Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2025 ผู้ที่จะเป็นศิษย์พระคริตส์
ประชาชนจำนวนมากกำลังเดินไปกับพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงหันพระพักตร์มาตรัสกับเขาทั้งหลายว่า ‘ถ้าผู้ใดติดตามเราโดยไม่รักเรามากกว่าบิดามารดา ภรรยา บุตร พี่น้องชายหญิง และแม้กระทั่งชีวิตของตนเอง ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้ ผู้ใดไม่แบกกางเขนของตนและติดตามเรา ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้เช่นเดียวกัน’
(ลูกา 14:25-33)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2025 ผู้ที่จะเป็นศิษย์พระคริตส์
ประชาชนจำนวนมากกำลังเดินไปกับพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงหันพระพักตร์มาตรัสกับเขาทั้งหลายว่า ‘ถ้าผู้ใดติดตามเราโดยไม่รักเรามากกว่าบิดามารดา ภรรยา บุตร พี่น้องชายหญิง และแม้กระทั่งชีวิตของตนเอง ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้ ผู้ใดไม่แบกกางเขนของตนและติดตามเรา ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้เช่นเดียวกัน’
(ลูกา 14:25-33)
วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568
วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568
นักบุญชื่นชมยินดีในความทุกข์
เวลานี้คุณเห็นแล้วว่า ทำไมบรรดานักบุญจึงชื่นชมยินดีในการถูกดูหมิ่นและได้รับการเบียดเบียน เป็นเพราะความทุกข์เหล่านี้เป็นของถวายที่พวกเขาจะมอบให้แก่พระเยซูเจ้าเมื่อพวกเขาสวดภาวนาถึงพระองค์ แล้วตัวฉันซึ่งเป็นสิ่งสร้างที่น่าสงสารได้ทำอะไรบ้าง ฉันให้อภัยแก่ผู้อื่นเพียงเล็กน้อยและสิ่งที่ต้องได้รับการอภัยสำหรับตัวเองนั้นมีมากมาย?
- นักบุญเทเรซา แห่ง อาวิลา
วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568
ความรักและความถ่อมตน
ข้าพเจ้าขอพูดเช่นเดิมว่า ถ้าการอดอาหารของท่านปราศจากความถ่อมตน มันก็ไม่มีค่าอะไรและไม่ทำให้พระเจ้าทรงพอพระทัย....บัดนี้,ตามคำสอนของอัครสาวก ทุกสิ่งที่กระทำโดยปราศจากความรัก ก็ไม่เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า ดังนั้นข้าพเจ้าก็จะพูดในทำนองเดียวกันกับนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ นั่นคือ ถ้าการอดอาหารของท่านปราศจากความถ่อมตน การอดอาหารของท่านก็ไม่มีคุณค่าอะไร เพราะถ้าท่านไม่มีความถ่อมตน,ท่านก็ไม่มีความรักและถ้าท่านไม่มีความรัก,ท่านก็ปราศจากความถ่อมตนด้วยเช่นกัน
มันเกือบเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในการที่จะมีความรักโดยปราศจากการถ่อมตน และการมีความถ่อมตนโดยปราศจากความรัก คุณธรรมทั้งสองประการนี้มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน คุณธรรมหนึ่งไม่สามารถมีอยู่ได้โดยปราศจากอีกคุณธรรมหนึ่ง
- นักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์ (1567-1622)นักปราชญ์แห่งพระศาสนจักร
วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568
วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568
เมลคีเซเดคคือใคร?
ในภาษาฮีบรู คำว่ากษัตริย์คือ מלך (อ่านว่า Melch เมลเลค)
และคำว่า ความชอบธรรม ในภาษาฮีบรู คือ צדיק, (Tzedek ซิเดค)
คำว่า เมลคีเซเดค(Melchizedek) จึงแปลว่า กษัตริย์แห่งความชอบธรรม
เมลคีเซเดค(Melchizedek) เป็นกษัตริย์ของเมืองซาเลม(Salem) ซาเลม มีที่มาจากคำว่า Shalom ซึ่งแปลว่า สันติภาพ(Peace) คำเหล่านี้ให้วิสัยทัศน์บางอย่างแก่เรา
กษัตริย์เมลคีเซเดคแห่งเมืองซาเลม เป็นกษัตริย์แห่งความชอบธรรมและกษัตริย์แห่งสันติภาพด้วย (ฮีบรู 7:2). นอกจากนี้พระคัมภีร์ยังบอกว่า กษัตริย์เมลคีเซเดคเป็นสมณะสูงสุดของพระเจ้าอีกด้วย
ในหนังสือปฐมกาล สมัยนั้นยังไม่ได้เริ่มต้นมีสมณะเลย แต่พระคัมภีร์ได้พูดถึงเมลคีเซเดคซึ่งเป็นกษัตริย์และเป็นสมณะของพระเจ้าแล้ว
เมื่ออับราฮัมรบชนะข้าศึก, เมลคีเซเดคได้ออกมาพบอับราฮัมและนำขนมปังและเหล้าองุ่นมาให้ ทั้งอวยพรอับราฮัมในพระนามของพระเจ้าสูงสุด
การถวายขนมปังและเหล้าองุ่นของเมลคีเซเดคจึงเป็นรูปแบบของพระเมสสิยาห์,พระเยซูคริสต์ (ฮีบรู 6:20; ฮีบรู 7:2).และเป็นเครื่องหมายของพิธีกรรมในพิธีมิสซา
วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568
ทำไมพระเยซูจึงทรงเขียนบนพื้นด้วยนิ้วของพระองค์
ใน ยอห์นบทที่ 8 เล่าว่า เมื่อบรรดาฟาริสีพาหญิงที่ถูกจับได้ว่าทำผิดประเวณีมาให้พระเยซูตัดสิน โดยพวกเขาบอกว่า”ในธรรมบัญญัติ โมเสสสั่งเราให้ทุ่มหินหญิงประเภทนี้จนตาย ส่วนท่านจะว่าอย่างไร” แต่พระเยซูเจ้าทรงก้มลง เอานิ้วพระหัตถ์ขีดเขียนที่พื้นดิน ทำไมพระเยซูจึงทรงทำเช่นนั้น?
