พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม 2025 เทศกาลเตรียมรับเสด็จ อาทิตย์ที่ 3

          ขณะที่ยอห์นถูกจองจำอยู่ในคุก เขาได้ยินข่าวกิจการของพระเยซูเจ้า จึงใช้ศิษย์ไปทูลถามพระองค์ว่า “ท่านคือผู้ที่จะมาหรือเราจะต้องรอคอยใครอีก” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “จงไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่ท่านได้ยินและได้เห็น คนตาบอดกลับแลเห็น คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายจากโรค คนหูหนวกได้ยิน คนตายกลับคืนชีพ คนยากจนได้รับการประกาศข่าวดี ผู้ที่ไม่แคลงใจในเราย่อมเป็นสุข”
(มัทธิว.11:2-11)








วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2568

คุณธรรมของ น.ชาร์เบล


วันที่ 1 ธันวาคม พระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ทรงสวดภาวนา ณ สุสานของนักบุญชาร์เบล และทรงเชิญชวนให้ผู้คนเลียนแบบพระองค์ด้วยการสวดภาวนา ความเงียบ ความสุภาพถ่อมตน และความยากจน(prayer, silence, modesty, and poverty.)

นักบุญชาร์เบลไม่ได้เขียนอะไรเลย และใช้ชีวิตส่วนใหญ่อย่างสันโดษในอาศรมบนเนินเขาอันนายา ประเทศเลบานอน กระนั้น คำสอนของท่านก็ทรงเปี่ยมล้นและมีความหมายอย่างยิ่ง จนพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ทรงเน้นย้ำคำสอนเหล่านี้เมื่อทรงแสดงความเคารพ ณ สุสานของนักบุญในวันที่ 1 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่สองของการเดินทางเผยแผ่พระธรรมของพระองค์ไปยังเลบานอน และทรงเน้นย้ำอีกครั้งในเย็นวันนั้นเมื่อทรงสนทนากับเยาวชน

“พระจิตทรงปั้นท่านขึ้นเพื่อสอนผู้ที่ดำเนินชีวิตโดยปราศจากพระเจ้าให้รู้จัก 
การสวดภาวนา - เพื่อติดต่อกัยพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ 
การรักษาความเงียบ - ผู้ที่จมอยู่กับเสียงรบกวนให้รู้จักการนิ่งเงียบ 
ความสุภาพถ่อมตน - ผู้ที่ดำเนินชีวิตอย่างโอ้อวดให้รู้จักความถ่อมตน 
ความยากจน - และผู้ที่แสวงหาความร่ำรวยให้รู้จักความยากจน 
การปฏิบัติคุณธรรมเหล่านี้ล้วนขัดต่อวัฒนธรรม แต่นั่นคือเหตุผลที่ดึงดูดเรา เฉกเช่นน้ำจืดบริสุทธิ์ที่ดึงดูดผู้คนที่เดินอยู่ในทะเลทราย”

#CATHOLIC #NEWS

วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2568

คุณแม่คาบรินีกับเรือไททานิก


ภาพถ่ายของนักบุญฟรานเซส คาบรินี จากปี 1880 ซึ่งเป็นปีที่เธอก่อตั้งคณะของเธอ ปรากฏอยู่บนภาพวาดปี 1913 โดยแฮร์รี เจ. แจนเซน เรื่อง “เรือกลไฟไททานิค”

ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1912 คุณแม่ฟรานเซส คาบรินี อยู่ที่อิตาลีพร้อมกับพี่สาวน้องสาวของเธอ เธอวางแผนที่จะไปเยี่ยมคณะที่เธอก่อตั้งในฝรั่งเศส สเปน และอังกฤษ ก่อนที่จะล่องเรือกลับสหรัฐอเมริกาในช่วงกลางเดือนเมษายนเพื่อทำงานต่อในนิวยอร์กซิตี้ พี่สาวของเธอในอังกฤษต่างรอคอยการมาเยือนครั้งนี้จากผู้ก่อตั้งและคุณแม่อธิการวัย 62 ปีอย่างใจจดใจจ่อ เพื่อช่วยให้การเดินทางกลับสหรัฐอเมริกาของเธอสะดวกสบายยิ่งขึ้น พวกเขาจึงซื้อตั๋วให้เธอและจองตั๋วโดยสารเรือเดินสมุทรลำใหม่ RMS Titanic

