พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2025 ฉลองพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง

           ขณะนั้น ประชาชนกำลังรอคอย ทุกคนต่างคิดในใจว่า ยอห์นเป็นพระคริสต์หรือ ยอห์นจึงประกาศต่อหน้าทุกคนว่า “ข้าพเจ้าใช้น้ำทำพิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย แต่ผู้ที่ทรงอำนาจยิ่งกว่าข้าพเจ้าจะมา และข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา เขาจะทำพิธีล้างให้ท่านเดชะพระจิตเจ้าและด้วยไฟ
           ลก 3:21-22 พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง
           ขณะนั้นประชาชนทั้งหมดกำลังรับพิธีล้าง พระเยซูเจ้าก็ทรงรับพิธีล้างด้วย และขณะที่ทรงอธิษฐานภาวนาอยู่นั้น ท้องฟ้าก็เปิดออก และพระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระองค์ มีรูปร่างที่เห็นได้ดุจนกพิราบ แล้วมีเสียงจากสวรรค์ว่า “ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เป็นที่โปรดปรานของเรา”
(ลูกา 3:15-16; 21-22)








วันจันทร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2560

ประวัติไม้กางเขนแท้ของพระเยซูเจ้า


“ผู้ใดไม่แบกกางเขนของตนและติดตามเรา ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้
"โอ้ซางตาครู้ส ไม้ศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์เป็นอันยิ่ง ขอกราบไหว้วันทา"
>>>อ่านต่อ

วันอาทิตย์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2560

พระคริสต์กลับเป็นขึ้นมาในวันนี้


สุขสันต์ปัสกาแด่ทุกท่าน
            พระคริสต์ทรง
แสงสุรีย์
พระผู้ไถ่
ชนทั้งหลาย
            จึงชนผอง
เสียงเพลงพิณ
อัลเลลูยา
สาธุชน
คืนชีพแล้ว
เรืองรอง
มีชัย
พ้นทุกข์ภัย
ยินดี
ดังก้อง
อัลเลลูยา
เป็นสุขสันต์
ในวันนี้
ส่องสาดสาย
เหนือความตาย
ในพระองค์
เปรมปรีด์ยิ่ง
ทุกแห่งหน
ฟ้าเบื้องบน
นิรันดร
 

วันศุกร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2560

พระมหาทรมาน


ฝ่ายข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ทัดทานสิ่งใด ไม่หันหลังหนี ข้าพเจ้าหันหลังให้แก่ผู้โบยตีข้าพเจ้า และหันหน้าให้แก่ผู้ที่ดึงเคราข้าพเจ้าออก ข้าพเจ้าไม่ได้ปิดหน้าเพื่อหนีความสบประมาทและการถ่มน้ำลายรด (อสย 50:5-6)
พระเยซูคริสตเจ้าทรงเป็นองค์เดียวเสมอ ทั้งอดีต ปัจจุบัน และตลอดไป (ฮบ 13:8)
รอยแผลที่ถูกโบยตีของพระองค์รักษาเราให้หายเป็นปกติ (อสย 53:5)
แม้ทุกคนจะทอดทิ้งพระองค์ ข้าพเจ้าก็จะไม่ทอดทิ้งพระองค์เลย (มธ 26:33)
ถึงแม้ข้าพเจ้าจะต้องตายพร้อมกับพระองค์ ข้าพเจ้าก็จะไม่ปฏิเสธพระองค์เลย (มธ 26:35)
            “เพราะพระเจ้าทรงรักโลกมาก จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่เชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศแต่มีชีวิตนิรันดร์ เพราะพระเจ้าไม่ได้ทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาในโลกเพื่อพิพากษาลงโทษโลก แต่เพื่อช่วยโลกให้รอดโดยทางพระบุตรนั้น ผู้ใดที่เชื่อในพระองค์ก็ไม่ถูกพิพากษา แต่ผู้ใดที่ไม่เชื่อก็ถูกพิพากษาอยู่แล้ว เพราะเขาไม่เชื่อในพระนามของพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า คำตัดสินเป็นดังนี้คือ ความสว่างได้เข้ามาในโลก แต่มนุษย์รักความมืดแทนที่จะรักความสว่าง เพราะการกระทำของพวกเขาชั่วร้าย ทุกคนที่ทำชั่วก็เกลียดความสว่าง และจะไม่เข้ามาในความสว่างเพราะกลัวว่าการกระทำของตนจะถูกเปิดโปง แต่ผู้ใดที่มีชีวิตอยู่โดยความจริงย่อมมาสู่ความสว่าง เพื่อให้เห็นชัดเจนว่าสิ่งที่ตนทำนั้นได้ทำไปโดยพึ่งพระเจ้า(ยอห็น 3:16-21)
 
