เวลานี้มีวีดีโอเผยแพร่ในยูทูป
เป็นวีดีโอที่จับภาพพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขนของโบสถ์แห่งหนึ่งในเม็กซิโก church in Mexico's state
of Coahuila de Zaragoza
ภาพถ่ายในวีดีโอจะเห็นรูปพระเยซูเจ้าเปิดและปิดตาในทันทีทันใด
Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม 2025 สมโภชพระนางมารีย์รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์
‘หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใด ๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำไมหนอพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า จึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่พระเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง”
(ลูกา 1:39-56)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม 2025 สมโภชพระนางมารีย์รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์
‘หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใด ๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำไมหนอพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า จึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่พระเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง”
(ลูกา 1:39-56)
วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2559
วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2559
เสียงร้องขอความช่วยเหลือจากซิสเตอร์ในซีเรีย
5 ส.ค. 2016 :
“สถานการณ์ซับซ้อนมากและเราได้ยินเรื่องราวมากมาย
แต่ความจริงที่เรารู้ก็คือประชาชนที่นี่กำลังเดือดร้อนและกำลังจะตาย”
นี่เป็นคำพูดของซิสเตอร์ Anne-Françoise ชาวฝรั่งเศสที่อยู่ในอารามคาร์เมลแห่งเมืองอะเลปโป
ประเทศซีเรีย ท่านได้กล่าวในโทรศัพท์กับมูลนิธิคาทอลิกการกุศลเพื่อช่วยเหลือโบสถ์ที่ขัดสนและเดือดร้อนในอะเลปโป อันเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับสอง และมีกำลังมีการสู้รบอย่างหนักระหว่างรัฐบาลซีเรียกับกลุ่มกบฏ
คอนแวนต์ของซิสเตอร์เหล่านี้อยู่บริเวณชานเมืองอะเลปโป เป็นบริเวณที่ได้รับผลจากสู้รบโดยตรง ซิสเตอร์ได้รายงานว่า “เมื่อกองทัพซีเรียพยายามป้องกันที่มั่นจากกลุ่มกบฏ มีการทิ้งระเบิดใกล้กับคอนแวนต์ของเรา ขอบพระคุณพระเจ้า ที่มันไม่ถูกเรา แต่เราก็ยังคงได้ยินเสียงกระสุนระเบิดผ่านหัวของเราไป”
ซิสเตอร์คาร์เมลไลท์ สี่คนเป็นชาวซีเรีย และสองคนเป็นชาวฝรั่งเศส
ได้รวบรวมผู้ลี้ภัยจำนวนหนี่งมาอยู่ในอาคารที่ติดกับคอนแวนต์ และได้เลี้ยงดูพวกเขาเท่าที่ทำได้ “ในเวลานี้มีแต่เพียงคนยากจนที่สุดเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในอะเลปโป
คริสตชนหลายคนได้ทิ้งเมืองไปแล้วตั้งแต่เกิดสงคราม เราไม่มีน้ำ
ไม่มีไฟฟ้า และการสู้รบก็ยังดำเนินอยู่ต่อไป
ใครจะกลับมาในสถานการณ์เช่นนี้ได้เล่า” ซิสเตอร์กล่าว
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าซิสเตอร์ทั้งหกคนมีความกลัวเช่นเดียวกัน แต่พวกท่านตัดสินใจที่จะอยู่กับประชาชน ซิสเตอร์ Anne-Françoise กล่าวว่า “เราจะละทิ้งพวกเขาไปได้อย่างไรเล่า?
