พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม 2025 โปรดเพิ่มพูนความเชื่อแก่เราด้วยเถิด

          บรรดาอัครสาวกทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ‘โปรดเพิ่มความเชื่อให้พวกเราเถิด’ องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสว่า ‘ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด และพูดกับต้นหม่อนต้นนี้ว่า “จงถอนรากแล้วไปขึ้นอยู่ในทะเลเถิด” ต้นหม่อนต้นนั้นก็จะเชื่อฟังท่าน
          ‘ท่านผู้ใดที่มีคนรับใช้ออกไปไถนา หรือไปเลี้ยงแกะ เมื่อคนรับใช้กลับจากทุ่งนา ผู้นั้นจะพูดกับคนรับใช้หรือว่า “เร็วเข้า มานั่งโต๊ะเถิด” แต่จะพูดมิใช่หรือว่า “จงเตรียมอาหารมาให้ฉันเถิด จงคาดสะเอว คอยรับใช้ฉันขณะที่ฉันกินและดื่ม หลังจากนั้นเจ้าจึงกินและดื่ม” นายย่อมไม่ขอบใจผู้รับใช้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งมิใช่หรือ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เมื่อท่านได้ทำตามคำสั่งทุกประการแล้ว จงพูดว่า “ฉันเป็นผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์ เพราะฉันทำตามหน้าที่ที่ต้องทำเท่านั้น”’
(ลูกา 17:5-10)








วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2568

เกิดอะไรขึ้นหลังจากสารภาพบาป


นักบุญมาร์กาเร็ต มารี อลาก็อก เป็นแม่ชีชาวฝรั่งเศสที่มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 17 เธอเป็นที่รู้จักจากการที่ได้เห็นพระเยซูประจักษ์แก่เธอ ซึ่งนำไปสู่ความศรัทธาต่อดวงพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ประสบการณ์และการเปิดเผยของเธอเน้นย้ำถึงความรักและพระเมตตาของพระเยซูเจ้า

ในการพบกับพระเยซูเจ้านี้, นำเธอให้แสวงหาคำแนะนำฝ่ายวิญญาณ นักบุญมาร์กาเร็ต มารีได้เข้าพบคุณพ่อโคลด ลา โกลอมบิแยร์(Claude La Colombière) ซึ่งเป็นพระสงฆ์เยซูอิต เพื่อขอให้ท่านเป็นผู้แนะนำฝ่ายจิตของเธอ ระหว่างการสนทนา, คุณพ่อโคลดแสดงความสงสัยเกี่ยวกับนิมิตของเธอ และขอให้เธอหาหลักฐานจากพระเยซู ท่านสั่งให้เธอถามพระเยซูว่าบาปหนักครั้งสุดท้ายที่ท่านได้สารภาพไปในการสารภาพบาปคือบาปอะไร จุดประสงค์ก็เพื่อทดสอบความแท้จริงของคำกล่าวอ้างของเธอ  มากาเร็ตได้ทำตามคำขอของคุณพ่อโคลอมปีแยร์  เธอถามพระเยซูเจ้าในการประจักษ์ครั้งต่อไป และพระเยซูเจ้าทรงตอบเธอว่า "เราจำไม่ได้"


เรื่องราวนี้เป็นเครื่องเตือนใจที่ทรงพลังถึงพระเมตตาของพระเยซูเจ้าในศีลอภัยบาป แสดงให้เห็นว่าเมื่อบาปได้รับการสารภาพแล้ว พระเยซูเจ้าจะทรงอภัยและลืมบาปนั้นไป ตอกย้ำความเชื่อที่ว่าไม่มีใครอยู่เหนือความรักและพระเมตตาของพระองค์😊🙏🩵

วันจันทร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2568

วันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2568

พระนางมารีย์ทรงเป็นแม่ของเราทุกคน


พระนางมารีย์ทรงเป็นแม่ของเรานั้นเป็นอย่างไร? ลองพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นกับซิสเตอร์เดนิส หนึ่งในซิสเตอร์ในชุมชนของฉัน เธอเล่าให้ฉันฟังว่า:

“เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม่ของฉันเสียชีวิตกะทันหัน นับเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับฉัน เพราะเราสนิทกันมาก และไม่มีเวลาที่จะกล่าวคำอำลาเลย ในวันต่อมา ฉันรู้สึกไม่เพียงแต่โศกเศร้าอย่างสุดซึ้งเท่านั้น แต่ยังรู้สึกว่างเปล่าอีกด้วย แม่ของฉันจากไปแล้ว และฉันรู้สึกโดดเดี่ยวมาก วันหนึ่ง ขณะที่ฉันกำลังช่วยทำความสะอาดอพาร์ตเมนต์ของแม่ ฉันพบสายประคำของแม่ซุกไว้ในกระเป๋าข้างของเก้าอี้ปรับเอน ในคืนนั้น ขณะที่ฉันสวดสายประคำ ฉันถือสายประคำของแม่ไว้ในมือ ทันใดนั้น ฉันก็รู้สึกถึงการประทับอยู่ของพระแม่มารีย์อย่างแรงกล้า และรู้สึกเหมือนเป็นเด็กที่ถูกอุ้มอยู่ในอ้อมแขนของแม่ และที่นั่น เมื่อพระแม่มารีย์ทรงโอบกอดฉัน ฉันรู้สึกถึงพระแม่มารีย์ สิ่งนี้ทำให้ฉันน้ำตาซึม จิตใจสงบ และหัวใจสบายขึ้น ราวกับว่าพระแม่มารีย์กำลังบอกฉันว่าพระแม่อยู่กับฉัน และแม่ของฉันก็ยังอยู่กับฉันด้วย ทุกครั้งที่สวดสายประคำ ฉันจะนึกถึงช่วงเวลานั้น และจำได้ว่าพระแม่มารีย์ทรงอยู่ใกล้ฉันมาก และแม่ของฉันก็อยู่ใกล้ฉันเช่นกัน สายประคำทำให้ฉันเข้มแข็งและกล้าหาญ และเตือนฉันทุกวันว่าพระแม่มารีย์จะไม่มีวันทิ้งฉัน และแม่ของฉันก็เช่นกัน”

วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2568

นักบุญนีโน


ความเชื่อของเธอนำไปสู่การเปลี่ยนศาสนาของทั้งประเทศ และทำให้คริสต์ศาสนาฝังรากลึกอยู่ในสังคมจอร์เจีย
>>>อ่านต่อ






วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2568

ความผิดพลาดที่ยิงใหญ้่ที่สุด


“ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราก็คือการที่เราคิดจะรับใช้พระเจ้าตามวิธีของเราเอง,ไม่ใช่ตามวิธีของพระองค์ ตามความต้องการของเรา,ไม่ใช่ตามพระประสงค์ของพระองค์”

- นักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์