พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน 2025 เทศกาลเตรียมรับเสด็จ

          “สมัยของโนอาห์เป็นเช่นไร เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นเช่นนั้น ในสมัยก่อนน้ำวินาศนั้น ผู้คนกิน ดื่ม แต่งงานกันจนถึงวันที่โนอาห์เข้าไปในเรือ ไม่มีใครนึกระแวงว่าอะไรจะเกิดขึ้นจนกระทั่งน้ำวินาศมากวาดพวกเขาไปหมดสิ้น เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นเช่นนั้นด้วย เวลานั้น คนสองคนอยู่ในทุ่งนา คนหนึ่งจะถูกรับไป อีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้ หญิงสองคนที่กำลังโม่แป้งอยู่ คนหนึ่งจะถูกรับไป อีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้ “จงตื่นเฝ้าระวังเถิด เพราะท่านไม่รู้ว่านายของท่านจะมาเมื่อไร พึงรู้ไว้เถิด ถ้าเจ้าบ้านรู้ว่าขโมยจะมาในยามใด เขาคงจะตื่นเฝ้าไม่ปล่อยให้ขโมยงัดแงะบ้านของตนได้ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน จงเตรียมพร้อมไว้ เพราะว่าบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย
(มัทธิว.24:37-44)








วันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

ทางสายน้อยของนักบุญเทเรซา


“ถึงแม้ว่าฉันจะเล็กน้อยยิ่งนัก แต่ฉันก็ปรารถนาที่จะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ให้ได้ ... ดังนั้น ฉันจึงต้องอดทนต่อความไม่สมบูรณ์ทั้งหมดของฉันที่ฉันเป็นอยู่ แต่ฉันอยากแสวงหาหนทางที่จะไปสวรรค์ด้วยวิธีเล็กๆ น้อยๆ วิธีที่ตรงมาก สั้นมาก และรูปแบบใหม่”

“เราจะเป็นนักบุญเพียงครึ่งเดียวไม่ได้ เราต้องเป็นนักบุญอย่างสมบูรณ์ หรือไม่ก็ไม่เป็นนักบุญเลย"

“พระเจ้าของเรามิได้ทรงมองที่ความยิ่งใหญ่ของการกระทำของเรา หรือแม้แต่ความยากลำบากของการกระทำของเรา แต่ทรงมองที่ความรักที่เรามีต่อการกระทำเหล่านั้น” เหล่านี้คือทางสายน้อยของนักบุญเทเรซาแห่งลีซีเออร์

นี่คือทางสายน้อยของนักบุญเทเรซาแห่งลีซีเออร์

โดยการทำสิ่งเล็กน้อยและกระทำด้วยความรักเพื่อผู้อื่น ด้วยวิธีนี้,เทเรซาทำสิ่งเล็กน้อยเป็นจำนวนมากในหนึ่งวัน ซึ่งเมื่อนำมารวมกันก็กลายเป็นสิ่งที่ใหญ่ได้เหมือนกัน

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

ประธานสถาบันยอห์น ปอลที่ 2


ความเคลื่อนไหวสำคัญอีกอย่างหนึ่งของพระสันตปาปาเลโอที่ 14 คือการปลดอาร์ชบิชอปปาเกลีย(Archbishop Vincenzo Paglia)ออกจากตำแหน่งประธานสถาบันยอห์น ปอลที่ 2

พระสันตปาปาเลโอที่ 14 ทรงปลดอาร์ชบิชอปวินเซนโซ ปาเกลียออกจากตำแหน่งประธานสถาบันยอห์น ปอลที่ 2 เพื่อการสมรสและครอบครัว และทรงแต่งตั้งพระคาร์ดินัล บัลดาสซาเร เรนา(Cardinal Baldassare Reina)ดำรงตำแหน่งแทน การดำรงตำแหน่งของ Paglia เต็มไปด้วยความขัดแย้ง รวมทั้งคำแถลงต่อสาธารณชนเกี่ยวกับ bioethics (จริยธรรมชีวภาพ)และปัญหา LGBTQ+ ซึ่งจุดชนวนให้เกิดความผิดหวังในหมู่ผู้ยึดมั่นในหลักอนุรักษ์นิยมคาทอลิก

สถาบันซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ “สถาบันยอห์น ปอลที่ 2” นี้,อาร์ชบิชอปวินเซนโซ ปาเกลีย ดำรงตำแหน่ง Grand Chancellor ตั้งแต่ปี 2016 ปาเกลีย ซึ่งมีอายุครบ 80 ปีเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน มีบทบาทโดดเด่นในสมัยของพระสันตะปาปาฟรังซิส และเป็นบุคคลสำคัญในการนำการเปลี่ยนแปลงมาใช้กับสถาบันพระสันตปาปาทั้งสองแห่งตามคำสั่งของพระสันตปาปาฟรังซิส

การบ่อนทำลายสถาบันยอห์น ปอลที่ 2 เริ่มต้นอย่างจริงจังในปี 2019 ด้วยการปลดประธาน Monsignor Livio Melina และสั่งพักงานศาสตราจารย์ทั้งหมดทันที ต่อมามีการคัดเลือกเจ้าหน้าที่ที่สนับสนุนจุดยืนทางศีลธรรมที่ตรงข้ามกับจุดยืนเดิมของสถาบันที่เคยปกป้องมาก่อน เช่น การไม่สนับสนุนการรักร่วมเพศและการคุมกำเนิด

ตัว Paglia เองก็กลายเป็นที่ถกเถียงกันมากขึ้นเนื่องจากความคิดเห็นของเขาเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและครอบครัว เขาปกป้องการฆ่าตัวตายโดยมีผู้ช่วยเหลือ สนับสนุนการคุมกำเนิด และโจมตีชาวคาทอลิกที่คัดค้านทางศีลธรรมต่อการฉีด abortion-tainted COVID-19

การแต่งตั้งพระคาร์ดินัล Reina ได้รับการต้อนรับจากกลุ่ม pro-life พระคาร์ดินัล Reina ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นพระคาร์ดินัลในเดือนธันวาคม 2024 เป็นผู้แทนพระสันตปาปาประจำสังฆมณฑลแห่งโรม เชื่อกันว่าประวัติของเขาในประเด็นต่อต้านการทำแท้งนั้นค่อนข้างเคร่งครัดมากกว่าผู้ที่เขากำลังเข้ามาแทนที่

วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

นายชุมพาบาลที่ดี


ก่อนที่จะมาเป็นพระสันตปาปาเลโอที่ 14 พระองค์ได้ทำสิ่งดีดีสามสิ่งที่ไม่อาจลืมได้

1. ขณะที่เป็นพระสังฆราช,พระองค์ได้ขายบ้านพักพระสังฆราชของพระองค์ในชิคาโก เพื่อนำเงินไปสร้างที่พักให้แก่ผู้ลี้ภัยหลังจากสงครามอิรัก พระองค์ได้รับเงินจากการขายจำนวน 1.8 ล้านดอลลาร์และนำไปช่วยเหลือบรรดาผู้ลี้ภัย เงินจำนวนนี้ได้สร้างที่พักมากกว่า 120 หลังในจอร์แดนและเลบานอน พระองค์บอกว่าหลังคาโบสถ์ควรอยู่สูงกว่าที่พักของผู้ลี้ภัย

2. พระองค์ไปเยี่ยมนักโทษและช่วยเหลือเยาวชนที่ต้องขังให้ได้ไปโรงเรียน ตั้งแต่ปี 2012 พระองค์ได้ไปเยี่ยมเรือนจำทุกวันคริสต์มาส นำของขวัญและใช้เวลากับผู้ต้องขัง พระองค์ได้ริเริ่มกองทุนที่เรียกว่า HOPE TUITION ได้ให้ทุนการศึกษาแก่เยาวชนมากกว่า 200 คนในแต่ละปี เงินบริจาคทั้งหมดมีมากกว่า 500,000 ดอลลาร์

3. พระองค์บริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างลับๆและช่วยชีวิตของคนจำนวนมาก เมื่อโรคระบาดโควิดเริ่มขึ้นในปี 2020 โรงพยาบาลในลาตินอเมริกาต้องรับคนไข้จำนวนมากมาย พระองค์ได้ให้เครื่องมือช่วยหายใจจำนวนมากกว่า 300 เครื่องอย่างลับๆซึ่งมีมูลค่าถึง 2.7 ล้านดอลลาร์ เครื่องมือเหล่านี้ไปที่โรงพยาบาลในเปรู เอกวาดอร์ และโบลีเวีย