คุณแม่คาบรินีเป็นนักเดินทางผู้กล้าหาญที่ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกถึง 24 แห่งเพื่อก่อตั้งอาราม, โรงพยาบาล, และสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทั่วสหรัฐ แต่เธอกลับไม่ชอบการเดินทางโดยเรือ เพราะเธอเกือบจะจมน้ำตายตอนที่ยังเป็นเด็ก

ขณะที่พี่น้องสตรีในอังกฤษกำลังรออยู่, คุณแม่คาบรินีได้รับข่าวว่าโรงพยาบาลโคลัมบัสที่เธอก่อตั้งขึ้นในนิวยอร์กกำลังประสบปัญหา โรงพยาบาลเต็มล้นและมีธุระเร่งด่วนที่ต้องจัดการเกี่ยวกับการขยายโรงพยาบาลใหม่ เธอรอไม่ไหว เธอต้องกลับไปหาเงินทุนที่จำเป็นอย่างยิ่งเพื่อดำเนินโครงการต่อไป เธอจึงเปลี่ยนแผนและออกเดินทางแต่เช้าโดยออกเดินทางจากเนเปิลส์ ทำให้พี่น้องสตรีในอังกฤษที่จองตั๋วโดยสารเรือไททานิกให้เธอต้องผิดหวัง แต่ทำให้คุณแม่คาบรินีมีชีวิตรอดจากการจมไปกับเรือไททานิก

# Faith 😊🙏🩵

วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568

การแพร่ธรรมของ น.ฟรังซิส เซเวียร์


แน่นอนว่าด้วยวัฒนธรรมและภาษาที่แตกต่างกันสุดขั้ว ภารกิจของนักบุญฟรังซิสจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงอย่างนั้นท่านก็พยายามอย่างหนัก มีการแปลคู่มือสอนศาสนาในรูปแบบปุจฉา-วิสัชนา เป็นภาษาทมิฬที่ชาวพื้นเมืองใช้สื่อสาร ท่านเดินทางจากหมู่บ้านหนึ่งไปหมู่บ้านหนึ่งเพื่อเผยแผ่ศาสนา จนช่วงเดือนท้ายๆ ของปี 1544 มีชาวพื้นเมืองเข้าพิธีศีลล้างบาปนับหมื่นคน...

นักบุญฟรังซิสยังมีบทบาทด้านศาสนาในหมู่เกาะมาเลย์ เช่นที่หมู่เกาะโมลุกกะ (หมู่เกาะเครื่องเทศ) ในอินโดนีเซีย รวมถึงที่มะละกา เมืองศูนย์กลางการค้าของมาเลเซีย ซึ่งช่วงที่อยู่มะละกา ท่านได้สนทนากับ อันจิโร (Anjirō) ชายชาวญี่ปุ่นที่สนใจศาสนาคริสต์อย่างลึกซึ้ง และเข้ารับศีลล้างบาปในเวลาต่อมา

นี่เองเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ นักบุญฟรังซิส เซเวียร์ ต้องการเผยแผ่ศาสนาในญี่ปุ่น

เรือโปรตุเกสนำนักบุญฟรังซิส อันจิโร และคณะ ไปถึงท่าเรือเมืองคาโกชิมา เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ปี 1549 ท่านได้เดินทางไปหลายเมืองเพื่อปฏิบัติภารกิจ รวมถึงไปที่เกียวโต เมืองหลวงของญี่ปุ่นตอนนั้น แต่จักรพรรดิปฏิเสธไม่ให้ท่านเข้าพบ อย่างไรก็ดี ตลอด 2 ปีกว่าที่พำนักในญี่ปุ่น ท่านสามารถเปลี่ยนชาวญี่ปุ่นให้เข้าพิธีรับศีลล้างบาปได้ถึงราว 2,000 คน

ต่อมา ความสนใจของนักบุญฟรังซิสขยับไปอยู่ที่จีน แต่ไม่มีโอกาสไปถึงจีนแผ่นดินใหญ่ เพราะจีนปิดประเทศ ประกอบกับท่านเริ่มป่วยไข้หนัก กระทั่งเสียชีวิตในวันที่ 3 ธันวาคม ปี 1552 บนเกาะช่างชวน (Shangchuan) มณฑลกวางตุ้ง

ส่วน “ศาสนาคริสต์” ในญี่ปุ่นก็มีผู้สนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ประมาณการว่าช่วงปลายศตวรรษที่ 16 มีผู้นับถือมากถึงราว 300,000 คน...

