ลีโอนาโด ดาวินซี ได้ออกแบบเครื่องดนตรีที่รวมเครื่องดนตรีสองชนิดมาเข้าด้วยกัน
คือนำเอา harpsichord (เรียกอีกอย่างว่า
viola da gamba ซึ่งคล้ายกับพิณ) มารวมกับออร์แกน แต่ก็ไม่ได้สร้างขึ้นมา จนกระทั่งนาย Slawomir Zubrzycki นักเปียโน นักเล่นพิณharpsichord และนักแต่งเพลง ชาวโปแลนด์ได้สร้างเครื่องดนตรีดังกล่าวตามแบบที่ดาวินซีวาดเอาไว้ เขาใช้เวลาประมาณสี่ปีในการสร้าง (2009-2012) และให้ชื่อเครื่องดนตรีนี้ว่า
viola organista ความแตกต่างระหว่างเครื่องดนตรีนี้กับ
harpsichord ก็คือแทนที่จะใช้นิ้วดีดสายพิณ ก็ใช้การตีสายพิณแทน
ลองฟังเสียงเพลงที่เล่นโดยเครื่องดนตรีนี้ดูได้จากวีดีโอ
Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 6 กรกฏาคม 2025 พระเยซูขอให้เราช่วยประกาศข่าวดี
& ต่อจากนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแต่งตั้งศิษย์อีกเจ็ดสิบสองคนและทรงส่งเขาล่วงหน้าพระองค์เป็นคู่ ๆ ไปทุกตำบลทุกเมืองที่พระองค์จะเสด็จ พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ข้าวที่จะเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย จงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด จงไปเถิด เราส่งท่านทั้งหลายไปดุจลูกแกะในฝูงสุนัขป่า อย่านำถุงเงิน ย่ามหรือรองเท้าไปด้วย อย่าเสียเวลาทักทายผู้ใดตามทาง เมื่อท่านเข้าบ้านใด จงกล่าวก่อนว่า “สันติสุขจงมีแก่บ้านนี้เถิด” ถ้ามีผู้สมควรจะรับสันติสุขอยู่ที่นั่นสันติสุขของท่านจะอยู่กับเขา มิฉะนั้น สันติสุขของท่านจะกลับมาอยู่กับท่านอีก จงพักอาศัยในบ้านนั้น กินและดื่มของที่เขาจะนำมาให้ เพราะว่าคนงานสมควรที่จะได้รับค่าจ้างของตน อย่าเข้าบ้านนี้ออกบ้านโน้น เมื่อท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาต้อนรับท่าน จงกินของที่เขาจะนำมาตั้งให้ จงรักษาผู้เจ็บป่วยในเมืองนั้นและบอกเขาว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้ท่านทั้งหลายแล้ว” แต่ถ้าท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาไม่ต้อนรับ ก็จงออกไปกลางลานสาธารณะ และกล่าวว่า “แม้แต่ฝุ่นจากเมืองของท่านที่ติดเท้าของเรา เราจะสลัดทิ้งไว้ปรักปรำท่าน จงรู้เถิดว่า พระอาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว” เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในวันพิพากษา ชาวเมืองโสดมจะรับโทษเบากว่าชาวเมืองนั้น
& ศิษย์ทั้งเจ็ดสิบสองคนกลับมาด้วยความชื่นชมยินดี ทูลว่า “พระเจ้าข้า แม้แต่ปีศาจก็ยังอ่อนน้อมต่อเราเดชะพระนามของพระองค์” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราเห็นซาตานตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ จงฟังเถิด เราให้อำนาจแก่ท่านที่จะเหยียบงูและแมงป่อง มีอำนาจเหนือกำลังทุกอย่างของศัตรู ไม่มีอะไรจะทำร้ายท่านได้ อย่าชื่นชมยินดีที่ปีศาจอ่อนน้อมต่อท่าน แต่จงชื่นชมยินดีมากกว่าที่ชื่อของท่านจารึกไว้ในสวรรค์แล้ว”
(ลูกา 10:1-12; 17-20)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 6 กรกฏาคม 2025 พระเยซูขอให้เราช่วยประกาศข่าวดี
