พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2024 ผู้ที่เป็นใหญ่ในสวรรค์

           ยากอบและยอห์น บุตรของเศเบดี เข้ามาทูลพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าทั้งสองปรารถนาให้พระองค์ทรงกระทำตามที่ข้าพเจ้าจะขอนี้” พระองค์ตรัสถามว่า “ท่านปรารถนาให้เราทำสิ่งใด” ทั้งสองทูลตอบว่า “ขอโปรดให้ข้าพเจ้าคนหนึ่งนั่งข้างขวา อีกคนหนึ่งนั่งข้างซ้ายของพระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์เถิด” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านไม่รู้ว่ากำลังขออะไร ท่านดื่มถ้วยซึ่งเราจะดื่มได้ไหม หรือรับการล้างที่เราจะรับได้หรือไม่” ทั้งสองทูลว่า “ได้ พระเจ้าข้า” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ถ้วยที่เราจะดื่มนั้น ท่านจะได้ดื่ม และการล้างที่เราจะรับนั้น ท่านก็จะได้รับ แต่การที่จะนั่งข้างขวาหรือข้างซ้ายของเรานั้น ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะให้ แต่สงวนไว้สำหรับผู้ที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้”
           เมื่อได้ยินดังนั้น อัครสาวกอีกสิบคนรู้สึกโกรธยากอบและยอห์น พระเยซูเจ้าจึงทรงเรียกเขาทั้งหมดมาพบ ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายย่อมรู้ว่า คนต่างชาติที่คิดว่าตนเป็นหัวหน้าย่อมเป็นเจ้านายเหนือผู้อื่น และผู้เป็นใหญ่ย่อมใช้อำนาจบังคับ แต่ท่านทั้งหลายไม่ควรเป็นเช่นนั้น ผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น และผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นคนที่หนึ่งในหมู่ท่าน ก็จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ทุกคน เพราะบุตรแห่งมนุษย์มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น และมอบชีวิตของตนเป็นสินไถ่เพื่อมวลมนุษย์”
(มาระโก 10:35-45)








วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2567

เก้าอี้ของนักบุญเปโตร


เมื่อวันพุธที่ 2 ตุลาคม พระสันตปาปาทรงมีโอกาสได้ทรงชมเก้าอี้ของนักบุญเปโตรในห้องเก็บเครื่องบูชาออตโตโบนี(Ottoboni sacristy)ของมหาวิหารนักบุญเปโตร หลังจากทรงประกอบพิธีมิสซาในจัตุรัสนักบุญเปโตร ก่อนการประชุมไซนอดครั้งที่ 2 ว่าด้วยเรื่องSynod on Synodality ภาพของพระองค์ขณะประทับนั่งหน้าเก้าอี้ดังกล่าวกลายเป็นกระแสไวรัล

 นับตั้งแต่ปี 1974 พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเป็นพระสันตปาปาพระองค์แรกที่ได้ชมเก้าอี้ที่เชื่อกันว่าเป็นของนักบุญเปโตร อัครสาวก

 ประเพณีโบราณระบุว่านักบุญเปโตรเคยนั่งบนเก้าอี้ดังกล่าวระหว่างการเทศน์สอนคริสตชนยุคแรกในกรุงโรม

วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ปีศาจกำลังตื่นตกใจ


โดย Fr.Ripperger (พระสงฆ์ผู้ขับไล่ปีศาจ)

 ปีศาจแสดงให้เห็นเครื่องหมายทุกอย่างที่แสดงว่าเวลาของมันใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดลงแล้ว ปีศาจมากกว่าหนึ่งตัวได้บอกผมว่า เวลาของมันสั้นลง และมันก็ร้องไห้เพราะมันชอบอำนาจทุกอย่างที่มันได้รับในเวลานี้ นั่นหมายความว่าพระเจ้ากำลังจะทำให้ทุกสิ่งจบลงสำหรับมัน เราจึงควรมีความวางใจอย่างสมบูรณ์ในพระญาณเอื้ออาทรของพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงควบคุมทุกสิ่งไว้อย่างสมบูรณ์ เราต้องมีความวางใจในพระเจ้าไม่ว่าเวลาใดที่ปีศาจพยายามสร้างอิทธิพลในชีวิตของเรา พระเจ้าจะทรงดูแลเราและชำระล้างเราให้บริสุทธิ์ จะช่วยเราให้เดินทางไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์ในคุณธรรมความดี

วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2567

วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ทูตสวรรค์ผู้พิทักษ์


ทูตสวรรค์ผู้พิทักษ์อันศักดิ์สิทธิ์ของฉัน โปรดปกป้องฉันด้วยปีกของท่าน
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567

7 ต.ค. วันแห่งการสวดภาวนาและอดอาหาร


พระสันตปาปาฟรังซิสทรงเรียกร้องให้วันที่ 7 ตุลาคมเป็นวันแห่งการสวดภาวนาและอดอาหารเพื่อสันติภาพซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 ปีของการปะทุของสงครามอิสราเอล-ฮามาส

 พระสันตะปาปาฟรังซิสตรัสว่า “ในช่วงเวลาอันระทึกขวัญในประวัติศาสตร์ของเรา ขณะที่ลมแห่งสงครามและไฟแห่งความรุนแรงยังคงทำลายล้างผู้คนและประเทศชาติทั้งประเทศ” ชุมชนคริสตชนจึงได้รับการเตือนให้ “อุทิศตนเพื่อรับใช้มนุษยชาติ”

พระองค์ทรงเชิญสมาชิกสภาสังคายนาทั้งหมดไปเยี่ยมมหาวิหารเซนต์แมรี่เมเจอร์ในวันที่ 6 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันก่อนวันครบรอบ โดยพระองค์ตรัสว่าพระองค์จะ “ทูลขอจากใจจริงถึงพระแม่มารี” เพื่อขอสันติภาพ

 พระสันตปาปาทรงกระตุ้นว่า “ให้เราเดินไปด้วยกัน ขอให้เราฟังเสียงของพระเจ้า และขอให้เราได้รับการทรงนำโดยสายลมแห่งพระจิต”

วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2567

คุณธรรมความอดทน


หากคุณรู้สึกหงุดหงิดที่พระเจ้าดูเหมือนจะไม่ตอบคำอธิษฐานของคุณ คุณไม่ควรยอมแพ้แต่จงอดทนรอคอย

 คุณธรรมแห่งความอดทนเป็นสิ่งที่พวกเราหลายคนขาดไป โดยเฉพาะในบางช่วงของชีวิต คุณอาจมีช่วงเวลาที่คุณหงุดหงิดกับลูกๆของคุณเมื่อคุณรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยหรือไม่สบาย

ขอให้ดูความอดทนของนักบุญเป็นตัวอย่าง

 ในพันธสัญญาเดิม  

 โจเซฟต้องรอนานถึง 13 ปีกว่าจะได้รับอิสรภาพและได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองอียิปต์

อับราฮัมต้องรอถึง 25 ปีเต็มเพื่อจะได้อิสอัค ถือกำเนิดเป็นลูกชายของเขา ซึ่งในเวลานั้นเขาอายุได้ 100 ปี  

ส่วนโมเสส... การรอคอยในทะเลทรายนานถึง 40 ปีก่อนที่จะนำชาวอิสราเอลออกจากอียิปต์ไปสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา  ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความอดทนอย่างน่าเหลือเชื่อ

ในพันธสัญญาใหม่  

เอลิซาเบธ มารดาของยอห์นผู้ทำพิธีล้างด้วยน้ำ ซึ่งเธอถูกกล่าวขานว่าเป็นหมันและต้องรอจนแก่เฒ่าจึงจะได้รับพรให้กำเนิดยอห์น  

สุดท้าย ลองนึกถึงพระเยซู พระองค์ทรงรออย่างน่าประทับใจถึง 30 ปีก่อนที่จะเริ่มงานประกาศข่าวดีต่อสาธารณชน นั่นคือ จนกว่าจะถึงเวลาที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงกำหนดไว้ 

นักบุญโมนิกาต้องใช้เวลาถึง 18 ปีในการสวดภาวนาวอนขอให้ลูกชายของเธอ,ออกัสติน,กลับใจ 

ดังนั้น หากคุณวางใจในพระเจ้าก็จงมีความอดทน โปรดจำบุรุษและสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่มาก่อนคุณ ซึ่งไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาและความอดทนอย่างยิ่งใหญ่ต่อพระประสงค์ของพระเจ้าเท่านั้น แต่ยังต้องขอบคุณเวลานั้นด้วย พวกเขาจึงได้รับหรือทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้ 

วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ความรักอันยิ่งใหญ่ต่อพระเยซู


ครั้งหนึ่งพระเยซูทรงถามคัทเธอรีนแห่งเซียนนาว่า “ลูกที่รัก ลูกรู้ไหมว่าทำไมเราถึงรักลูก?” คัทเธอรีนตอบว่าเธอไม่ทราบ พระเยซูจึงตรัสว่า “เราจะบอกลูก ถ้าเราเลิกรักลูก ลูกก็จะไม่เหลืออะไรเลย ลูกจะไม่สามารถทำอะไรดีๆได้เลย เวลานี้ลูกคงเห็นแล้วว่าทำไมเราถึงต้องรักลูก” “จริงค่ะ” คัทเธอรีนตอบ และทันใดนั้นเธอก็พูดว่า “ลูกอยากจะรักพระองค์แบบนั้น” 

 แต่ทันทีที่เธอพูดจบ เธอก็รู้ว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นไม่เหมาะสม พระเยซูทรงยิ้ม จากนั้นเธอก็พูดอีกว่า “แต่มันไม่ยุติธรรม พระองค์สามารถรักลูกด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ได้ แต่ลูกรักพระองค์ด้วยความรักเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

ในขณะนั้น พระเยซูทรงขัดจังหวะและตรัสว่า “เราได้ทำให้ลูกสามารถรักเราด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ได้” เธอประหลาดใจและถามพระองค์ทันทีว่าทำอย่างไร “เราได้ให้เพื่อนมนุษย์ของลูกอยู่ข้างๆใกล้ลูกแล้ว ไม่ว่าลูกจะทำอะไรกับพวกเขา เราจะถือว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ทำกับเรา” คัทเธอรีนเต็มไปด้วยความปิติยินดีและวิ่งไปดูแลคนเจ็บป่วยในโรงพยาบาล “ตอนนี้ลูกสามารถรักพระเยซูด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ได้แล้ว”