# SAINT 😊🙏🩵

วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568

แม่พระนำเราไปสู่สวรรค์


“บนโลก,เด็กๆไม่สามารถเกิดมาได้โดยปราศจากมารดา เป็นสตรีที่นำพวกเขามาสู่โลก และเช่นเดียวกันเป็นสตรีที่นำพวกเราไปสู่สวรรค์ และสตรีนั้นคือพระนางมารีย์” 
- นักบุญมารีย์แห่งพระเยซูผู้ถูกตรึกางเขน

พระสันตะปาปาเลโอที่ 13 กล่าวว่า “อาจเป็นการยืนยันว่าตามพระประสงค์ของพระเจ้า ไม่มีสิ่งใดมาถึงเราโดยไม่ผ่านมือของพระนางมารีย์ เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้พระบิดาผู้ทรงฤทธานุภาพได้นอกจากโดยทางพระบุตร ดังนั้นไม่มีใครสามารถเข้าใกล้พระคริสตเจ้าได้นอกจากผ่านทางพระมารดาของพระองค์” (สมณสาสน์ Octobri Mense).
ข้าแต่พระนางมารีย์ โดยเหตุที่องค์พระเยซูเจ้าปรารถนาที่จะมาหาพวกลูกผ่านทางพระนาง โปรดให้ลูกสามารถไปถึงพระองค์ผ่านทางพระนางด้วยเทอญ
# Saint 😊🙏🩵

วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2568

เยือนเลบานอนวันที่สอง


เมื่อวันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม 2025 พระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ทรงใช้เวลาสวดภาวนา ณ ที่ฝังศพของนักบุญชาร์เบล พระสงฆ์มาโรไนต์(Maronite)ในศตวรรษที่ 19 ซึ่งมีชื่อเสียง ณ อารามเซนต์มารูนในเมืองอันนายา ซึ่งเป็นวันที่สองของการเสด็จเยือนเลบานอนของพระสันตะปาปา

การเสด็จเยือนที่ฝังศพของนักบุญนี้ไม่เป็นแต่การแสดงออกถึงความรักความห่วงใยของพระสันตะปาปาที่มีต่อพระสงฆ์ชาวเลบานอนเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงความผูกพันของสำนักวาติกันกับชุมชนชาวมาโรไนต์ ซึ่งเป็นชุมชนคริสตชยที่ใหญ่ที่สุดในเลบานอนอีกด้วย

ในภาพนักบุญชาร์เบล ใบหน้าของท่านมีเคราสีขาวและผ้าคลุมศีรษะสีดำ ประดับประดาด้วยแสงแห่งความบริสุทธิ์ พระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ทรงตรัสไว้ในพระดำรัสที่ทรงมีต่อเยาวชนในตอนเย็นหลังการเสด็จเยือนว่า “ดวงตาของท่านนักบุญมักจะถูกวาดให้หลับตา ราวกับกำลังปกปิดความลึกลับอันยิ่งใหญ่ยิ่ง” และแท้จริงแล้ว นักบุญชาร์เบลมักจะถูกวาดให้หลับตาในสัญลักษณ์แบบดั้งเดิม ราวกับกำลังสวดมนต์อยู่

พระสันตะปาปาตรัสต่อไป “ผ่านดวงตาของนักบุญชาร์เบล ซึ่งถูกปิดลงเพื่อมองเห็นพระเจ้าได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เรายังคงมองเห็นแสงสว่างของพระเจ้าได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น บทเพลงที่อุทิศแด่ท่านนักบุญนั้นไพเราะยิ่งนัก: “โอ้ ท่านผู้หลับใหล และดวงตาของท่านเป็นแสงสว่างสำหรับเรา เมล็ดแห่งความหอมได้บานสะพรั่งบนเปลือกตาของท่าน”

