พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม 2025 จงเข้าทางประตูที่แคบ

          พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านเมืองและหมู่บ้าน ทรงสั่งสอนประชาชนและทรงเดินทางมุ่งไปกรุงเยรูซาเล็ม คนคนหนึ่งทูลถามพระองค์ว่า ‘พระเจ้าข้า มีคนน้อยคนใช่ไหมที่รอดพ้นได้’ พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า ‘จงพยายามเข้าทางประตูแคบ เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่าหลายคนพยายามจะเข้าไป แต่จะเข้าไม่ได้ ‘เมื่อเจ้าของบ้านจะลุกขึ้นเพื่อปิดประตู ท่านจะยืนอยู่ข้างนอก เคาะประตูพูดว่า “พระเจ้าข้า เปิดประตูให้พวกเราด้วย” แต่เขาจะตอบว่า “เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใด” แล้วท่านก็จะพูดว่า “พวกเราได้กินได้ดื่มอยู่กับท่าน ท่านได้สอนในลานสาธารณะของเรา” แต่เจ้าของบ้านจะตอบว่า “เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใดไปให้พ้นจากเราเถิด เจ้าทั้งหลายที่กระทำการชั่วช้า”
(ลูกา 13:22-30)








วันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

ทางสายน้อยของนักบุญเทเรซา


“ถึงแม้ว่าฉันจะเล็กน้อยยิ่งนัก แต่ฉันก็ปรารถนาที่จะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ให้ได้ ... ดังนั้น ฉันจึงต้องอดทนต่อความไม่สมบูรณ์ทั้งหมดของฉันที่ฉันเป็นอยู่ แต่ฉันอยากแสวงหาหนทางที่จะไปสวรรค์ด้วยวิธีเล็กๆ น้อยๆ วิธีที่ตรงมาก สั้นมาก และรูปแบบใหม่”

“เราจะเป็นนักบุญเพียงครึ่งเดียวไม่ได้ เราต้องเป็นนักบุญอย่างสมบูรณ์ หรือไม่ก็ไม่เป็นนักบุญเลย"

“พระเจ้าของเรามิได้ทรงมองที่ความยิ่งใหญ่ของการกระทำของเรา หรือแม้แต่ความยากลำบากของการกระทำของเรา แต่ทรงมองที่ความรักที่เรามีต่อการกระทำเหล่านั้น” เหล่านี้คือทางสายน้อยของนักบุญเทเรซาแห่งลีซีเออร์

นี่คือทางสายน้อยของนักบุญเทเรซาแห่งลีซีเออร์

โดยการทำสิ่งเล็กน้อยและกระทำด้วยความรักเพื่อผู้อื่น ด้วยวิธีนี้,เทเรซาทำสิ่งเล็กน้อยเป็นจำนวนมากในหนึ่งวัน ซึ่งเมื่อนำมารวมกันก็กลายเป็นสิ่งที่ใหญ่ได้เหมือนกัน

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

ประธานสถาบันยอห์น ปอลที่ 2


ความเคลื่อนไหวสำคัญอีกอย่างหนึ่งของพระสันตปาปาเลโอที่ 14 คือการปลดอาร์ชบิชอปปาเกลีย(Archbishop Vincenzo Paglia)ออกจากตำแหน่งประธานสถาบันยอห์น ปอลที่ 2

พระสันตปาปาเลโอที่ 14 ทรงปลดอาร์ชบิชอปวินเซนโซ ปาเกลียออกจากตำแหน่งประธานสถาบันยอห์น ปอลที่ 2 เพื่อการสมรสและครอบครัว และทรงแต่งตั้งพระคาร์ดินัล บัลดาสซาเร เรนา(Cardinal Baldassare Reina)ดำรงตำแหน่งแทน การดำรงตำแหน่งของ Paglia เต็มไปด้วยความขัดแย้ง รวมทั้งคำแถลงต่อสาธารณชนเกี่ยวกับ bioethics (จริยธรรมชีวภาพ)และปัญหา LGBTQ+ ซึ่งจุดชนวนให้เกิดความผิดหวังในหมู่ผู้ยึดมั่นในหลักอนุรักษ์นิยมคาทอลิก

สถาบันซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ “สถาบันยอห์น ปอลที่ 2” นี้,อาร์ชบิชอปวินเซนโซ ปาเกลีย ดำรงตำแหน่ง Grand Chancellor ตั้งแต่ปี 2016 ปาเกลีย ซึ่งมีอายุครบ 80 ปีเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน มีบทบาทโดดเด่นในสมัยของพระสันตะปาปาฟรังซิส และเป็นบุคคลสำคัญในการนำการเปลี่ยนแปลงมาใช้กับสถาบันพระสันตปาปาทั้งสองแห่งตามคำสั่งของพระสันตปาปาฟรังซิส

การบ่อนทำลายสถาบันยอห์น ปอลที่ 2 เริ่มต้นอย่างจริงจังในปี 2019 ด้วยการปลดประธาน Monsignor Livio Melina และสั่งพักงานศาสตราจารย์ทั้งหมดทันที ต่อมามีการคัดเลือกเจ้าหน้าที่ที่สนับสนุนจุดยืนทางศีลธรรมที่ตรงข้ามกับจุดยืนเดิมของสถาบันที่เคยปกป้องมาก่อน เช่น การไม่สนับสนุนการรักร่วมเพศและการคุมกำเนิด

ตัว Paglia เองก็กลายเป็นที่ถกเถียงกันมากขึ้นเนื่องจากความคิดเห็นของเขาเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและครอบครัว เขาปกป้องการฆ่าตัวตายโดยมีผู้ช่วยเหลือ สนับสนุนการคุมกำเนิด และโจมตีชาวคาทอลิกที่คัดค้านทางศีลธรรมต่อการฉีด abortion-tainted COVID-19

การแต่งตั้งพระคาร์ดินัล Reina ได้รับการต้อนรับจากกลุ่ม pro-life พระคาร์ดินัล Reina ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นพระคาร์ดินัลในเดือนธันวาคม 2024 เป็นผู้แทนพระสันตปาปาประจำสังฆมณฑลแห่งโรม เชื่อกันว่าประวัติของเขาในประเด็นต่อต้านการทำแท้งนั้นค่อนข้างเคร่งครัดมากกว่าผู้ที่เขากำลังเข้ามาแทนที่

วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

นายชุมพาบาลที่ดี


ก่อนที่จะมาเป็นพระสันตปาปาเลโอที่ 14 พระองค์ได้ทำสิ่งดีดีสามสิ่งที่ไม่อาจลืมได้

1. ขณะที่เป็นพระสังฆราช,พระองค์ได้ขายบ้านพักพระสังฆราชของพระองค์ในชิคาโก เพื่อนำเงินไปสร้างที่พักให้แก่ผู้ลี้ภัยหลังจากสงครามอิรัก พระองค์ได้รับเงินจากการขายจำนวน 1.8 ล้านดอลลาร์และนำไปช่วยเหลือบรรดาผู้ลี้ภัย เงินจำนวนนี้ได้สร้างที่พักมากกว่า 120 หลังในจอร์แดนและเลบานอน พระองค์บอกว่าหลังคาโบสถ์ควรอยู่สูงกว่าที่พักของผู้ลี้ภัย

2. พระองค์ไปเยี่ยมนักโทษและช่วยเหลือเยาวชนที่ต้องขังให้ได้ไปโรงเรียน ตั้งแต่ปี 2012 พระองค์ได้ไปเยี่ยมเรือนจำทุกวันคริสต์มาส นำของขวัญและใช้เวลากับผู้ต้องขัง พระองค์ได้ริเริ่มกองทุนที่เรียกว่า HOPE TUITION ได้ให้ทุนการศึกษาแก่เยาวชนมากกว่า 200 คนในแต่ละปี เงินบริจาคทั้งหมดมีมากกว่า 500,000 ดอลลาร์

3. พระองค์บริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างลับๆและช่วยชีวิตของคนจำนวนมาก เมื่อโรคระบาดโควิดเริ่มขึ้นในปี 2020 โรงพยาบาลในลาตินอเมริกาต้องรับคนไข้จำนวนมากมาย พระองค์ได้ให้เครื่องมือช่วยหายใจจำนวนมากกว่า 300 เครื่องอย่างลับๆซึ่งมีมูลค่าถึง 2.7 ล้านดอลลาร์ เครื่องมือเหล่านี้ไปที่โรงพยาบาลในเปรู เอกวาดอร์ และโบลีเวีย

