พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2024 การดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง

           ยอห์นทูลพระองค์ว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า เราได้เห็นคนคนหนึ่งขับไล่ปีศาจเดชะพระนามของพระองค์ เราจึงพยายามห้ามปรามไว้ เพราะเขาไม่ใช่พวกเดียวกับเรา” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “อย่าห้ามเขาเลย ไม่มีใครทำอัศจรรย์ในนามของเรา แล้วต่อมาจะว่าร้ายเราได้ ผู้ใดไม่ต่อต้านเรา ก็เป็นฝ่ายเรา”
           ”ผู้ใดให้น้ำท่านดื่มเพียงแก้วหนึ่งเพราะท่านเป็นคนของพระคริสตเจ้า เราบอกความจริงกับท่านว่า เขาจะได้บำเหน็จรางวัลอย่างแน่นอน” ”ผู้ใดเป็นเหตุให้คนธรรมดา ๆ ที่มีความเชื่อเหล่านี้ทำบาป ถ้าเขาจะถูกผูกคอด้วยหินโม่ถ่วงในทะเลก็ยังดีกว่ากระทำดังกล่าว
           ถ้ามือข้างหนึ่งของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาป จงตัดมันทิ้งเสีย ท่านจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดรโดยมีมือข้างเดียว ยังดีกว่ามีมือทั้งสองข้างแต่ต้องตกนรกในไฟที่ไม่รู้ดับ ถ้าเท้าข้างหนึ่งของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาป จงตัดมันทิ้งเสีย ท่านจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดรโดยมีเท้าพิการ ยังดีกว่ามีเท้าทั้งสองข้างแต่ถูกโยนลงนรก ถ้าตาข้างหนึ่งของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาป จงควักมันออกเสีย ท่านจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า โดยมีตาข้างเดียว ยังดีกว่ามีตาทั้งสองข้างแต่ต้องถูกโยนลงนรก ที่นั่นหนอนไม่รู้ตาย ไฟไม่รู้ดับ
(มาระโก 9:38-43; 45; 47-48)








วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2567

ซีโมน เฮเรติกคนแรก


โดยนักบุญอัลฟอนโซ เดอ ลิโกวรี

ซีโมน มากัส เฮเรติกคนแรกที่ก่อกวนพระศาสนจักร เขาเกิดในเขตสะมาเรียที่เรียกว่ากีธอนหรือกิตธิส(Githon or Gitthis) เขาถูกเรียกว่ามากัส(Magus) หรือผู้ทำเวทมนตร์ เพราะเขาใช้เวทมนตร์คาถาเพื่อหลอกลวงประชาชน และด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้รับฉายาพิเศษในหมู่ชาวเมืองว่า “อานุภาพยิ่งใหญ่ของพระเจ้า” (กิจการ 8:10) “ชายผู้นี้คือพระอานุภาพของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่” เมื่อเขาเห็นว่าบุคคลที่อัครสาวกเปโตรและยอห์นวางมือบนศีรษะ,บุคคลนั้นก็ได้รับพระจิต ซีโมนจึงเสนอเงินให้อัครสาวกเพื่อทำให้เขามีอำนาจในการถ่ายทอดพระจิตในลักษณะเดียวกัน และด้วยเหตุนี้ ความผิดอันน่ารังเกียจของการขายสิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงถูกเรียกว่า ซีโมนี(Simony) เขาเดินทางไปโรมและมีการสร้างรูปปั้นให้เขาในเมืองนั้น ซึ่งนักบุญจัสตินได้พูดต่อหน้าชาวโรมันเกี่ยวกับซีโมน(ในการพูดในที่สาธารณะครั้งแรกของท่า) โดยนักบุญกล่าวว่า “ในเมืองหลวงของพวกท่าน เขา (ซีโมน) ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเจ้า และมีการสร้างรูปปั้นให้เขาบนเกาะไทเบอร์ ระหว่างสะพานทั้งสองแห่ง โดยมีจารึกภาษาละตินว่า “SIMONI, DEO SANCTO” (ซีโมน พระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์) ซีโมนได้พูดผิดพลาดไว้หลายประการ ซึ่งโนเอล อเล็กซานเดอร์(Noel Alexander)ได้กล่าวถึงและหักล้างไว้ ข้อผิดพลาดหลักๆ คือ เขาบอกว่าโลกถูกสร้างขึ้นโดยเหล่าทูตสวรรค์ เมื่อวิญญาณออกจากร่างกาย มันจะเข้าไปในร่างกายอื่น ซึ่งหากเป็นความจริง นักบุญอิเรเนียสกล่าวว่า วิญาณจะระลึกถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่ออยู่ในร่างกายเดิม เพราะความทรงจำซึ่งเป็นคุณสมบัติของวิญญาณนั้นไม่สามารถแยกออกจากวิญญาณได้ ข้อผิดพลาดอีกประการหนึ่งของซีโมนคือข้อผิดพลาดที่ถูกเปิดเผยโดยเฮเรติกในสมัยของเราเอง นั่นคือ มนุษย์ไม่มีจิตอิสระหรือเจตจำนงเสรี และ ดังนั้นการทำความดีจึงไม่มีความจำเป็นต่อความรอด บารอนเนียสและเฟลอรี(Baronius and Fleury)เล่าว่าด้วยพลังของมนตร์สะกด เขาได้ทำให้ปีศาจยกเขาขึ้นไปในอากาศในวันหนึ่ง แต่เมื่อนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโลซึ่งอยู่ที่นั่นด้วยและได้เรียกขานพระนามพระเยซูคริสต์ เขาก็ตกลงมาและขาหักทั้งสองข้าง เพื่อนๆของเขาพาเขาไป แต่ความทุกข์ทางร่างกายและจิตใจของเขาทำให้เขาต้องตกที่นั่งลำบากอย่างมาก จนเขาต้องกระโดดลงมาจากหน้าต่างที่สูงด้วยความสิ้นหวัง และด้วยเหตุนี้ เฮเรติกคนแรกที่ก่อกวนพระศาสนจักรแห่งพระคริสต์จึงเสียชีวิต 

วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2567

ปีศาจกลัวแม่พระมาก



โทมัส เอ. เคมปิส(Thomas a Kempis) ผู้ประพันธ์หนังสือจำลองแบบพระคริสต์,ยืนยันว่า “ปิศาจเกรงกลัวราชินีแห่งสวรรค์ถึงขนาดที่เมื่อได้ยินพระนามอันยิ่งใหญ่ของพระนาง พวกมันจะบินหนีจากผู้ที่เรียกพระนามนั้นราวกับว่ากำลังหนีจากไฟที่กำลังลุกไหม้” พระแม่มารีย์ทรงเปิดเผยแก่นักบุญบริจิตเองว่า “ไม่มีคนบาปคนใดบนโลกนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะปราศจากความรักของพระเจ้าก็ตาม ปิศาจจะบินหนีจากเขาทันที หากเขาเรียกพระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระนางด้วยความมุ่งมั่นที่จะกลับใจ” ในอีกโอกาสหนึ่ง พระนางทรงกล่าวซ้ำเรื่องเดียวกันนี้กับนักบุญโดยกล่าวว่า “ปิศาจทุกตัวเคารพและเกรงกลัวพระนามของพระนางถึงขนาดที่เมื่อได้ยินพระนามนั้น พวกมันจะคลายกรงเล็บที่มันจับวิญญาณไว้ทันที” พระแม่มารีย์ทรงบอกกับนักบุญบริจิตว่า “ในลักษณะเดียวกับที่ทูตสวรรค์ผู้กบฏบินหนีจากคนบาปที่เรียกพระนามของพระนางมารีย์ ทูตสวรรค์ที่ดีก็เข้าใกล้วิญญาณที่ชอบธรรมที่เรียกพระนามของพระนางด้วยความศรัทธาเช่นกัน”  
 ----------------

โอ้ พระแม่มารีย์ผู้ทรงได้รับพระพร ผู้ทรงเป็นคนกลางประทานพระหรรษทาน โปรดวิงวอนพระบุตรศักดิ์สิทธิ์ของพระนางให้ทรงช่วยเหลือวิญญาณในไฟชำระ โดยเฉพาะวิญญาณที่กำลังทำการชดใช้บาปอย่างรุนแรงจากการไม่ให้เกียรติและแสดงความดูถูกพระนางตลอดชีวิตของพวกเขา ขอให้พระโลหิตอันล้ำค่าของพระเยซูทรงชำระล้างมลทินฝ่ายวิญญาณของพวกเขา โปรดทรงปลดปล่อยพวกเขาจากพระพิโรธอันชอบธรรมของพระองค์ และทรงประทานความสงบสุขแก่พวกเขาในที่ซึ่งแสงสว่างจากพระพักตร์ของพระองค์ส่องสว่าง อาแมน † 

ขอสรุปด้วยบทภาวนาอันอ่อนโยนของนักบุญบอนาเวนเจอร์: 

“โอ พระแม่มารีย์ ลูกวิงวอนพระแม่ เพื่อพระเกียรติแห่งพระนามของพระแม่ โปรดเสด็จมายังลูกด้วยในเวลาที่กำลังจะจากโลกนี้ไป และโปรดรับวิญญาณนั้นไว้ในอ้อมแขนของพระนางเทอญ” อาแมน †

วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2567

คำพูดของนักบุญ


“จงอย่าท้อแท้หรือท้อถอยหากการกระทำของลูกไม่ประสบผลสำเร็จดังที่ตั้งใจไว้ ลูกคาดหวังอะไร? เราถูกปั้นขึ้นมาจากดินเหนียวและไม่ใช่ว่าดินทุกชนิดจะให้ผลตามที่ช่างปั้นคาดหวังไว้ แต่ให้เรามีใจถ่อมตนและรับรู้ว่าเราไม่มีค่าอะไรเลยหากเราขาดความช่วยเหลือจากพระเจ้า"