#CATHOLIC #NEWS

วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2568

การสวดภาวนาของน.แคทเธอรีน ลาบูเร


นักบุญแคทเธอรีน ลาบูเร(St. Catherine Laboure) บรรยายชีวิตการสวดภาวนาของเธออย่างเรียบง่ายว่า

ทุกครั้งที่ฉันไปโบสถ์น้อย ฉันก็จะอยู่ต่อหน้าพระเยซูเจ้าผู้แสนดีของเรา และทูลพระองค์ว่า “ข้าแต่พระเยซูเจ้า ลูกอยู่ที่นี่ โปรดบอกลูกด้วยว่าพระองค์ต้องการให้ลูกทำอะไร หากพระองค์ทรงมอบหมายงานให้ ลูกก็พอใจและขอบพระคุณพระองค์ หากพระองค์ไม่มอบหมายงานให้ ลูกก็ยังคงขอบพระคุณพระองค์ เพราะลูกไม่สมควรได้รับสิ่งใดมากไปกว่านั้น”

แล้วฉันก็ทูลพระเยซูเจ้าทุกสิ่งที่อยู่ในใจ ฉันบอกพระองค์ถึงความทุกข์และความสุขของฉัน แล้วฉันก็ฟัง หากคุณฟัง พระเยซูเจ้าก็จะตรัสกับคุณเช่นกัน เพราะเมื่ออยู่กับพระเยซูเจ้าผู้แสนดี คุณต้องทั้งพูดและฟัง พระเยซูเจ้าจะตรัสกับคุณเสมอเมื่อคุณเข้าเฝ้าพระองค์อย่างตรงไปตรงมาและเรียบง่าย


#CATHOLIC #SAINT

วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2568

หตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์


ณ นีเซีย, ในปีที่ 1,700 เกิดเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์, การรวมตัวกันครั้งสำคัญแห่งคริสตจักรคาทอลิกและออร์โธดอกซ์ บรรดาผู้สืบทอดตำแหน่งบิชอปเหล่านั้น ซึ่งประกอบด้วยพระสันตะปาปาเลโอและพระสังฆราชบาร์โธโลมิว ได้ร่วมกันเปล่งเสียงภาวนาบทข้าพเจ้าเชื่อในพระเจ้า บทภาวนาแห่งความเชื่อของคริสตศาสนา

ในวันนี้ 28 พฤศจิกายน 2025 ครบรอบ 1,700 ปีแห่งสังคายนาอันยิ่งใหญ่ของคริสตจักรที่เมืองนิเซีย (Council of Nicaea) ผู้สืบทอดตำแหน่งของบรรดาบิชอปเหล่านั้นในนามพระสันตปาปาเลโอและพระสังฆราชบาร์โธโลมิว ยืนอยู่บนสะพานคนเดินที่สร้างขึ้นบนผืนดินที่แห้งแล้งของทะเลสาบอิซนิก โดยมีซากมหาวิหารที่ยังไม่ได้ปกคลุมอยู่ตรงหน้า และพวกเขาร่วมกันสวดบทข้าพเจ้าเชื่อในพระเจ้า บทภาวนาที่เกิดขึ้นในสังคายนาแห่งนีเซีย ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตจักรทั้งสองได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ทั้งสองยังมีเจตนาที่จะทำงานต่อไปเพื่อหาวันอีสเตอร์ร่วมกัน อันที่จริงแล้ว สภาแห่งไนเซียได้นำประเด็นนี้ไปหารือกับคริสตจักรยุคแรกแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีผู้แทนจากชุมชนต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการปฏิรูปศาสนาหรือลัทธิอื่นๆ (แองกลิกัน คาทอลิกเก่า ลูเธอรัน เมธอดิสต์ แบปทิสต์ เมนโนไนต์ เพนเทคอสต์ อีแวนเจลิคัล ฯลฯ) เดินข้ามสะพานไม้ที่ประมุขคริสตจักรทั้งสองร่วมันสวดภาวนา



#CATHOLIC #NEWS