อพยพ 31:18 กล่าวว่า “เมื่อพระยาห์เวห์ตรัสแก่โมเสสบนภูเขาซีนายแล้ว พระองค์ประทานแผ่นศิลาจารึกสองแผ่นให้เขา เป็นแผ่นศิลาที่ทรงจารึกด้วยพระหัตถ์ของพระองค์”
พระเยซูทรงเอานิ้วพระหัตถ์ขีดเขียนที่พื้น เท่ากับพระเยซูทรงปรารถนาที่จะบอกกับเราว่า พระองค์คือพระเจ้า,พระยาห์เวห์,ผู้ทรงจารึกพระบัญญัติด้วยนิ้วพระหัตถ์บนศิลาและประทานศิลาสองแผ่นแก่โมเสส
และเป็นไปได้ว่าบนพื้นนั้นพระเยซูทรงเขียนพระบัญญัติหนึ่งในสิบประการ ซึ่งคงจะเป็นพระบัญญัติประการที่ 5 นั่นคือ "อย่าฆ่าคน" เพราะฟาริสีต้องการให้พระองค์ทำตามกฎในเลวีนิติที่สั่งให้ลงโทษผู้ทำผิดประเวณีด้วยการเอาก้อนหินทุ่มให้ตาย แต่พระเยซูทรงล่วงรู้ถึงความคิดของพวกเขา ถึงแม้ว่าในพระบัญญัติข้อที่ 6 บอกว่า "อย่าทำผิดประเวณี" แต่พระบัญญัติข้อที่ 5 มาก่อนบัญญัติข้อที่ 6 และในบัญญัติข้อที่ 6 ก็ไม่ได้สั่งให้ลงโทษผู้กระทำผิดแต่อย่างใด พระบัญญัติของพระเจ้าย่อมใหญ่กว่ากฏเกณฑ์ของมนุษย์
พวกฟาริสีคิดแต่จะจับผิดพระเยซูเจ้าจนลืมและมองข้ามพระบัญญัติประการที่ 5 ที่สั่งว่า อย่าฆ่าคนและนำเอากฏเกณฑ์ที่พวกเขาสร้างขึ้นเองมาใช้อย่างไร้ความเมตตา พระเยซูจึงทรงเขียนพระบัญญัติข้อที่ 5 เพื่อย้ำเตือนพวกเขา
ยอห์น 8:7-11 เล่าต่อไปว่า "เมื่อคนเหล่านั้นยังทูลถามย้ำอยู่อีก พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสว่า “ท่านผู้ใดไม่มีบาป จงเอาหินทุ่มนางเป็นคนแรกเถิด” แล้วทรงก้มลงขีดเขียนบนพื้นดินต่อไป เมื่อคนเหล่านั้นได้ฟังดังนี้ ก็ค่อย ๆ ทยอยออกไปทีละคน เริ่มจากคนอาวุโส จนเหลือแต่พระเยซูเจ้าตามลำพังกับหญิงคนนั้น ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิม พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสกับนางว่า “นางเอ๋ย พวกนั้นไปไหนหมด ไม่มีใครลงโทษท่านเลยหรือ” หญิงคนนั้นทูลตอบว่า “ไม่มีใครเลย พระเจ้าข้า” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราก็ไม่ลงโทษท่านด้วย ไปเถิด และตั้งแต่นี้ไป อย่าทำบาปอีก”
พระเมตตาของพระเยซูเจ้ายิ่งใหญ่กว่าบาปใดๆทั้งสิ้น
วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)