 
 
 

วันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2560

พฤหัสศักดิ์สิทธิ์

การเลี้ยงอาหารจัดขึ้นที่บ้านของชายที่ชื่อเฮลี Heli ครั้งหนึ่งในอดีตบ้านของเขาเคยถูกใช้เป็นที่เก็บรักษาหีบแห่งพันธสัญญาด้วย  เฮลีเป็นน้องเขยของซาคาเรียแห่งเฮบรอน บ้านของเขาตั้งอยู่ทางตอนใต้ของภูเขาซีออนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากปราสาทของกษัตริย์ดาวิด
>>>อ่านต่อ

เหตุการณ์ในอิยิปต์


คริสตชนคอปติกในอิยิปต์ร่วมกันสวดภาวนาบทข้าพเจ้าเชื่อถึงพระเจ้าในที่สาธารณะในเดือนธันวาคม 2016 หลังจากที่กลุ่ม ISIS ได้ทำร้ายคริสตชนจำนวนมาก และเมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2017 ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ใบลานก็มีการระเบิดโบสถ์คริสต์คอปติกสองแห่งในอิยิปต์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 40 คน

วันพุธที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2560

พวกเขาคิดที่จะฆ่าพระเยซูเจ้า



ชาวยิวหลายคนที่มาเยี่ยมมารีย์และได้เห็นสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงทำก็ได้เชื่อในพระองค์
แต่บางคนไปหาฟารีสีและเล่าถึงสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงทำให้ฟัง
บรรดาหัวหน้าสมณะและชาวฟารีสีจึงเรียกประชุมสภา ปรึกษากันว่า “เราจะต้องทำอย่างไรดี? เพราคนคนนี้ได้ทำเครื่องหมายอัศจรรย์หลายอย่าง”
“ถ้าเราปล่อยเขาไว้อย่างนี้ ทุกคนจะเชื่อในเขา แล้วชาวโรมันก็จะมาทำลายทั้งพระวิหารและชนชาติของเรา”
คนหนึ่งในที่ประชุมที่ชื่อ คายาฟาส เป็นมหาสมณะในปีนั้นกล่าวว่า “พวกท่านไม่เข้าใจอะไรเลย ท่านไม่คิดหรือว่า ถ้าคนคนเดียวจะตายเพื่อประชาชน จะเป็นประโยชน์มากกว่าที่ชนทั้งชาติจะต้องพินาศไป”
เขาไม่ได้พูดเช่นนี้ตามใจตนเอง แต่ในฐานะเป็นมหาสมณะในปีนั้น เขาจึงประกาศพระวาจาว่าพระเยซูเจ้าจะต้องสิ้นพระชนม์เพื่อชนทั้งชาติ
และไม่ใช่เพื่อชนทั้งชาติเท่านั้น แต่เพื่อรวบรวมบรรดาบุตรของพระเจ้าที่กระจัดกระจายอยู่ให้กลับเป็นหนึ่งเดียวกันด้วย
ดังนั้นตั้งแต่วันนั้นพวกเขาก็คิดวางแผนที่จะประหารพระองค์
พระเยซูเจ้าจึงไม่เสด็จไปอย่างเปิดเผยในหมู่ชาวยิวอีกต่อไป แต่เสด็จไปที่เมืองชื่อเอฟราอิมในเขตแดนใกล้ถิ่นทุรกันดาร และทรงพำนักอยู่ที่นั่นกับบรรดาศิษย์
วันปาสกาของชาวยิวใกล้จะมาถึง  ประชาชนจำนวนมากเดินทางจากชนบทขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อชำระตนก่อนวันฉลอง เขาเหล่านั้นเสาะหาพระเยซูเจ้า และขณะที่ยืนอยู่ในพระวิหารก็ถามกันว่า “ท่านทั้งหลายคิดอย่างไร เขาจะมาในวันฉลองหรือไม่”