& ต่อจากนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแต่งตั้งศิษย์อีกเจ็ดสิบสองคนและทรงส่งเขาล่วงหน้าพระองค์เป็นคู่ ๆ ไปทุกตำบลทุกเมืองที่พระองค์จะเสด็จ พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ข้าวที่จะเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย จงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด จงไปเถิด เราส่งท่านทั้งหลายไปดุจลูกแกะในฝูงสุนัขป่า อย่านำถุงเงิน ย่ามหรือรองเท้าไปด้วย อย่าเสียเวลาทักทายผู้ใดตามทาง เมื่อท่านเข้าบ้านใด จงกล่าวก่อนว่า “สันติสุขจงมีแก่บ้านนี้เถิด” ถ้ามีผู้สมควรจะรับสันติสุขอยู่ที่นั่นสันติสุขของท่านจะอยู่กับเขา มิฉะนั้น สันติสุขของท่านจะกลับมาอยู่กับท่านอีก จงพักอาศัยในบ้านนั้น กินและดื่มของที่เขาจะนำมาให้ เพราะว่าคนงานสมควรที่จะได้รับค่าจ้างของตน อย่าเข้าบ้านนี้ออกบ้านโน้น เมื่อท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาต้อนรับท่าน จงกินของที่เขาจะนำมาตั้งให้ จงรักษาผู้เจ็บป่วยในเมืองนั้นและบอกเขาว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้ท่านทั้งหลายแล้ว” แต่ถ้าท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาไม่ต้อนรับ ก็จงออกไปกลางลานสาธารณะ และกล่าวว่า “แม้แต่ฝุ่นจากเมืองของท่านที่ติดเท้าของเรา เราจะสลัดทิ้งไว้ปรักปรำท่าน จงรู้เถิดว่า พระอาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว” เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในวันพิพากษา ชาวเมืองโสดมจะรับโทษเบากว่าชาวเมืองนั้น
& ศิษย์ทั้งเจ็ดสิบสองคนกลับมาด้วยความชื่นชมยินดี ทูลว่า “พระเจ้าข้า แม้แต่ปีศาจก็ยังอ่อนน้อมต่อเราเดชะพระนามของพระองค์” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราเห็นซาตานตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ จงฟังเถิด เราให้อำนาจแก่ท่านที่จะเหยียบงูและแมงป่อง มีอำนาจเหนือกำลังทุกอย่างของศัตรู ไม่มีอะไรจะทำร้ายท่านได้ อย่าชื่นชมยินดีที่ปีศาจอ่อนน้อมต่อท่าน แต่จงชื่นชมยินดีมากกว่าที่ชื่อของท่านจารึกไว้ในสวรรค์แล้ว”
(ลูกา 10:1-12; 17-20)
วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2559
วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2559
เศรษฐีกับลาซารัส
อุปมาเรื่องเศรษฐีกับลาซารัสได้สร้างความแปลกใจให้กับผู้อ่านมากทีเดียว บางคนอาจสงสัยว่าทำไมเศรษฐีต้อง “ถูกทรมานอยู่ในแดนผู้ตาย” (ลก 16:23) พระเยซูเจ้าเองไม่ได้ทรงบอกว่าเขาร่ำรวยเพราะการโกงหรือการเอารัดเอาเปรียบคนยากจน...... เราหลายคนยังลืมไปว่าการละเลยทำความดีเป็นบาปอย่างหนึ่งเหมือนกัน อุปมาในพระวรสารวันนี้เตือนใจเราว่าบาปแห่งการละเลยสามารถทำให้บางคนตกนรกได้ เศรษฐีเป็นตัวอย่างของเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าแปลกใจไม่น้อยกว่าประเด็นแรกคือ ทำไมลาซารัสจึงได้ร่วมบรมสุขกับพระเจ้าในเมืองสวรรค์? พระเยซูเจ้าเองไม่ได้ทรงบอกว่ายาจกผู้นี้เป็นคนศรัทธาในพระเจ้าหรือทำกิจการดีบางอย่างที่สมควรได้รับของประทานล้ำค่าประการนี้.........ถ้าเราอ่านอุปมาที่พระเยซูทรงเล่า เราจะพบเฉพาะเรื่องนี้เท่านั้นที่พระองค์ทรงระบุชื่อบุคคล เพราะฉะนั้นชื่อนี้จึงมีความสำคัญมากในการตีความอุปมาเรื่องนี้
ชื่อ “ลาซารัส” เป็นคำภาษากรีก ตรงกับชื่อภาษาฮีบรูว่า “เอเลอาซาร์” ซึ่งแปลว่า “พระเจ้าทรงเป็นความช่วยเหลือของข้าพเจ้า” ดังนั้น ลาซารัสจึงไม่เป็นเพียงยาจกยากจนคนหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นยาจกยากจนที่เชื่อและไว้วางใจในพระเจ้า นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเมื่อเขาจากโลกนี้ไปแล้ว “ทูตสวรรค์นำเขาไปอยู่ในอ้อมอกของอับราอัม”
