พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2024 พระเยซูทรงรักษาคนตาบอด

           พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์ ขณะที่พระองค์เสด็จออกจากเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์และประชาชนจำนวนมาก บารทิเมอัสบุตรของทิเมอัส คนขอทานตาบอดนั่งอยู่ริมทาง เมื่อได้ยินว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธกำลังเสด็จผ่านมา เขาเริ่มส่งเสียงร้องตะโกนว่า “ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิด เจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” หลายคนดุเขาให้เงียบ แต่เขากลับตะโกนดังยิ่งกว่าเดิมว่า “พระโอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” พระเยซูเจ้าทรงหยุด ตรัสว่า “ไปเรียกเขามาซิ” เขาก็เรียกคนตาบอดพลางกล่าวว่า “ทำใจดี ๆ ไว้ ลุกขึ้น พระองค์กำลังเรียกเจ้าแล้ว” คนตาบอดสลัดเสื้อคลุมทิ้ง กระโดดเข้าไปเฝ้าพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านอยากให้เราทำอะไรให้” คนตาบอดทูลว่า “รับโบนีให้ข้าพเจ้าแลเห็นเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ไปเถิด ความเชื่อของท่านได้ช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว” ทันใดนั้น เขากลับแลเห็นและเดินทางติดตามพระองค์ไป
(มาระโก 10:46-52)








วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

สวดภาวนาเวลาเช้า


คริสตชนยุคแรกใช้เวลาสวดภาวนานานนับชั่วโมงในแต่ละวันและประชุมกันในโบสถ์แม้ในเวลากลางคืนเพื่อสวดภาวนาและอ่านบทสดุดีร่วมกัน
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ความศรัทธาของหญิงพิการชาวมองโกเลีย


"เมื่อประชาชนมองเห็นความเชื่อของฉัน พวกเขาก็สนใจในพระเจ้าและพระศาสนาจักร. โบสถ์ของเราที่ Nisekh มีบรรยากาศของครอบครัว. ฉันสอนตำสอนให้แก่ผู้ใหญ่เจ็ดคน เป็นผู้หญิงห้าและผู้ชายสองคน"
>>>อ่านต่อ

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ความศรัทธาของหญิงพิการชาวอัฟริกัน

              (CNA).- ซิสเตอร์คณะรับใช้ผู้ถูกทอดทิ้งในกรุงชิสซาโน (โมแซมบิก) ได้รับหญิงอัฟริกันอายุ 25 ปีมาดูแลที่บ้านของคณะ. เธอชื่อ โอลิเวีย หญิงคนนี้ไม่มีขาและยังไม่ได้รับศีลล้างบาป. แต่ทุกวันอาทิตย์เธอจะคลานมาด้วยมือทั้งสองจากบ้านของเธอซึ่งอยู่ห่างโบสถ์ไป 2.5 ไมล์เพื่อมาร่วมพิธีมิสซา.
             ซิสเตอร์เล่าให้ฟังว่า "วันหนึ่งเธอเห็นอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ที่พื้นดินห่างออกไป และเมื่อสิ่งนั้นเข้ามาใกล้เธอจึงเห็นได้ชัดเจนและรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งที่เห็นว่าสิ่งนั้นเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง"
             "เราพูดกับเธอผ่านทางล่ามซึ่งเป็นผู้หญิงที่เดินมาเคียงข้างและสามารถแปลเป็นภาษาโปรตุเกสได้" ซิสเตอร์บอก
             ซิสเตอร์เล่าต่อไปว่า "ถึงแม้ทรายบนพื้นจะร้อนจัดในระหว่างช่วงเวลานี้ของปีและแผดเผามือของเธอ แต่เธอก็ยังยืนหยัดที่จะมาร่วมพิธีมิสซา ทำให้พวกเราทึ่งในความเชื่อขั้นวีรกรรมชองเธอมาก"
             หญิงอัฟริกันผู้นี้ได้รับศีล้างบาปแล้วเมื่อเร็วๆนี้ โดยได้รับการเตรียมตัวจากผู้สอนคำสอนซึ่งไปเยี่ยมเธอที่บ้าน. ภายหลังจากได้รับศีลล้างบาป,ได้มีผู้สนับสนุนงานของซิสเตอร์รายหนึ่งได้มอบรถวีลแชร์ให้แก่โอลีเวีย

วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ลูซีเฟอร์กำลังโจมตีพระศาสนจักร


“พระศาสนจักรคาทอลิกกำลังถูกโจมตี! พลังอำนาจแห่งความมืดถูกปลดปล่อยออกมาต่อสู้กับเจ้าสาวของผู้ที่เราได้แขวนเขาไว้บนไม้กางเขน ”   
>>>อ่านต่อ

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

มรณะสักชีแห่งความบริสุทธิ์


              ในระหว่างการพบกับประธานสภาสถาปนาผู้เป็นนักบุญ พระสันตปาปาฟรังซิสทรงประกาศการเป็นมรณะสักขีของผู้รับใช้พระเจ้าIsabel Cristina Mrad Campos สตรีคาทอลิกที่ถูกฆ่าโดยคนที่พยายามลวนลามเธอ ที่เมือง Juiz de Fora, ในบราซิล

              เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 1982 ชายหนุ่มคนหนึ่งถูกจับตัวได้ เพราะเมื่อหลายวันก่อนเขาพยายามจะข่มขืนหญิงสาวอายุ 20 ปีในอพาร์ตเมนท์ของเธอ แต่หญิงสาวขัดขืน, ชายหนุ่มจึงทุบตีและใช้มีดแทงเธอจนตาย

              การถูกฆ่าตายอย่างทารุณของหญิงสาวผู้นี้ เปรียบได้กับมรณะสักขี นักบุญ มาเรีย กอเร็ตตี ผู้ปกป้องพรหมจรรย์ด้วยชีวิตของเธอเอง

              หลุมฝังศพของอิสซาเบลอยู่ภายในโบสถ์ Our Lady of Mercy ในเมือง Barbacena ของบราซิล และเป็นสถานที่แสวงบุญของคริสตชนซึ่งมาวอนขอความช่วยเหลือจากเธอ

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

อัศจรรย์ดวงอาทิตย์


วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม 1917 ผู้แสวงบุญเริ่มต้นเดิน มีฝนตกตลอดทั้งคืน และ “ในทันทีทันใดอากาศก็เปลี่ยนไป ถนนที่เป็นดินก็กลายเป็นโคลนด้วยฝนที่ตกลงมา ”
>>>อ่านต่อ