พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2025 สมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า

         & ประชาชนรู้จึงติดตามพระองค์ไป พระองค์ทรงต้อนรับเขาและตรัสสอนเขาเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้า ทรงรักษาคนที่ต้องการการบำบัดรักษา เมื่อจวนถึงเวลาเย็น อัครสาวกสิบสองคนมาทูลพระองค์ว่า “ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้ประชาชนกลับไปเถิด เขาจะได้ไปตามหมู่บ้านและชนบทโดยรอบเพื่อหาที่พักและอาหาร เพราะขณะนี้เราอยู่ในที่เปลี่ยว” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงหาอาหารให้เขากินเถิด” เขาทูลว่า “เราไม่มีอะไรนอกจากขนมปังห้าก้อนและปลาสองตัวเท่านั้น หรือว่าเราจะไปซื้ออาหารสำหรับคนเหล่านี้ทั้งหมด” ที่นั่นมีผู้ชายประมาณห้าพันคน พระองค์จึงตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงบอกให้พวกเขานั่งลงเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณห้าสิบคน” เขาก็ทำตามและให้ทุกคนนั่งลง พระเยซูเจ้าทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวนั้นมา ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้า ทรงกล่าวถวายพระพร ทรงบิขนมปัง ส่งให้บรรดาศิษย์นำไปแจกจ่ายแก่ประชาชน ทุกคนได้กินจนอิ่ม แล้วยังเก็บเศษที่เหลือได้สิบสองกระบุง
(ลูกา 9:11-17)








วันอังคารที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2567

ความถ่อมตนของนักบุญแบร์นาแด็ต


“ดิฉันเป็นเหมือนไม้กวาดที่แม่พระทรงใช้ เมื่อกวาดเสร็จแล้วคุณจะทำอย่างไรกับไม้กวาดล่ะ? ก็นำมันกลับไปวางไว้ที่เดิมของมัน,ที่หลังประตู!” 
- นักบุญแบร์นาแด็ต

วันจันทร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2567

อย่าตัดสินผู้อื่น


หัวใจของท่านเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง 
บางทีลูกอาจจะพูดกับพ่อว่า,ลูกไม่เคยตัดสินใครเลยนอกเหนือจากสิ่งที่เห็นหรือสิ่งที่ลูกได้ยินจริงๆหรือเป็นพยานถึงการกระทำบางอย่าง: “ฉันเห็นเขากระทำสิ่งนี้,ฉันจึงแน่ใจ ฉันได้ยินเขาพูดด้วยหูของฉันเอง ฉันไม่ผิดพลาดแน่ๆ " 
แต่พ่อจะขอตอบ,โดยบอกให้ลูกเริ่มต้นด้วยการเข้าไปในใจของลูกเอง,ซึ่งเป็นแต่เพียงความเย่อหยิ่งที่ซึ่งทุกสิ่งแห้งแล้ง แล้วลูกจะพบว่าตัวลูกเองมีความผิดมากกว่าคนที่ลูกตัดสินเขา,อย่างกล้าหาญ,อย่างไม่สิ้นสุด และลูกจะมีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับความกลัว เมื่อวันหนึ่งลูกจะเห็นเขาเข้าสู่สวรรค์,ในขณะที่ลูกกำลังถูกปีศาจลากลงนรก "ความเย่อหยิ่งที่โชคร้ายเอ๋ย" นักบุญออกัสตินกล่าวกับเรา "ท่านกล้าที่จะตัดสินพี่น้องของท่านในความเลวเพียงเล็กน้อย, ท่านรู้ได้อย่างไรเล่าว่าเขาไม่ได้สำนึกผิดกลับใจจากความผิดของเขาแล้ว และเขาไม่ได้อยู่ในหมู่มิตรของพระเจ้า? จงระวังตัวท่านเองดีกว่า,อย่าให้ความเย่อหยิ่งของท่านทำให้ท่านตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่งของการสูญเสียวิญญาณ” 
ใช่แล้ว,ลูกที่รัก,การตัดสินอันหุนหันพลันแล่นและการตีความทั้งหมดนี้ล้วนมาจากบุคคลที่มีความหยิ่งผยอง,ไม่รู้จักตนเอง,และกล้าที่จะสอดรู้สอดเห็นชีวิตภายในของเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงทราบเพียงพระองค์เดียว ลูกที่รักทั้งหลาย,หากเราสามารถกำจัดบาปใหญ่ประการแรกนี้ออกไปจากใจได้ เพื่อนบ้านของเราก็จะไม่มีวันทำผิดตามที่เราพูด เราไม่ควรสร้างความสนุกสนานโดยการตรวจสอบความประพฤติของเขา เราไม่ควรทำอะไร,นอกจากร้องไห้ให้กับบาปของเราเองและทำงานให้หนักที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อแก้ไข 
ที่มา : บทเทศน์ของเจ้าอาวาสแห่งอารส์

วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2567

วันศุกร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2567

การาบังดัล เป็นการเรียกร้องให้กลับใจ


ความทุกข์อันใหญ่หลวงของโลกทุกวันนี้คือความทุกข์ที่สืบเนื่องมาจากบาปของมนุษย์ โลกจะต้องทนทุกข์ต่อไปจนกว่ามนุษย์จะหันเหออกจากบาปและกลับมาหาพระเจ้า แน่นอนว่าการกำจัดบาปคือสิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์ และการนำมนุษย์ออกจากวิถีทางที่ชั่วร้ายเป็นสาเหตุที่ทำให้พระองค์ส่งคำเตือนบ่อยครั้งถึงการลงทัณฑ์ที่จะเกิดขึ้น 
การาบังดัล เป็นการเรียกร้องให้กลับใจ,จากพระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระทัยเมตตาและการให้อภัย การปฏิเสธที่จะฟังคำเตือนและไม่ยอมรับการอภัยโทษจากพระเจ้า,จะเท่ากับบังคับให้พระยุติธรรมของพระเจ้าบังเกิดขึ้น แต่ในการลงทัณฑ์นี้ก็เป็นเช่นเดียวกับการลงทัณฑ์อื่นๆ การลงทัณฑ์จะใช้เฉพาะเมื่อมนุษย์ไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นและความชั่วแพร่กระจายไปทั่วทุกด้าน ถ้าหากในที่สุด,พระเจ้าถูกบังคับให้ส่งการลงทัณฑ์มาสู่โลก, การลงทัณฑ์นั้นก็มาจากความรักและใช้เพื่อการกลับใจของมนุษย์ และตอบสนองต่อการเรียกร้องของพระยุติธรรม 
อย่างไรก็ตาม,คอนชิต้าได้บอกว่า การลงทัณฑ์นั้นสามารถหลีกเลี่ยงได้,ถ้าโลกมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น 
นำมาจาก - “NEEDLES” magazine, Oct. -Dec. 1979, pg. 3-4, By Fr. Joseph Pelletier  

วันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2567

วันพุธที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2567

พระนางมารีย์ -เคหะทองคำ


พระนางมารีย์เป็นคนแรกที่เฝ้าดูแลพระวจนาตถ์ผู้ทรงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์ทรงอยู่ในครรภ์ของพระนาง และไม่มีใครในโลกที่รู้เรื่องนี้ โอ้! พระเจ้าทรงได้รับการเอาใจใส่ในพระครรภ์ของพระนางพรหมจารีย์มารีย์อย่างดีเพียงใดหนอ! พระองค์ไม่ทรงประสงค์ประทับอยู่ในพลับพลา,หรือแจกันทองคำที่มีค่าหรือวัสดุใดๆ, ไม่มีสิ่งใดที่บริสุทธิ์ยิ่งไปกว่าพระครรภ์ของพระนางมารีย์! ความรักของพระนางมารีย์เป็นที่พอพระทัยพระองค์มากกว่าความชื่นชมยินดีของทูตสวรรค์ทั้งหมด พระเจ้า 'ทรงตั้งพลับพลาของพระองค์ไว้ในดวงอาทิตย์' ผู้แต่งสดุดีกล่าวไว้เช่นนี้ ดวงอาทิตย์คือดวงพระทัยของพระนางมารีย์ และพระนางมารีย์คือแสงเจิดจรัสของดวงอาทิตย์แห่งพระยุติธรรมอันงดงามที่สุด
- นักบุญปีเตอร์ จูเลียน เอมาร์ด: