พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2025 ฉลองพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง

           ขณะนั้น ประชาชนกำลังรอคอย ทุกคนต่างคิดในใจว่า ยอห์นเป็นพระคริสต์หรือ ยอห์นจึงประกาศต่อหน้าทุกคนว่า “ข้าพเจ้าใช้น้ำทำพิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย แต่ผู้ที่ทรงอำนาจยิ่งกว่าข้าพเจ้าจะมา และข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา เขาจะทำพิธีล้างให้ท่านเดชะพระจิตเจ้าและด้วยไฟ
           ลก 3:21-22 พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง
           ขณะนั้นประชาชนทั้งหมดกำลังรับพิธีล้าง พระเยซูเจ้าก็ทรงรับพิธีล้างด้วย และขณะที่ทรงอธิษฐานภาวนาอยู่นั้น ท้องฟ้าก็เปิดออก และพระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระองค์ มีรูปร่างที่เห็นได้ดุจนกพิราบ แล้วมีเสียงจากสวรรค์ว่า “ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เป็นที่โปรดปรานของเรา”
(ลูกา 3:15-16; 21-22)








วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2567

คุณพ่อปีโอขับไล่ปีศาจ


เมื่อสตรีคนหนึ่งซึ่งถูกปีศาจเข้าสิงบุกเข้าไปในซานโจวันนี คุณพ่อปีโอเดินเข้าไปหาเธออย่างใจเย็นและสามารถขับไล่ปีศาจนั้นออกไปได้

 นักบุญคุณพ่อปีโอ มีความเชื่อในพระเจ้าอย่างพิเศษ ทำให้ท่านสามารถกระทำอย่างใจเย็นได้เมื่อปีศาจพยายามทำให้ท่านกลัว

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และในบางครั้ง ผู้ที่โดนผีสิงก็จะเข้าไปในโบสถ์ที่ซานโจวันนี รอตตันโด 

 ผู้เขียน C. Bernard Ruffin เล่าเรื่องต่อไปนี้ในหนังสือของเขา Padre Pio: The True Story 

การรักษาอาการถูกปีศาจสิง 

ตามที่ Ruffin เล่า "คุณพ่อ John Schug (1928–2002) เมื่อเขาสัมภาษณ์พระสงฆ์อาวุโสที่ซานโจวันนีไม่กี่ปีหลังจากการเสียชีวิตของคุณพ่อปีโอ, ได้ยินมาว่ามีสตรีคนหนึ่งที่ดูไม่เพียงแต่มีปัญหาทางจิตเท่านั้น ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวอย่างน่ากลัว และดวงตาของเธอมีประกายแวววาวจนผู้คนเริ่มวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว 'ฉันเป็นเจ้าของโบสถ์แห่งนี้!' เธอกรีดร้อง 

เมื่อหญิงคนนั้นเห็นรูปของนักบุญไมเคิล อัครทูตสวรรค์ เธอพูดว่า “แกไม่ได้ชนะ ข้าชนะ!” 

เธอก่อความวุ่นวายขึ้นในโบสถ์จนดึงดูดความสนใจของคุณพ่อปีโอ ซึ่งกำลังฟังสารภาพบาปอยู่ 

ท่านออกจากห้องสารภาพบาปและผู้ดูแลโบสถ์ก็ขอร้องให้ท่านอย่าไป คุณพ่อปีโอตอบว่า “อย่ากลัว...เรากลัวปีศาจตั้งแต่เมื่อไร” 

คุณพ่อปีโอเดินเข้ามาหาเธอและพูดว่า “ออกไปจากที่นั่น!” 

เธอเริ่มวิงวอนคุณพ่อปีโอว่า “อย่าส่งข้าออกไปเลย อย่าส่งข้าออกไปเลย!” 

ท่านบอกให้เธอไปนั่งรอที่นั่นจนกว่าท่านจะฟังสารภาพบาปเสร็จ 

[จากนั้น] ท่านพบว่าผู้หญิงคนนั้นนั่งเงียบๆ ท่านจึงพาเธอไปที่ห้องสารภาพบาป เมื่อเธอออกจากห้องสารภาพบาป “ใบหน้าของเธอเหมือนทูตสวรรค์” 

 นักบุญคุณพ่อปีโอ เชื่อมั่นอย่างเต็มที่ในพลังของการสารภาพบาป และแม้กระทั่งทุกวันนี้ พระสงฆ์ผู้ขับไล่ปีศาจยังคงแนะนำให้สารภาพบาปบ่อยๆ เพื่อป้องกันไม่ให้พลังของซาตานมีอิทธิพลต่อบุคคลใดๆ 

วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2567

เก้าอี้ของนักบุญเปโตร


เมื่อวันพุธที่ 2 ตุลาคม พระสันตปาปาทรงมีโอกาสได้ทรงชมเก้าอี้ของนักบุญเปโตรในห้องเก็บเครื่องบูชาออตโตโบนี(Ottoboni sacristy)ของมหาวิหารนักบุญเปโตร หลังจากทรงประกอบพิธีมิสซาในจัตุรัสนักบุญเปโตร ก่อนการประชุมไซนอดครั้งที่ 2 ว่าด้วยเรื่องSynod on Synodality ภาพของพระองค์ขณะประทับนั่งหน้าเก้าอี้ดังกล่าวกลายเป็นกระแสไวรัล

 นับตั้งแต่ปี 1974 พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเป็นพระสันตปาปาพระองค์แรกที่ได้ชมเก้าอี้ที่เชื่อกันว่าเป็นของนักบุญเปโตร อัครสาวก

