า อย่านำถุงเงิน ย่ามหรือรองเท้าไปด้วย อย่าเสียเวลาทักทายผู้ใดตามทาง เมื่อท่านเข้าบ้านใด จงกล่าวก่อนว่า “สันติสุขจงมีแก่บ้านนี้เถิด” ถ้ามีผู้สมควรจะรับสันติสุขอยู่ที่นั่นสันติสุขของท่านจะอยู่กับเขา มิฉะนั้น สันติสุขของท่านจะกลับมาอยู่กับท่านอีก จงพักอาศัยในบ้านนั้น กินและดื่มของที่เขาจะนำมาให้ เพราะว่าคนงานสมควรที่จะได้รับค่าจ้างของตน อย่าเข้าบ้านนี้ออกบ้านโน้น เมื่อท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาต้อนรับท่าน จงกินของที่เขาจะนำมาตั้งให้ จงรักษาผู้เจ็บป่วยในเมืองนั้นและบอกเขาว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้ท่านทั้งหลายแล้ว” แต่ถ้าท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาไม่ต้อนรับ ก็จงออกไปกลางลานสาธารณะ และกล่าวว่า “แม้แต่ฝุ่นจากเมืองของท่านที่ติดเท้าของเรา เราจะสลัดทิ้งไว้ปรักปรำท่าน จงรู้เถิดว่า พระอาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว” เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในวันพิพากษา ชาวเมืองโสดมจะรับโทษเบากว่าชาวเมืองนั้น
& ศิษย์ทั้งเจ็ดสิบสองคนกลับมาด้วยความชื่นชมยินดี ทูลว่า “พระเจ้าข้า แม้แต่ปีศาจก็ยังอ่อนน้อมต่อเราเดชะพระนามของพระองค์” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราเห็นซาตานตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ จงฟังเถิด เราให้อำนาจแก่ท่านที่จะเหยียบงูและแมงป่อง มีอำนาจเหนือกำลังทุกอย่างของศัตรู ไม่มีอะไรจะทำร้ายท่านได้ อย่าชื่นชมยินดีที่ปีศาจอ่อนน้อมต่อท่าน แต่จงชื่นชมยินดีมากกว่าที่ชื่อของท่านจารึกไว้ในสวรรค์แล้ว”
(ลูกา 10:1-12; 17-20)
วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
ทาสสมัยใหม่
ทาสสมัยใหม่มีมากกว่า
50 ล้านคน และ 60% อยู่ในเอเชีย
ประเทศในเอเชียที่มีทาสเป็นเปอร์เซ็นต์ที่มากที่สุดมี 5 ประเทศ ได้แก่ เกาหลีเหนือ อุซเบกิสสถาน
กัมพูชา อินเดีย และกาตาร์ การค้าทาสเป็นธุรกิจที่เกิดจากความต้องการแรงงานราคาถูก กระทำโดยกลุ่มอาชญากรเป็นผู้ทำการค้ามนุษย์ มนุษย์แสวงหาประโยชน์จากมนุษย์ด้วยกันเอง จึงมีความจำเป็นต้องมีกฎหมายที่เข้มงวดต่อผู้กระทำความผิด ต้องมีการประกอบธุรกิจและการผลิตที่โปร่งใส เปลี่ยนแปลงทัศนะคติและค่านิยมที่ไม่ถูกต้อง ส่งเสริมศีลธรรมอันดีงามและต่อสู้กับลัทธิบริโภคนิยม
วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
ชิวีตหลังความตาย
ผู้เห็นแม่พระในเมดจูกอเรจ์
– อิวานกา กล่าวว่า “ในเวลาแห่งความตายคุณจะรู้สึกถึงการแยกจากของร่างกับและวิญญาณ”
อิวานกาเล่าว่า
พระนางมารีย์ตรัสกับเธอว่า “ลูกจะไปสู่สวรรค์ด้วยสติสัมปชัญญะอย่างเต็มเปี่ยมเหมือนที่ลูกมีอยู่ในเวลานี้
ในเวลาแห่งความตายลูกจะรู้สึกถึงการแยกจากของร่างกายและวิญญาณ เป็นคำสอนที่ผิดพลาดที่บอกว่า คนเราจะเกิดใหม่หลายครั้งและเราจะมีร่างกายที่แตกต่างไป คนเราเกิดมาได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ร่างกายเป็นสิ่งที่มาจากโลกและมันจะเน่าเปื่อยไปหลังจากที่ตายแล้ว มันจะไม่กลับคืนมามีชีวิตได้อีก มนุษย์ได้รับร่างกายที่อนิจจัง”
คำถามสำหรับวิกก้า – “เธอเป็นผู้เห็นแม่พระอีกคนหนึ่งที่ได้พบกับแม่พระทุกวัน เกี่ยวกับชีวิตในโลกหน้า ในสวรรค์
ชีวิตในเวลานี้จะเปรียบได้กับชีวิตในโลกหน้าที่กำลังรอคอยเราอยู่ได้หรือไม่?