ไม่มีใครรู้เรื่องราวเหล่านี้จนกระทั่งพระองค์ได้เป็นพระสันตะปาปาแล้วจึงได้มีการเปิดเผย บรรดาผู้นำต่างเรียกพระองค์ว่า “Visible Angel in White” (ทูตสวรรค์ที่มองเห็นได้ในชุดขาว)

พระคาร์ดินัลซาราห์


พระสันตปาปาเลโอที่ 14 ทรงแต่งตั้งพระคาร์ดินัลโรเบิร์ต ซาราห์เป็นทูตพิเศษของพระสันตปาปา บทบาทนี้ถือเป็นบทบาทใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในพระศาสนจักร โดยเกี่ยวข้องกับการเป็นตัวแทนของพระสันตปาปาในภารกิจทางการทูตหรือภารกิจของพระศาสนจักรโดยเฉพาะ ซึ่งมักจะอยู่ในพื้นที่ที่ประสบความขัดแย้งหรือต้องมีการไกล่เกลี่ยที่ละเอียดอ่อน พระคาร์ดินัลซาราห์ซึ่งเป็นที่รู้จักจากมุมมองทางเทววิทยาแบบอนุรักษ์นิยมและเคยดำรงตำแหน่งเป็นปนะธานคณะสงฆ์เพื่อการนมัสการพระเจ้าและวินัยของศีลศักดิ์สิทธิ์ ท่านนำประสบการณ์อันสำคัญยิ่งมาสู่ตำแหน่งนี้

การแต่งตั้งครั้งนี้มีความน่าสนใจเป็นพิเศษเมื่อพิจารณาจากการวิจารณ์ในอดีตของพระคาร์ดินัลซาราห์เกี่ยวกับแนวทางบางประการของพระศาสนจักรภายใต้การนำของพระสันตปาปาฟรังซิส ซึ่งทำให้ท่านต้องถูกละเลย การที่พระสันตปาปาเลโอที่ 14 ทรงมอบหมายตำแหน่งนี้ให้ท่าน อาจเป็นสัญญาณของความมุ่งมั่นในการรวมเอาทุกคนเข้าไว้ด้วยกันและความสามัคคีภายในพระศาสนจักร โดยมุ่งหวังที่จะเชื่อมช่องว่างระหว่างมุมมองทางเทววิทยาที่แตกต่างกัน

พระคาร์ดินัลซาราห์จะรายงานโดยตรงต่อพระสันตปาปาเลโอ ไม่ใช่ต่อเลขาธิการแห่งรัฐ พันธกิจเฉพาะของท่านมุ่งไปที่โลกตอนใต้ที่ซึ่งพระศาสนจักรคาธอลิกกำลังเติบโต

วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

แบร์นาแด็ตกับตำรวจ


ตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงการดลใจของพระจิตภายในจิตใจและความช่วยเหลือจากพระแม่มารีย์ต่อแบร์นาแด็ต ก็คือสิ่งนี้...

แบร์นาแด็ต,เด็กหญิงอายุ 14 ปี ผู้ไม่รู้หนังสือและหวาดกลัว,ถูกตำรวจซักไซ้ หลอกล่อ และข่มเหง (โดยไม่มีพ่อแม่หรือสมาชิกในครอบครัวอยู่ด้วย) แบร์นาเด็ตอยู่เพียงคนเดียว แต่คำตอบของเธอเป็นไปอย่างใจเย็น ได้ใจความ และมีประสิทธิผล

ผู้บัญชาการตำรวจจาโคเมต์(Jacomet): “เราไม่เชื่อคำพูดของเธอแม้แต่คำเดียว”

แบร์นาเด็ต: “ดิฉันต้องรับผิดชอบในคำพูดที่บอกท่านในสิ่งที่ดิฉันเห็นและได้ยิน แต่ดิฉันไม่รับผิดชอบในการทำให้ท่านเชื่อ”