 ประเพณีโบราณระบุว่านักบุญเปโตรเคยนั่งบนเก้าอี้ดังกล่าวระหว่างการเทศน์สอนคริสตชนยุคแรกในกรุงโรม

วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ปีศาจกำลังตื่นตกใจ


โดย Fr.Ripperger (พระสงฆ์ผู้ขับไล่ปีศาจ)

 ปีศาจแสดงให้เห็นเครื่องหมายทุกอย่างที่แสดงว่าเวลาของมันใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดลงแล้ว ปีศาจมากกว่าหนึ่งตัวได้บอกผมว่า เวลาของมันสั้นลง และมันก็ร้องไห้เพราะมันชอบอำนาจทุกอย่างที่มันได้รับในเวลานี้ นั่นหมายความว่าพระเจ้ากำลังจะทำให้ทุกสิ่งจบลงสำหรับมัน เราจึงควรมีความวางใจอย่างสมบูรณ์ในพระญาณเอื้ออาทรของพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงควบคุมทุกสิ่งไว้อย่างสมบูรณ์ เราต้องมีความวางใจในพระเจ้าไม่ว่าเวลาใดที่ปีศาจพยายามสร้างอิทธิพลในชีวิตของเรา พระเจ้าจะทรงดูแลเราและชำระล้างเราให้บริสุทธิ์ จะช่วยเราให้เดินทางไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์ในคุณธรรมความดี

วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2567

วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ทูตสวรรค์ผู้พิทักษ์


ทูตสวรรค์ผู้พิทักษ์อันศักดิ์สิทธิ์ของฉัน โปรดปกป้องฉันด้วยปีกของท่าน
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567

7 ต.ค. วันแห่งการสวดภาวนาและอดอาหาร


พระสันตปาปาฟรังซิสทรงเรียกร้องให้วันที่ 7 ตุลาคมเป็นวันแห่งการสวดภาวนาและอดอาหารเพื่อสันติภาพซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 ปีของการปะทุของสงครามอิสราเอล-ฮามาส

 พระสันตะปาปาฟรังซิสตรัสว่า “ในช่วงเวลาอันระทึกขวัญในประวัติศาสตร์ของเรา ขณะที่ลมแห่งสงครามและไฟแห่งความรุนแรงยังคงทำลายล้างผู้คนและประเทศชาติทั้งประเทศ” ชุมชนคริสตชนจึงได้รับการเตือนให้ “อุทิศตนเพื่อรับใช้มนุษยชาติ”

พระองค์ทรงเชิญสมาชิกสภาสังคายนาทั้งหมดไปเยี่ยมมหาวิหารเซนต์แมรี่เมเจอร์ในวันที่ 6 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันก่อนวันครบรอบ โดยพระองค์ตรัสว่าพระองค์จะ “ทูลขอจากใจจริงถึงพระแม่มารี” เพื่อขอสันติภาพ

 พระสันตปาปาทรงกระตุ้นว่า “ให้เราเดินไปด้วยกัน ขอให้เราฟังเสียงของพระเจ้า และขอให้เราได้รับการทรงนำโดยสายลมแห่งพระจิต”

วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2567

คุณธรรมความอดทน


หากคุณรู้สึกหงุดหงิดที่พระเจ้าดูเหมือนจะไม่ตอบคำอธิษฐานของคุณ คุณไม่ควรยอมแพ้แต่จงอดทนรอคอย

 คุณธรรมแห่งความอดทนเป็นสิ่งที่พวกเราหลายคนขาดไป โดยเฉพาะในบางช่วงของชีวิต คุณอาจมีช่วงเวลาที่คุณหงุดหงิดกับลูกๆของคุณเมื่อคุณรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยหรือไม่สบาย

ขอให้ดูความอดทนของนักบุญเป็นตัวอย่าง

 ในพันธสัญญาเดิม  

 โจเซฟต้องรอนานถึง 13 ปีกว่าจะได้รับอิสรภาพและได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองอียิปต์

อับราฮัมต้องรอถึง 25 ปีเต็มเพื่อจะได้อิสอัค ถือกำเนิดเป็นลูกชายของเขา ซึ่งในเวลานั้นเขาอายุได้ 100 ปี  

ส่วนโมเสส... การรอคอยในทะเลทรายนานถึง 40 ปีก่อนที่จะนำชาวอิสราเอลออกจากอียิปต์ไปสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา  ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความอดทนอย่างน่าเหลือเชื่อ

ในพันธสัญญาใหม่  

เอลิซาเบธ มารดาของยอห์นผู้ทำพิธีล้างด้วยน้ำ ซึ่งเธอถูกกล่าวขานว่าเป็นหมันและต้องรอจนแก่เฒ่าจึงจะได้รับพรให้กำเนิดยอห์น  

สุดท้าย ลองนึกถึงพระเยซู พระองค์ทรงรออย่างน่าประทับใจถึง 30 ปีก่อนที่จะเริ่มงานประกาศข่าวดีต่อสาธารณชน นั่นคือ จนกว่าจะถึงเวลาที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงกำหนดไว้ 

นักบุญโมนิกาต้องใช้เวลาถึง 18 ปีในการสวดภาวนาวอนขอให้ลูกชายของเธอ,ออกัสติน,กลับใจ 

ดังนั้น หากคุณวางใจในพระเจ้าก็จงมีความอดทน โปรดจำบุรุษและสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่มาก่อนคุณ ซึ่งไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาและความอดทนอย่างยิ่งใหญ่ต่อพระประสงค์ของพระเจ้าเท่านั้น แต่ยังต้องขอบคุณเวลานั้นด้วย พวกเขาจึงได้รับหรือทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้