วันที่ 13 ต.ค. 1917 เกิดอัศจรรย์ดวงอาทิตย์ที่ฟาติมา วันนี้เป็นวันครบรอบ 106 ปีพอดีของเหตุการณ์นั้น นี่เป็น “อัศจรรย์ดวงอาทิตย์ที่ยิ่งใหญ่ของฟาติมา” มีประชาชนได้เห็นประมาณ 70,000 คน จากทุกชนชั้น ทุกฐานะ ทุกอาชีพ มีทั้งผู้ที่เชื่อในพระเจ้าและผู้ที่ไม่เชื่อ มีนักวิทยาศาสตร์ นายแพทย์ นักการเมือง ฯลฯ ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าเปลี่ยนไปจากสถานะเดิมของมัน และวันก่อนหน้านี้ก็มีฝนตกหนักตลอดทั้งคืน แต่สภาพอากาศก็กลับมาเป็นปกติไม่นานก่อนจะเกิดอัศจรรย์ ดวงอาทิตย์หมุนรอบตัวเองอย่างรวดเร็ว สาดแสงเป็นสีต่างๆไปทั่วท้องฟ้า แล้วดวงอาทิตย์ก็เหมือนกับจะหลุดออกจากตำแหน่งของมันตกลงมายังโลก ประชาชนพากันตกใจร้องเสียงดัง บางคนสวดวอนขอพระเจ้าอภัยบาปของเขา"
Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน 2025 พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างชัยชนะ
เมื่อตรัสดังนี้แล้ว พระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินต่อไป เสด็จนำหน้าประชาชนขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อเสด็จเข้าใกล้หมู่บ้านเบธฟายีและเบธานี ใกล้กับภูเขาที่เรียกกันว่าภูเขามะกอกเทศ พระองค์ทรงส่งศิษย์สองคนไป ทรงสั่งว่า ‘จงเข้าไปในหมู่บ้านข้างหน้า เมื่อเข้าไปแล้ว ท่านจะพบลูกลาตัวหนึ่งผูกอยู่ ยังไม่มีใครเคยขี่ลาตัวนั้นเลย จงแก้เชือกและจูงมาให้เราเถิด ถ้าผู้ใดถามว่า ท่านแก้เชือกผูกลาทำไม จงตอบเขาว่า พระอาจารย์ต้องการใช้มัน” ศิษย์ที่พระองค์ทรงสั่ง ได้ไปและพบตามที่พระองค์ทรงบอกเขา ขณะที่เขากำลังแก้เชือกผูกลูกลาอยู่ เจ้าของลาถามว่า ‘ท่านแก้เชือกลูกลาทำไม’ ศิษย์ทั้งสองคนก็ตอบว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงต้องการใช้มัน’ ศิษย์ทั้งสองคนจูงลูกลามาถวายพระเยซูเจ้า ปูเสื้อคลุมของตนบนหลังลา แล้วทูลเชิญพระเยซูเจ้าให้ทรงลาตัวนั้น ขณะที่พระองค์เสด็จไป ประชาชนปูเสื้อคลุมของตนบนทาง เมื่อพระองค์เสด็จมาใกล้ทางลงจากภูเขามะกอกเทศแล้ว บรรดาศิษย์ต่างมีความชื่นชมยินดี โห่ร้องสรรเสริญพระเจ้าเพราะการอัศจรรย์ทุกอย่างที่เขาเห็นว่า
ขอถวายพระพรแด่กษัตริย์ผู้เสด็จมา
ในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า
สันติจงมีในสวรรค์
และพระสิริรุ่งโรจน์จงมีในที่สูงสุด
ชาวฟาริสีบางคนในหมู่ประชาชนทูลพระองค์ว่า ‘พระอาจารย์ จงห้ามบรรดาศิษย์ของท่านเถิด’ พระองค์ตรัสตอบว่า ‘เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าคนเหล่านี้นิ่งเงียบ ก้อนหินทั้งหลายจะส่งเสียงตะโกน’
(ลูกา 19:28-40 (บทอ่านก่อนแห่ใบลาน))
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน 2025 พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างชัยชนะ
เมื่อตรัสดังนี้แล้ว พระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินต่อไป เสด็จนำหน้าประชาชนขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อเสด็จเข้าใกล้หมู่บ้านเบธฟายีและเบธานี ใกล้กับภูเขาที่เรียกกันว่าภูเขามะกอกเทศ พระองค์ทรงส่งศิษย์สองคนไป ทรงสั่งว่า ‘จงเข้าไปในหมู่บ้านข้างหน้า เมื่อเข้าไปแล้ว ท่านจะพบลูกลาตัวหนึ่งผูกอยู่ ยังไม่มีใครเคยขี่ลาตัวนั้นเลย จงแก้เชือกและจูงมาให้เราเถิด ถ้าผู้ใดถามว่า ท่านแก้เชือกผูกลาทำไม จงตอบเขาว่า พระอาจารย์ต้องการใช้มัน” ศิษย์ที่พระองค์ทรงสั่ง ได้ไปและพบตามที่พระองค์ทรงบอกเขา ขณะที่เขากำลังแก้เชือกผูกลูกลาอยู่ เจ้าของลาถามว่า ‘ท่านแก้เชือกลูกลาทำไม’ ศิษย์ทั้งสองคนก็ตอบว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงต้องการใช้มัน’ ศิษย์ทั้งสองคนจูงลูกลามาถวายพระเยซูเจ้า ปูเสื้อคลุมของตนบนหลังลา แล้วทูลเชิญพระเยซูเจ้าให้ทรงลาตัวนั้น ขณะที่พระองค์เสด็จไป ประชาชนปูเสื้อคลุมของตนบนทาง เมื่อพระองค์เสด็จมาใกล้ทางลงจากภูเขามะกอกเทศแล้ว บรรดาศิษย์ต่างมีความชื่นชมยินดี โห่ร้องสรรเสริญพระเจ้าเพราะการอัศจรรย์ทุกอย่างที่เขาเห็นว่า