การที่พวกเราอยู่กับเขาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกเขามาก เราได้รับพลังใจและความกล้าจากการสวดภาวนา นี่เป็นสิ่งปกป้องพวกเรา การเจรจาไม่ประสบผลสำเร็จ
เราได้แต่สวดภาวนาขอให้พระเป็นเจ้าทรงทำให้สงครามสงบลง”
สงครามเกิดขึ้นมาหลายปี ทำให้คริสตชนต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ ซิสเตอร์ Anne-Françoise
กลัวว่าจะมีอีกหลายครอบครัวที่ละทิ้งอะเลปโป ไป
เมืองนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของคริสต์ศาสนาในซีเรีย ตั้งแต่ปี 2011 เมื่อเริ่มเกิดสงคราม ประชากรคริสตชนมีอยู่ 160,000
คนในเมืองนี้ บัดนี้เหลืออยู่ไม่ถึง
40,000 คน
“ตะวันออกกลาง
เคยเป็นดินแดนของพระคริสต์
บัดนี้มันเสียงต่อการไม่มีคริสตชนเหลืออยู่เลย เป็นความจริงที่เจ็บปวด วิกฤตการณ์ยังไม่ยุติ
ผู้ลี้ภัยต้องออกจากบ้านเกิดเมืองนอนของตนและบางทีก็สูญเสียรากฐานทางด้านจิตใจของพวกเขาด้วย”
ซิสเตอร์กล่าว
ซิสเตอร์วิงวอนต่อนานาชาติและคริสตชนทุกคนทั่วโลกว่า
“โปรดสงสารประชาชนนับพันคนซึ่งอยู่ที่นี่ด้วยที่ถูกแบ่งแยกด้วยสงคราม โปรดอย่าลืมพวกเรา เราต้องการคำภาวนาของพวกท่านและความช่วยเหลือต่างๆจากพวกท่าน”
วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2559
วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2559
คริสต์มาสในสมรภูมิสงครามโลกครั้งที่ 1
เหตุการณ์อัศจรรย์เกิดขึ้นในวันคริสต์มาส ณ. แนวหน้าสมรภูมิสงครามโลกครั้งที 1 ทหารทั้งสองฝ่ายที่เป็นศํตรูกัน ได้กลับมาเป็นมิตรกันในวันคริสต์มาส...อ่านต่อ
วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2559
The Boy Who Met Jesus
สำหรับแต่ละคน วาระสุดท้ายคือวันตายของเขา
และวาระสุดท้ายของมนุษยชาติ คือวันที่พระเยซูเจ้าเสด็จกลับมาครั้งที่สอง
>>>อ่านต่อ
และวาระสุดท้ายของมนุษยชาติ คือวันที่พระเยซูเจ้าเสด็จกลับมาครั้งที่สอง
>>>อ่านต่อ
วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2559
รูปการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย
อะไรที่ขาดหายไปจากรูปภาพที่มีชื่อเสียงนี้? และเหตุใดจึงต้องใช้เวลาที่ 5 ศตวรรษจึงมีผู้สังเกตุเห็น?
>>>อ่านต่อ
วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2559
เศรษฐีกับลาซารัส
ภาพยนตร์ประกอบนิทานเปรียบเทียบเรื่องเศรษฐีกับลาซารัส
เศรษฐีผู้หนึ่ง
แต่งกายหรูหราด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีราคาแพง จัดงานเลี้ยงใหญ่ทุกวัน คนยากจนผู้หนึ่งชื่อลาซารัส
นอนอยู่ที่ประตูบ้านของเศรษฐีผู้นั้น เขามีบาดแผลเต็มตัว เขาอยากจะกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของเศรษฐี แต่ไม่มีใครให้เขากิน มีแต่สุนัขมาเลียแผลของเขา
วันหนึ่ง
คนยากจนผู้นี้ตายไป ทูตสวรรค์นำเขาไปอยู่ในอ้อมอกของอับราฮัม ส่วนเศรษฐีคนนั้นก็ตายเช่นเดียวกัน
และถูกฝังไว้
เศรษฐีซึ่งกำลังถูกทรมานอยู่ในแดนผู้ตาย
แหงนหน้าขึ้น มองเห็นอับราฮัมแต่ไกล และเห็นลาซารัสอยู่ในอ้อมอก จึงร้องตะโกนว่า “ท่านพ่ออับราฮัม จงสงสารลูกด้วย
กรุณาส่งลาซารัสให้ใช้ปลายนิ้วจุ่มน้ำมาแตะลิ้นให้ลูกสดชื่นขึ้นบ้าง
เพราะลูกกำลังทุกข์ทรมานอย่างสาหัสในเปลวไฟนี้” แต่อับราฮัมตอบว่า “ลูกเอ๋ย จงจำไว้ว่า เมื่อยังมีชีวิต ลูกได้รับแต่สิ่งดี ๆ
ส่วนลาซารัสได้รับแต่สิ่งเลว ๆ บัดนี้เขาได้รับการบรรเทาใจที่นี่ ส่วนลูกต้องรับทรมาน
ยิ่งกว่านั้น
ยังมีเหวใหญ่ขวางอยู่ระหว่างเราทั้งสอง จนใครที่ต้องการจะข้ามจากที่นี่ไปหาลูก
ก็ข้ามไปไม่ได้ และผู้ที่ต้องการจะข้ามจากด้านโน้นมาหาเรา ก็ข้ามมาไม่ได้ด้วย”
เศรษฐีจึงพูดว่า “ท่านพ่อ ลูกอ้อนวอนให้ท่านส่งลาซารัสไปยังบ้านบิดาของลูก เพราะลูกยังมีพี่น้องอีกห้าคน
ขอให้ลาซารัสเตือนเขาอย่าให้มายังสถานที่ทรมานแห่งนี้เลย” อับราฮัมตอบว่า “พี่น้องของลูกมีโมเสสและบรรดาประกาศกอยู่แล้ว
ให้เขาเชื่อฟังท่านเหล่านั้นเถิด” แต่เศรษฐีพูดว่า “มิใช่เช่นนั้น ท่านพ่ออับราฮัม ถ้าใครคนหนึ่งจากบรรดาผู้ตายไปหาเขา
เขาจึงจะกลับใจ” อับราฮัมตอบว่า
“ถ้าเขาไม่เชื่อฟังโมเสสและบรรดาประกาศก แม้มีคนจากบรรดาผู้ตายมาหาเขาและเตือนเขา
เขาก็จะไม่เชื่อ”
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)