วิกก้า – “แม่พระตรัสว่า พวกเราบนโลกจะได้อยู่ในสวรรค์ นรก หรือไฟชำระ
ก็ขึ้นกับการตัดสินใจของมนุษย์เอง พระนางตรัสว่าบนโลกนี้
พวกเราหลายคนคิดว่าเมื่อตายไปแล้วทุกอย่างก็จบสิ้น
พระนางมารีย์ยืนยันว่าพวกเราเป็นเพียงผู้ที่กำลังเดินทางอยู่บนโลกนี้เท่านั้น
และชีวิตในโลกนี้ไม่อาจเปรียบเทียบได้กับชีวิตในโลกหน้า – ในสวรรค์
ซึ่งกำลังรอคอยเราอยู่ได้เลย
วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
พระสัญญา
On this mountain the Lord of
hosts
will provide for all peoples
A feast of rich food and choice
wines,
juicy, rich food and pure, choice wines.
On this mountain he will destroy
the veil that veils all peoples,
the web that is woven over
nations;
he will destroy death forever.
The Lord God will wipe away
the tears from all faces; The reproach of his people he will remove
from the whole earth; for the
Lord has spoken.
– Isaiah 25:6-8
|
บนภูเขานี้ พระเจ้าจอมโยธา
จะทรงจัดการเลี้ยงสำหรับบรรดาชนชาติทั้งหลาย เป็นการเลี้ยงด้วยอาหารชั้นเลิศและไวน์ที่คัดสรร น้ำผลไม้ อาหารดีเลิศและสะอาด ไวน์ที่คัดสรร
บนภูเขานี้พระองค์จะทรงทำลาย
ผ้าคลุมหน้าซึ่งคลุมหน้าบรรดาชนชาติทั้งหลาย และตาข่ายที่กางอยู่เหนือนานาชาติ พระองค์จะทรงทำลายความตายให้สูญสิ้นไป องค์พระเจ้าสูงสุดจะทรงเช็ด หยาดน้ำตาจากใบหน้าของทุกคน การถูกลบหลู่ของประชากรของพระองค์จะถูกกำจัด จากทั่วแผ่นดินโลก เพราะพระเจ้าทรงตรัสไว้แล้ว – อิสยาห์ 25:6-8 |
วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
คุกใต้ดินที่ใช้ขังพระเยซูเจ้า
ในบ้านของกายฟาส
หัวหน้าสมณะมีคุกใต้ดินที่ใช้ขังพระเยซูเจ้า
เมื่อพวกทหารของสมณะจับพระเยซูเจ้ามาจากสวนเก็ธเซเมนี
เขานำพระองค์มาที่วังของกายฟาส
พระองค์ถูกไต่สวนและถูกกล่าวหาว่าได้ทำผิดเพราะได้อ้างว่าเป็นบุตรของพระเจ้า
แต่พระองค์ไม่ทรงสะทกสะท้านต่อคำกล่าวหาของเขา
สมณะได้ขังพระองค์ไว้ที่คุกใต้ดินซึ่งมืดและหนาวเย็นเป็นเวลา 1 คืน
เพื่อที่จะนำพระองค์ไปให้ปิลาตสอบสวนในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น คุกใต้ดินนี้ถูกเรียกว่า
Gallicantu มีความหมายว่า “เสียงร้องของไก่, ไก่ขัน” (cock's crow)
คุกใต้ดินมีสภาพเหมือนถ้ำ
และเมื่อมองขึ้นบนเพดานจะเห็นว่ามีช่อง ซึ่งคงใช้หย่อนตัวนักโทษลงมา
และใช้สำหรับเฝ้ามองนักโทษซึ่งถูกจับขังจากเบื้องบน ในคุกนี้ทั้งมืดและหนาว
และแน่นอนคงมีกลิ่นเหม็นมากด้วย
นี่จึงเป็นอีกมิติหนึ่งของพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า
ผู้คุมหย่อนนักโทษลงมาด้วยเชือกและไม่ต้องสงสัยเลยว่า
เมื่อเขาดึงนักโทษกลับขึ้นไปก็ย่อมมีนักโทษบางคนที่กลายเป็นศพไปเรียบร้อยแล้ว
บทสดุดีที่ 88:6 ได้กล่าวทำนายถึงพระมหาทรมานนี้ไว้อย่างไร? (“พระองค์ได้วางข้าพระองค์ไว้ในแดนผู้ตายที่ลึกที่สุด
ทั้งมืดและลึก....)
ซากโบราณสถานนี้จึงให้ภาพของความทุกข์ทรมานของพระเยซูเจ้าในอีกแง่มุมหนึ่ง
ลองจินตนาการถึงพระเยซูเจ้าขณะที่อยู่ในคุกใต้ดินนี้ซึ่งมีเพดานสูงมาก
ไม่มีนักโทษคนใดสามารถหนีออกไปได้ อีกทั้งยังมีกลิ่นของสิ่งสกปรก
พวกทหารคงหย่อนพระองค์ลงไปด้วยเชือก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)