ขอถวายพระพรแด่กษัตริย์ผู้เสด็จมา
ในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า
สันติจงมีในสวรรค์
และพระสิริรุ่งโรจน์จงมีในที่สูงสุด
ชาวฟาริสีบางคนในหมู่ประชาชนทูลพระองค์ว่า ‘พระอาจารย์ จงห้ามบรรดาศิษย์ของท่านเถิด’ พระองค์ตรัสตอบว่า ‘เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าคนเหล่านี้นิ่งเงียบ ก้อนหินทั้งหลายจะส่งเสียงตะโกน’
(ลูกา 19:28-40 (บทอ่านก่อนแห่ใบลาน))
วันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2566
วันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2566
การช่วยเหลือกันและกัน
มีชาวไร่ข้าวโพดผู้หนึ่งปลูกข้าวโพดคุณภาพได้ดีเยี่ยม เขาได้รับรางวัลข้าวโพดที่ดีที่สุดทุกปี มีนักข่าวสัมภาษณ์เขาและได้เรียนรู้บางอย่างที่น่าสนใจว่าเขามีวิธีปลูกข้าวโพดอย่างไร นักข่าวค้นพบว่าชาวไร่ได้แบ่งปันเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดของเขาให้กับเพื่อนบ้านด้วย “คุณจะแบ่งปันข้าวโพดเมล็ดพันธุ์ที่ดีที่สุดของคุณให้กับเพื่อนบ้านได้อย่างไร? ในเมื่อพวกเขาเข้ามาแข่งขันข้าวโพดกับคุณในแต่ละปี” นักข่าวถาม
“ทำไมล่ะ” ชาวไร่พูด “คุณไม่รู้หรือ? ลมพัดเอาละอองเรณูจากข้าวโพดที่สุกแล้วจากทุ่งข้าวโพดทุ่งหนึ่งไปยังอีกทุ่งหนึ่ง หากเพื่อนบ้านของผมปลูกข้าวโพดด้อยคุณภาพ การผสมเกสรข้ามสายพันธ์จะทำให้คุณภาพข้าวโพดของผมเสื่อมลงเรื่อยๆ ถ้าผมจะปลูกข้าวโพดที่ดี ผมต้องช่วยเพื่อนบ้านปลูกข้าวโพดที่ดีด้วย”
ชีวิตของเราก็เช่นกัน... ผู้ที่ต้องการมีชีวิตอยู่อย่างมีความหมายและเป็นคนดีต้องช่วยยกระดับชีวิตของผู้อื่น เพราะคุณค่าของชีวิตวัดได้จากชีวิตที่ได้สัมผัส และผู้ที่เลือกที่จะมีความสุขต้องช่วยให้ผู้อื่นมีความสุขด้วย เพราะความสุขของแต่ละคนผูกพันอยู่กับความผาสุกของทุกคน
#CATHOLIC4LIFE
วันพุธที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2566
วันอังคารที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2566
วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2566
การสวดสายประคำพร้อมกัน

นักบุญเดนิสกล่าวว่าไม่มีสิ่งใดสูงส่งและเป็นที่พอพระทัยพระเจ้ามากไปกว่าการร่วมมือในงานช่วยจิตวิญญาณและขัดขวางแผนการของปีศาจที่จะทำลายพวกเขา พระบุตรของพระเจ้าเสด็จลงมายังโลกโดยไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากเพื่อช่วยจิตวิญญาณ ***
***พระแม่มารีย์ผู้ปกป้องพระศาสนจักร ได้ประทานวิธีการที่ทรงพลังที่สุดแก่เราในการบรรเทาพระพิโรธขององค์พระบุตร, ถอนรากชั่วร้ายของบาป, และปฏิรูปศีลธรรมของคริสตชน โดยการร่วมมือกันสวดสายประคำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งได้พิสูจน์ถึงคุณค่าแล้วเพราะได้นำคุณธรรมความดีกลับมาและการรับศีลศักดิ์สิทธิ์บ่อยๆซึ่งเจริญรุ่งเรืองในศตวรรษแรกของพระศาสนจักร ช่วยปฏิรูปศีลธรรมของชาวคริสต์ ***
***พระสันตะปาปาลีโอที่ 10 กล่าวในสมณสาส์นของพระองค์ว่าการสวดสายประคำพร้อมกันนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่พระเจ้าและพระแม่มารีย์เพื่อเป็นกำแพงหยุดยั้งความชั่วร้ายที่กำลังจะมาทำลายพระศาสนจักร ***
***ที่มา:ความลับแห่งสายประคำ ***
วันอาทิตย์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2566
วันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2566
จดหมายจากซิสเตอร์เอมมานูเอล 2
เราทุกคนถูกเรียกมาสู่ความศักดิ์สิทธิ์ และความศักดิ์สิทธิ์นี้คือสิ่งที่จะคงอยู่หลังจากชีวิตอันแสนสั้นบนโลกนี้
>>>ดูเพิ่มเติม
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)