วันที่ 13 ต.ค. 1917 เกิดอัศจรรย์ดวงอาทิตย์ที่ฟาติมา วันนี้เป็นวันครบรอบ 106 ปีพอดีของเหตุการณ์นั้น นี่เป็น “อัศจรรย์ดวงอาทิตย์ที่ยิ่งใหญ่ของฟาติมา” มีประชาชนได้เห็นประมาณ 70,000 คน จากทุกชนชั้น ทุกฐานะ ทุกอาชีพ มีทั้งผู้ที่เชื่อในพระเจ้าและผู้ที่ไม่เชื่อ มีนักวิทยาศาสตร์ นายแพทย์ นักการเมือง ฯลฯ ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าเปลี่ยนไปจากสถานะเดิมของมัน และวันก่อนหน้านี้ก็มีฝนตกหนักตลอดทั้งคืน แต่สภาพอากาศก็กลับมาเป็นปกติไม่นานก่อนจะเกิดอัศจรรย์ ดวงอาทิตย์หมุนรอบตัวเองอย่างรวดเร็ว สาดแสงเป็นสีต่างๆไปทั่วท้องฟ้า แล้วดวงอาทิตย์ก็เหมือนกับจะหลุดออกจากตำแหน่งของมันตกลงมายังโลก ประชาชนพากันตกใจร้องเสียงดัง บางคนสวดวอนขอพระเจ้าอภัยบาปของเขา"
Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2025 สมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์
ในรัชสมัยกษัตริย์เฮโรด พระเยซูเจ้าประสูติที่เมืองเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย โหราจารย์บางท่านจากทิศตะวันออกเดินทางมายังกรุงเยรูซาเล็ม สืบถามว่า “กษัตริย์ชาวยิวที่เพิ่งประสูติอยู่ที่ใด พวกเราได้เห็นดาวประจำพระองค์ขึ้น จึงพร้อมใจกันมาเพื่อนมัสการพระองค์” เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงทราบข่าวนี้ พระองค์ทรงวุ่นวายพระทัย ชาวกรุงเยรูซาเล็มทุกคนต่างก็วุ่นวายใจไปด้วย พระองค์ทรงเรียกประชุมบรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ ตรัสถามเขาว่า “พระคริสต์จะประสูติที่ใด” เขาจึงทูลตอบว่า “ในเมืองเบธเลเฮม แคว้นยูเดีย เพราะประกาศกเขียนไว้ว่า เมืองเบธเลเฮม ดินแดนยูดาห์ เจ้ามิใช่เล็กที่สุดในบรรดาหัวเมืองแห่งยูดาห์ เพราะผู้นำคนหนึ่งจะออกมาจากเจ้า ซึ่งจะเป็นผู้นำอิสราเอล ประชากรของเรา”
ดังนั้น กษัตริย์เฮโรดทรงเรียกบรรดาโหราจารย์มาเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ทรงซักถามถึงวันเวลาที่ดาวปรากฏ แล้วทรงใช้บรรดาโหราจารย์ไปที่เมืองเบธเลเฮม ทรงกำชับว่า “จงไปสืบถามเรื่องพระกุมารอย่างละเอียด และเมื่อพบพระกุมารแล้ว จงกลับมาบอกให้เรารู้ เราจะได้ไปนมัสการพระองค์ด้วย” เมื่อบรรดาโหราจารย์ได้ฟังพระดำรัสแล้วก็ออกเดินทาง ดาวที่เขาเห็นทางทิศตะวันออกปรากฏอีกครั้งหนึ่งนำทางให้ และมาหยุดนิ่งอยู่เหนือสถานที่ประทับของพระกุมาร เมื่อเห็นดาวอีกครั้งหนึ่งบรรดาโหราจารย์มีความยินดียิ่งนัก เขาเข้าไปในบ้าน พบพระกุมารกับพระนางมารีย์พระมารดา จึงคุกเข่าลงนมัสการพระองค์ แล้วเปิดหีบสมบัตินำทองคำ กำยาน และมดยอบออกมาถวายพระองค์ แต่พระเจ้าทรงเตือนเขาในความฝันมิให้กลับไปหากษัตริย์เฮโรด เขาจึงกลับไปบ้านเมืองของตนโดยทางอื่น
(มัทธิว 2:1-12)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2025 สมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์
ในรัชสมัยกษัตริย์เฮโรด พระเยซูเจ้าประสูติที่เมืองเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย โหราจารย์บางท่านจากทิศตะวันออกเดินทางมายังกรุงเยรูซาเล็ม สืบถามว่า “กษัตริย์ชาวยิวที่เพิ่งประสูติอยู่ที่ใด พวกเราได้เห็นดาวประจำพระองค์ขึ้น จึงพร้อมใจกันมาเพื่อนมัสการพระองค์” เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงทราบข่าวนี้ พระองค์ทรงวุ่นวายพระทัย ชาวกรุงเยรูซาเล็มทุกคนต่างก็วุ่นวายใจไปด้วย พระองค์ทรงเรียกประชุมบรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ ตรัสถามเขาว่า “พระคริสต์จะประสูติที่ใด” เขาจึงทูลตอบว่า “ในเมืองเบธเลเฮม แคว้นยูเดีย เพราะประกาศกเขียนไว้ว่า เมืองเบธเลเฮม ดินแดนยูดาห์ เจ้ามิใช่เล็กที่สุดในบรรดาหัวเมืองแห่งยูดาห์ เพราะผู้นำคนหนึ่งจะออกมาจากเจ้า ซึ่งจะเป็นผู้นำอิสราเอล ประชากรของเรา”
ดังนั้น กษัตริย์เฮโรดทรงเรียกบรรดาโหราจารย์มาเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ทรงซักถามถึงวันเวลาที่ดาวปรากฏ แล้วทรงใช้บรรดาโหราจารย์ไปที่เมืองเบธเลเฮม ทรงกำชับว่า “จงไปสืบถามเรื่องพระกุมารอย่างละเอียด และเมื่อพบพระกุมารแล้ว จงกลับมาบอกให้เรารู้ เราจะได้ไปนมัสการพระองค์ด้วย” เมื่อบรรดาโหราจารย์ได้ฟังพระดำรัสแล้วก็ออกเดินทาง ดาวที่เขาเห็นทางทิศตะวันออกปรากฏอีกครั้งหนึ่งนำทางให้ และมาหยุดนิ่งอยู่เหนือสถานที่ประทับของพระกุมาร เมื่อเห็นดาวอีกครั้งหนึ่งบรรดาโหราจารย์มีความยินดียิ่งนัก เขาเข้าไปในบ้าน พบพระกุมารกับพระนางมารีย์พระมารดา จึงคุกเข่าลงนมัสการพระองค์ แล้วเปิดหีบสมบัตินำทองคำ กำยาน และมดยอบออกมาถวายพระองค์ แต่พระเจ้าทรงเตือนเขาในความฝันมิให้กลับไปหากษัตริย์เฮโรด เขาจึงกลับไปบ้านเมืองของตนโดยทางอื่น
(มัทธิว 2:1-12)
วันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2566
วันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2566
การช่วยเหลือกันและกัน
มีชาวไร่ข้าวโพดผู้หนึ่งปลูกข้าวโพดคุณภาพได้ดีเยี่ยม เขาได้รับรางวัลข้าวโพดที่ดีที่สุดทุกปี มีนักข่าวสัมภาษณ์เขาและได้เรียนรู้บางอย่างที่น่าสนใจว่าเขามีวิธีปลูกข้าวโพดอย่างไร นักข่าวค้นพบว่าชาวไร่ได้แบ่งปันเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดของเขาให้กับเพื่อนบ้านด้วย “คุณจะแบ่งปันข้าวโพดเมล็ดพันธุ์ที่ดีที่สุดของคุณให้กับเพื่อนบ้านได้อย่างไร? ในเมื่อพวกเขาเข้ามาแข่งขันข้าวโพดกับคุณในแต่ละปี” นักข่าวถาม
“ทำไมล่ะ” ชาวไร่พูด “คุณไม่รู้หรือ? ลมพัดเอาละอองเรณูจากข้าวโพดที่สุกแล้วจากทุ่งข้าวโพดทุ่งหนึ่งไปยังอีกทุ่งหนึ่ง หากเพื่อนบ้านของผมปลูกข้าวโพดด้อยคุณภาพ การผสมเกสรข้ามสายพันธ์จะทำให้คุณภาพข้าวโพดของผมเสื่อมลงเรื่อยๆ ถ้าผมจะปลูกข้าวโพดที่ดี ผมต้องช่วยเพื่อนบ้านปลูกข้าวโพดที่ดีด้วย”
ชีวิตของเราก็เช่นกัน... ผู้ที่ต้องการมีชีวิตอยู่อย่างมีความหมายและเป็นคนดีต้องช่วยยกระดับชีวิตของผู้อื่น เพราะคุณค่าของชีวิตวัดได้จากชีวิตที่ได้สัมผัส และผู้ที่เลือกที่จะมีความสุขต้องช่วยให้ผู้อื่นมีความสุขด้วย เพราะความสุขของแต่ละคนผูกพันอยู่กับความผาสุกของทุกคน
#CATHOLIC4LIFE
วันพุธที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2566
วันอังคารที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2566
วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2566
การสวดสายประคำพร้อมกัน
นักบุญเดนิสกล่าวว่าไม่มีสิ่งใดสูงส่งและเป็นที่พอพระทัยพระเจ้ามากไปกว่าการร่วมมือในงานช่วยจิตวิญญาณและขัดขวางแผนการของปีศาจที่จะทำลายพวกเขา พระบุตรของพระเจ้าเสด็จลงมายังโลกโดยไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากเพื่อช่วยจิตวิญญาณ ***
***พระแม่มารีย์ผู้ปกป้องพระศาสนจักร ได้ประทานวิธีการที่ทรงพลังที่สุดแก่เราในการบรรเทาพระพิโรธขององค์พระบุตร, ถอนรากชั่วร้ายของบาป, และปฏิรูปศีลธรรมของคริสตชน โดยการร่วมมือกันสวดสายประคำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งได้พิสูจน์ถึงคุณค่าแล้วเพราะได้นำคุณธรรมความดีกลับมาและการรับศีลศักดิ์สิทธิ์บ่อยๆซึ่งเจริญรุ่งเรืองในศตวรรษแรกของพระศาสนจักร ช่วยปฏิรูปศีลธรรมของชาวคริสต์ ***
***พระสันตะปาปาลีโอที่ 10 กล่าวในสมณสาส์นของพระองค์ว่าการสวดสายประคำพร้อมกันนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่พระเจ้าและพระแม่มารีย์เพื่อเป็นกำแพงหยุดยั้งความชั่วร้ายที่กำลังจะมาทำลายพระศาสนจักร ***
***ที่มา:ความลับแห่งสายประคำ ***
วันอาทิตย์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2566
วันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2566
จดหมายจากซิสเตอร์เอมมานูเอล 2
เราทุกคนถูกเรียกมาสู่ความศักดิ์สิทธิ์ และความศักดิ์สิทธิ์นี้คือสิ่งที่จะคงอยู่หลังจากชีวิตอันแสนสั้นบนโลกนี้
>>>ดูเพิ่มเติม
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)