-คุณพ่อปิโอ

วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2567

ฤทธิ์อำนาจแห่งสายประคำ


ผมจึงไม่ลืมที่จะพกสายประคำติดตัวไว้เสมอและสวดทุกวัน แม้ว่าผมจะไม่ใช่คาทอลิกก็ตาม
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2567

ความช่วยเหลือจากนักบุญอัครเทวดามีคาแอล


นักบุญอัครเทวดามีคาแอลประจักษ์แก่นักบุญยูด็อกซี(EUDOXY)

ความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของนักบุญอัครเทวดามีคาแอลแสดงออกมาในกรณีของคนบาปและการสำนึกผิดของบุคคลผู้นี้ และในที่สุด,ท่านได้เป็นมรณะสักขีของพระคริสต์ ท่านคือนักบุญยูด็อกซี ผู้มีชีวิตอยู่ในสมัยการปกครองของจักรพรรดิทราจัน(Trajan) ในช่วงต้นศตวรรษที่ 2

ยูด็อกซี่มีพื้นเพมาจากสะมาเรีย (ในปาเลสไตน์) เธอเคยใช้ชีวิตอย่างอิสระในการเสพสุราเมามาย

พระสงฆ์นักพรต,นักบุญเจอร์เมน(Saint Germain)ได้ทำให้เธอกลับใจ หลังจากกลับใจแล้ว,เธอได้แจกจ่ายทรัพย์สมบัติมหาศาลของเธอให้กับคนยากจน ทรัพย์สมบัติซึ่งได้มาจากการค้าขายที่น่าละอาย เธอให้อิสรภาพแก่ทาสของเธอ และใช้เวลาเจ็ดวันตามลำพังในการสวดภาวนาและอดอาหารก่อนที่จะรับศีลล้างบาป

พระสงฆ์นักพรตผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้ให้คำแนะนำแก่ยูด็อกซีและสวดภาวนาให้กับเธอ และท่านยืนยันกับเธอว่าการกลับใจของเธอนั้นอยู่ในความช่วยเหลือของนักบุญอัครเทวดามีคาแอล

เธอเล่าให้พระสงฆ์ฟังว่า “คุณพ่อคะ,ขอบคุณพระเจ้า,สำหรับพระหรรษทานที่พระองค์ทรงประทานให้แก่ลูก ถึงแม้ว่าลูกจะไม่สมควรก็ตาม ลูกใช้เวลา 6 วันร้องไห้เพราะบาปของลูกและปฏิบัติตามคำแนะนำศักดิ์สิทธิ์ที่คุณพ่อกำหนดไว้

ในวันที่เจ็ด, ขณะที่ลูกก้มหน้าลง, ลูกเห็นตนเองรายล้อมไปด้วยแสงอันเจิดจ้า

ลูกเห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง สวมอาภรณ์สีขาว, สุภาพเรียบร้อย, จูงมือลูกขึ้นไปสู่สวรรค์ ลูกเห็นคนจำนวนมากแต่งตัวเช่นเดียวกับชายหนุ่มคนนั้น, พวกเขามีความสุขที่ได้พบลูก และเมื่อรู้ว่าวันหนึ่งลูกจะ มีศักดิ์ศรีเช่นเดียวกับพวกเขา

ขณะที่ลูกเห็นนิมิตนี้ ลูกเห็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวตัวหนึ่งกำลังต่อสู้กับพระเจ้า,มันส่งเสียงหอนน่าสะพรึงกลัว เพราะมันแย่งชิงเหยื่อไปจากพระองค์ ซึ่งเป็นของมันตามชื่อเรียกหลายอย่าง แต่เสียงที่มาจากสวรรค์เริ่มบอกว่า ความดีอันไม่มีสิ้นสุดเป็นของพระองค์ผู้ทรงมีพระเมตตาต่อคนบาปที่สำนึกผิด

เสียงเดียวกันนี้สัญญากับลูกว่าจะให้การคุ้มครองลูกเป็นพิเศษตลอดชีวิตของลูก และลูกได้ยินว่าท่านคือนักบุญอัครเทวดามีคาแอล”

ยูด็อกซี,หญิงชาวสะมาเรียผู้สำนึกผิดคนนี้ได้รับการปกป้องอย่างดีจากนักบุญอัครเทวดามีคาแอล, หลังจากชีวิตแห่งการทำพลีกรรม, ด้วยอัศจรรย์และการกลับใจ, เธอได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งการเป็นมรณะสักขี, โดยอาศัยความเชื่อในคริสตศาสนาของเธอ เธอเสียชีวิตเป็นมรณะสักขีในวันที่1 มีนาคม ในปี 114


วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2567

จิตใจที่สงบ 2



จงรักษาจิตใจให้สงบ อย่าให้สิ่งใดมารบกวนจิตใจของคุณ แม้แต่ความผิดหรือข้อบกพร่องของคุณ คุณต้องถ่อมตนและแก้ไขความผิดอย่างสงบ, โดยไม่ท้อถอยหรือท้อแท้ เพราะพระเจ้าทรงประทับในจิตใจที่สงบ

— นักบุญมากาเร็ต มารีย์ อาลาก๊อก,อัตชีวิตและข้อเขียน