ไม่มีใครรู้เรื่องราวเหล่านี้จนกระทั่งพระองค์ได้เป็นพระสันตะปาปาแล้วจึงได้มีการเปิดเผย บรรดาผู้นำต่างเรียกพระองค์ว่า “Visible Angel in White” (ทูตสวรรค์ที่มองเห็นได้ในชุดขาว)

พระคาร์ดินัลซาราห์


พระสันตปาปาเลโอที่ 14 ทรงแต่งตั้งพระคาร์ดินัลโรเบิร์ต ซาราห์เป็นทูตพิเศษของพระสันตปาปา บทบาทนี้ถือเป็นบทบาทใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในพระศาสนจักร โดยเกี่ยวข้องกับการเป็นตัวแทนของพระสันตปาปาในภารกิจทางการทูตหรือภารกิจของพระศาสนจักรโดยเฉพาะ ซึ่งมักจะอยู่ในพื้นที่ที่ประสบความขัดแย้งหรือต้องมีการไกล่เกลี่ยที่ละเอียดอ่อน พระคาร์ดินัลซาราห์ซึ่งเป็นที่รู้จักจากมุมมองทางเทววิทยาแบบอนุรักษ์นิยมและเคยดำรงตำแหน่งเป็นปนะธานคณะสงฆ์เพื่อการนมัสการพระเจ้าและวินัยของศีลศักดิ์สิทธิ์ ท่านนำประสบการณ์อันสำคัญยิ่งมาสู่ตำแหน่งนี้

การแต่งตั้งครั้งนี้มีความน่าสนใจเป็นพิเศษเมื่อพิจารณาจากการวิจารณ์ในอดีตของพระคาร์ดินัลซาราห์เกี่ยวกับแนวทางบางประการของพระศาสนจักรภายใต้การนำของพระสันตปาปาฟรังซิส ซึ่งทำให้ท่านต้องถูกละเลย การที่พระสันตปาปาเลโอที่ 14 ทรงมอบหมายตำแหน่งนี้ให้ท่าน อาจเป็นสัญญาณของความมุ่งมั่นในการรวมเอาทุกคนเข้าไว้ด้วยกันและความสามัคคีภายในพระศาสนจักร โดยมุ่งหวังที่จะเชื่อมช่องว่างระหว่างมุมมองทางเทววิทยาที่แตกต่างกัน

พระคาร์ดินัลซาราห์จะรายงานโดยตรงต่อพระสันตปาปาเลโอ ไม่ใช่ต่อเลขาธิการแห่งรัฐ พันธกิจเฉพาะของท่านมุ่งไปที่โลกตอนใต้ที่ซึ่งพระศาสนจักรคาธอลิกกำลังเติบโต

วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

แบร์นาแด็ตกับตำรวจ


ตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงการดลใจของพระจิตภายในจิตใจและความช่วยเหลือจากพระแม่มารีย์ต่อแบร์นาแด็ต ก็คือสิ่งนี้...

แบร์นาแด็ต,เด็กหญิงอายุ 14 ปี ผู้ไม่รู้หนังสือและหวาดกลัว,ถูกตำรวจซักไซ้ หลอกล่อ และข่มเหง (โดยไม่มีพ่อแม่หรือสมาชิกในครอบครัวอยู่ด้วย) แบร์นาเด็ตอยู่เพียงคนเดียว แต่คำตอบของเธอเป็นไปอย่างใจเย็น ได้ใจความ และมีประสิทธิผล

ผู้บัญชาการตำรวจจาโคเมต์(Jacomet): “เราไม่เชื่อคำพูดของเธอแม้แต่คำเดียว”

แบร์นาเด็ต: “ดิฉันต้องรับผิดชอบในคำพูดที่บอกท่านในสิ่งที่ดิฉันเห็นและได้ยิน แต่ดิฉันไม่รับผิดชอบในการทำให้ท่านเชื่อ”