พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม 2025 จงเข้าทางประตูที่แคบ

          พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านเมืองและหมู่บ้าน ทรงสั่งสอนประชาชนและทรงเดินทางมุ่งไปกรุงเยรูซาเล็ม คนคนหนึ่งทูลถามพระองค์ว่า ‘พระเจ้าข้า มีคนน้อยคนใช่ไหมที่รอดพ้นได้’ พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า ‘จงพยายามเข้าทางประตูแคบ เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่าหลายคนพยายามจะเข้าไป แต่จะเข้าไม่ได้ ‘เมื่อเจ้าของบ้านจะลุกขึ้นเพื่อปิดประตู ท่านจะยืนอยู่ข้างนอก เคาะประตูพูดว่า “พระเจ้าข้า เปิดประตูให้พวกเราด้วย” แต่เขาจะตอบว่า “เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใด” แล้วท่านก็จะพูดว่า “พวกเราได้กินได้ดื่มอยู่กับท่าน ท่านได้สอนในลานสาธารณะของเรา” แต่เจ้าของบ้านจะตอบว่า “เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใดไปให้พ้นจากเราเถิด เจ้าทั้งหลายที่กระทำการชั่วช้า”
(ลูกา 13:22-30)








วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2567

วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2567

วิธีกำจัดบาป


คุณพ่อบอสโก,หลังจากที่เล่าเรื่องพระเยซูทรงรักษาคนโรคเรื้อนให้หายแล้ว,ท่านได้แสดงความคิดเห็นดังนี้ 

“ตอนนี้, ลูกที่รัก, จงฟังความหมายของเรื่องนี้ โรคเรื้อนคือภาพลักษณ์ของบาป บาปซึ่งทำให้วิญญาณของเราน่ารังเกียจจนพระเจ้าไม่ทรงทอดพระเนตรว่าเราเป็นของพระองค์อีกต่อไป พระองค์ต้องเนรเทศเรา, แยกเราออกจากลูกคนอื่นๆของพระองค์ วิญญาณที่อยู่ในบาปหนักนั้นน่าขยะแขยงและน่าสะพรึงกลัวในสายพระเนตรของพระองค์จริงๆ แล้วเราจะหลุดพ้นจากโรคเรื้อนนี้ได้อย่างไร “จงไปแสดงตัวต่อสมณะเถิด” พระเยซูเจ้าตรัส ถ้าเราประสงค์จะพ้นจากบาปและหายจากโรคนี้ โรคร้ายที่น่ารังเกียจที่สุดในวิญญาณ เราต้องไปหาพระสงฆ์ซึ่งพระเจ้าประทานอำนาจการชำระล้างวิญญาณให้สะอาด พระเยซูเจ้าจะตรัสกับชายผู้นั้นแต่เพียงว่า "จงหายเถิด" โดยไม่บอกให้เขาไปแสดงตัวต่อสมณะด้วยไม่ได้หรือ? ได้อย่างแน่นอน , แต่พระองค์มิได้ทำเช่นนั้น,เพื่อแสดงให้เราเห็นว่าถึงแม้พระองค์จะสามารถอภัยบาปแก่เราได้โดยที่เราไม่ต้องไปพบพระสงฆ์,แต่พระองค์ก็ไม่ทรงทำเช่นนั้นเว้นแต่เราจะไปหาพระสงฆ์และสารภาพบาปของเราอย่างจริงใจ . พ่อขอรับรองกับลูกว่าถ้าลูกต้องการกำจัดบาปของลูก วิธีเดียวคือการไปสารภาพบาป พระเจ้าจะทรงอภัยบาปใดๆให้กับลูก ตราบเท่าที่ลูกเป็นทุกข์ถึงบาปอย่างสมบูรณ์และสารภาพอย่างถ่อมใจต่อพระสงฆ์ที่พระองค์ทรงแต่งตั้งไว้” 
ที่มา: Don Bosco Horror of Sin   

วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

แม่พระประจักษ์ในอิยิปต์



เมื่อ 56 ปีที่แล้ว,ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แม่พระได้เริ่มการประจักษ์ต่อสาธารณะในเขต Zeitoun (ประชาชนส่วนใหญ่เป็นมุสลิม) กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ มีผู้เห็นเหตุการณ์มากกว่าหนึ่งล้านคน --- รวมทั้งชาวคาทอลิก โปรเตสแตนต์ มุสลิม ออร์โธดอกซ์ และแม้แต่ชาวมาร์กซิสต์ --- แม่พระทรงประจักษ์อย่างเงียบๆที่โบสถ์ออร์โธดอกซ์คอปติกเซนต์แมรีระหว่างวันที่ 2 เมษายน 1968 --- 29 พฤษภาคม 1971 
มีผู้เห็นการประจักษ์ซึ่งเป็นพระสงฆ์ที่มีความเชื่อต่างๆ กัน แต่มีเพียงคอปติกออร์โธดอกซ์เท่านั้นที่รับรองการประจักษ์นี้ 
ถึงแม้พระสันตปาปาเปาโลที่ 6 จะส่งสมณทูต,ซึ่งมีทัศนะคติที่ดีต่อการประจักษ์ แต่พระศาสนจักรคาทอลิกไม่ได้ตัดสินอะไรเพราะปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเหนือสิ่งปลูกสร้างคอปติกออร์โธด็อกซ์ 

วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2567

นักบุญยอห์น เวียนเนย์และการฟังสารภาพบาป


แม้แต่ในช่วงฤดูหนาวระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม คุณพ่อยอห์น เวียนเนย์ก็ยังใช้เวลา11 หรือ 12ชั่วโมงต่อวันในการฟังสารภาพบาป เมื่ออากาศดีกลับมา,ท่านก็จะใช้เวลา 15 หรือ 16 หรือ 18 ชั่วโมงด้วยซ้ำ มีการคำนวณว่าตั้งแต่ปี 1830 ซึ่งเป็นช่วงที่ฝูงชนพากันมาพบกับคุณพ่อเวียนเนย์อย่างไม่หยุดหย่อน จนถึงปี 1859 ซึ่งเป็นวันที่คุณพ่อเวียนเนย์เสียชีวิต เวลาที่คุณพ่อเวียนเนย์ใช้ในการฟังสารภาพรวมกันทั้งสิ้นถึงสิบแปดปี กล่าวได้ว่าคุณพ่อยอห์น เวียนเนย์ เจ้าอาวาสแห่ง Ars เป็นผู้ฟังสารภาพบาปที่ทำลายสถิติทั้งหมด ตลอดช่วงชีวิตของท่าน,ท่านได้บรรลุผลสำเร็จด้วยมือเดียวในสิ่งที่พระสงฆ์ห้าหรือหกคนไม่สามารถทำร่วมกันได้ และดังที่คุณพ่ออับเบ เรย์มอนด์(Abbe Raymond) ซึ่งเป็นพระสงฆ์ผู้ช่วยของท่านมาแปดปีตั้งข้อสังเกตว่า งานของคุณพ่อเวียนเนย์ในการฟังสารภาพบาปเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คุณพ่อเวียนเนย์เป็นนักบุญ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะชั่งน้ำหนักผลรวมของการเสียสละและระดับของความกล้าหาญในการฟังสารภาพบาปนี้ มันจะต้องเรียกร้องจากธรรมชาติที่อ่อนแอของมนุษย์ ซึ่งแม้แต่ในนักบุญก็มีช่วงเวลาแห่งการกบฏและความฝันถึงอิสรภาพ และการพักผ่อน 
ที่มา: A Biography of St. Jean-Marie Vianney: 

วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2567

ความอดทนต่อความเจ็บป่วย


อัครสาวกเปาโลเขียนว่า: ด้วยความอดทนอดกลั้น เราจึงลงในสนามแข่งขันแห่งความเชื่อที่อยู่ต่อหน้าเรา เพราะมีอะไรเล่าที่จะมีอำนาจมากกว่าคุณธรรม? มีอะไรที่มั่นคงหรือแข็งแกร่งยิ่งกว่าความอดทนต่อความเจ็บป่วย? ความอดทนนั้นเพื่อเห็นแก่พระเจ้า นี่คือราชินีแห่งคุณธรรม เป็นรากฐานแห่งคุณธรรม เป็นที่พักพิงที่เงียบสงบ เป็นสันติภาพในยามสงคราม เป็นความสงบของคลื่นลมในทะเล เป็นความปลอดภัยท่ามกลางการทรยศและขณะอยู่ในอันตราย มันทำให้ผู้ที่ฝึกฝนแข็งแกร่งกว่าเหล็ก ไม่มีอาวุธใดหรือธนู,ไม่มีกองทหารหรือเครื่องปิดล้อมที่รุกคืบ, ไม่มีหอกหลาวหรือลูกศรสามารถเขย่ามันได้ ไม่มีแม้แต่กองทัพวิญญาณชั่วร้ายหรืออำนาจของศัตรูมากมาย หรือแม้แต่ปีศาจที่ยืนหยัดอยู่เป็นกองทัพพร้อมด้วยยุทโธปกรณ์ของมันจะมีอำนาจทำร้ายชายหรือหญิงผู้นั้นได้ เพราะพวกเขาได้รับคุณธรรมนี้ผ่านทางพระคริสต์ 
-นักบุญ นีลัสแห่งอันซีรา(St. Nilus of Ancyra)