(พระสังฆราชยอแซฟ
ลือชัย ธาตุวิสัย)
ลาซารัสได้รับความยากลำบากมากแต่เขาไม่เคยบ่นหรือต่อว่าพระเจ้า หรือด่าทอคนที่ไม่ช่วยเหลือเขา เขายอมรับสภาพด้วยความวางใจในพระเจ้า
วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2559
สาส์นแม่พระ2+25ก.ย.2016
ลูกที่รักทั้งหลาย
วันนี้แม่ขอเรียกร้องให้ลูกกลับมาสู่การสวดภาวนา ขอให้การสวดภาวนาเป็นชีวิตของลูก ด้วยหนทางนี้เท่านั้นที่หัวใจของลูกจะเต็มเปี่ยมด้วยสันติภาพและความยินดี พระเป็นเจ้าจะทรงมาอยู่ใกล้ลูกและลูกจะรู้สึกถึงพระองค์ในหัวใจของลูกในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง
ลูกจะพูดกับพระองค์เหมือนกับพูดกับบางคนที่ลูกรู้จัก และลูกน้อยทั้งหลาย ลูกจะปรารถนาที่จะเป็นพยาน
เพราะพระเยซูเจ้าจะทรงอยู่ในหัวใจของลูกและลูกจะเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ แม่จะอยู่กับลูกและแม่รักลูกทุกคนด้วยความรักเยี่ยงมารดาของแม่ขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่

สาส์นแม่พระประทานแก่ มีรยานา 2 ก.ย. 2016
ลูกที่รักทั้งหลาย
แม่ได้มาหาพวกลูก
ตามน้ำพระทัยขององค์พระบุตรของแม่และด้วยความรักของแม่ที่มีต่อลูก แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อคนเหล่านั้นซึ่งยังไม่มารู้จักกับความรักขององค์พระบุตรของแม่
แม่มาหาพวกลูกที่คิดถึงแม่และนับถือแม่ แม่ขอมอบความรักของแม่แก่พวกลูกและแม่ได้นำพระพรขององค์พระบุตรของแม่มาให้แก่ลูกด้วย ลูกมีใจบริสุทธิ์และเปิดใจหรือไม่ ลูกมองเห็นพระพร,
สัญญาณแห่งกาลเวลาของการปรากฏมาของแม่และความรักของแม่หรือไม่? ลูกทั้งหลายของแม่ ในชีวิตของลูกบนโลกนี้
จงทำตามแบบอย่างของแม่เถิด
ชีวิตของแม่นั้นเจ็บปวด
เงียบสงบและมีความเชื่อความวางใจอันมิอาจประมาณวัดได้ต่อพระบิดาสวรรค์ ไม่มีสิ่งใดที่เกิดขึ้นโดยความบังเอิญ แม้แต่ความเจ็บปวดหรือความยินดี หรือความทุกข์
หรือความรัก สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเป็นพระหรรษทานที่องค์พระบุตรของแม่ทรงประทานแก่ลูกและทำให้ลูกมาสู่ชีวิตนิรันดร
องค์พระบุตรของแม่ทรงขอความรักและการสวดภาวนาจากพวกลูก ในฐานะมารดา
แม่จะสอนพวกลูกให้รักและสวดภาวนาในพระองค์
นั่นหมายถึงให้สวดภาวนาในความเงียบสงบแห่งจิตวิญญาณของลูกและไม่สวดภาวนาแต่เพียงปากเท่านั้น
และกิริยาท่าทางเพียงเล็กน้อยที่กระทำในพระนามขององค์พระบุตรของแม่ก็นับเป็นความสวยงามด้วย เพราะมันเป็นความอดทน ความเมตตา
การยอมรับความเจ็บปวดและการเสียสละที่กระทำเพราะเห็นแก่ผู้อื่น
ลูกทั้งหลายของแม่ องค์พระบุตรของแม่กำลังมองดูพวกลูก
จงสวดภาวนาเพื่อที่ลูกจะสามารถมองเห็นพระพักตร์ของพระองค์และเพื่อที่พระองค์จะทรงเผยพระองค์แก่ลูก ลูกทั้งหลายของแม่
แม่กำลังเปิดเผยสัจจะแท้จริงแก่พวกลูกเท่านั้น จงสวดภาวนาเพื่อที่ลูกจะเข้าใจเรื่องนี้ได้เถิด แล้วลูกจะได้สามารถเผยแพร่กระจายความรักและความหวัง
เพื่อที่ลูกจะสามารถเป็นอัครสาวกแห่งความรักของแม่
แม่รักบรรดานายชุมพาบาลเป็นพิเศษด้วยหัวใจแห่งความเป็นแม่
จงสวดภาวนาสำหรับมือที่อวยพรของพวกท่านด้วย
ขอขอบใจลูก
วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2559
วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2559
ผู้เห็นแม่พระในอินเดีย
ที่รัฐเคราลา ทางตอนใต้ของอินเดีย
สตรีชาวอินเดียชื่อ รานี ยอห์น Rani John
อ้างว่าเธอได้เห็นแม่พระและได้รับสาส์นจากพระนางในระหว่างปี 1996 – 2002
.....อ่านต่อ
สตรีชาวอินเดียชื่อ รานี ยอห์น Rani John
อ้างว่าเธอได้เห็นแม่พระและได้รับสาส์นจากพระนางในระหว่างปี 1996 – 2002
.....อ่านต่อ
วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559
สงครามที่เวียนนาปี1689
ในปี 1683 ซุลต่านเมลเหม็ดที่ 4 ประกาศสงครามจีฮัด และให้แกรนด์วีเซียร์แห่งตุรกีคือ
คารา มุสตาฟา เป็นผู้นำกองทัพเข้ายึดเวียนนาด้วยทหาร
150,000 นาย
การรุกรานของกองทัพออตโตมานพุ่งเป้าไปที่คริสต์ศาสนา โซเบียสกีแห่งโปแลนด์จึงเข้าช่วยเหลือโดยไม่ลังเล เพราะพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 11 ทรงวอนขอท่านให้ช่วยคริสตชนในยุโรปด้วย
กองกำลังพิทักษ์ปกป้องเมืองเวียนนาในขณะนั้นคือ เออร์เนส รัดดิเจอร์
ฟอน สตาร์เฮมเบอร์ก เป็นผู้นำที่เข้มแข็ง
โซเบียสกีทำตามสนธิสัญญาที่เคยให้ไว้และทำตามคำร้องขอของพระสันตปาปา เขาได้นำทัพเดินทางไปที่เวียนนาพร้อมด้วยทหาร
30,00 นาย
ทหารพยายามปกป้องเมืองเวียนนาอย่างสุดกำลัง แต่กองทัพออตโตมานใช้วิธีตัดเสบียงอาหารจากทุกแหล่ง และใช้กำลังโจมตีอย่างหนักเพื่อทำลายกำแพงเมืองให้ได้
กองทัพตุรกีใกล้จะยึดเมืองได้สำเร็จแล้ว ขณะที่กองทัพของโซเบียสกีและภาคีคือชาร์ลแห่งลอเรนส์ก็เดินทางมาถึง
ชาร์ลนำทหารมาด้วย 50,000 นาย และท่านยอมให้โซเบียสกีเป็นผู้นำ เพราะเขามีประสบการณ์ในการรบกับพวกเติร์กมาก่อน
สงครามเริ่มต้นขึ้นก่อนที่กองกำลังทั้งหมดจะมาถึงครบทุกส่วน ตอนเช้าตรู่กองทัพเติร์กเข้าบุกโจมตีก่อน เพื่อทำให้ภาคีกองทัพศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถรวมตัวกันได้ ชาร์ลแห่งลอเรนส์เคลื่อนทัพไปด้านซ้าย กองทัพเยอรมันบุกเข้าตรงกลาง ส่วนกองทัพออสเตรียไปทางด้านขวา แต่ยังขาดกองทหารของจักรวรรดิ(โปแลนด์)
ในที่สุดทหารม้าโปแลนด์ก็มาถึงและเข้าโจมตีทางปีกขวา ทหารเยอรมัน-ออสเตรีย และทหารม้าโปแลนด์รวมกัน
20,000 นายเดินทัพลงมาจากเนินเขาเป็นระลอกๆ
นำโดยโซเบียสกีเป็นแนวหน้าพร้อมกับนายทหาร 3,000
คนเป็นหัวหอกโดยไม่ครั่นคร้ามหวั่นเกรง
เมื่อทหารม้าโปแลนด์โจมตีแนวหน้าของเติร์ก กองทหารรักษาการณ์ชาวออสเตรียที่อยู่ในเมืองก็บุกเข้าโจมตีกองทัพเติร์กที่อยู่ด้านหลัง
กองทัพออตโตมานต้องประสบกับความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญ....
สงครามที่เวียนนาซึ่งนักประวัติศาสตร์ถือว่าเป็นสงครามที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของโลก ได้ช่วยคริสตชนในยุโรปให้รอดพ้นจากการยึดครองของเติร์กและเป็นจุดสิ้นสุดของการขยายอาณาจักรของเติร์ก(อิสลาม)
หลังจากสงครามเสร็จสิ้น โซเบียสกีได้เอ่ยวาจาของจูเลียส ซีซาร์ ซึ่งกล่าวว่า”vini vidi
deus vicit”
“ข้ามา ข้าเห็น
พระเจ้าทรงได้ชัยชนะ”วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2559
การโจมตีในซีเรีย
เครื่องบินสหรัฐเข้าโจมตีกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงในซีเรีย แต่โจมตีผิดเป้าหมาย
กลับไปโดนกองทัพซีเรียทำให้ทหารซีเรีย 62 นายเสียชีวิต
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)