พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2024 สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์

           พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ ผู้ที่เชื่อจะทำอัศจรรย์เหล่านี้ได้ คือจะขับไล่ปีศาจในนามของเรา จะพูดภาษาใหม่ ๆ ได้ จะจับงูได้ และถ้าดื่มยาพิษก็จะไม่ได้รับอันตราย เขาจะปกมือเหนือคนเจ็บ คนเจ็บเหล่านั้นก็จะหายจากโรคภัย” เมื่อพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แล้ว พระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นสู่สวรรค์ ให้ประทับ ณ เบื้องขวา บรรดาศิษย์ก็แยกย้ายกันออกไปเทศนาสั่งสอนทั่วทุกแห่งหน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำงานร่วมกับเขา และทรงรับรองคำสั่งสอนโดยอัศจรรย์ที่ติดตามมา
(มาระโก 16:15-20)








วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2559

คริสต์มาสในสมรภูมิสงครามโลกครั้งที่ 1

เหตุการณ์อัศจรรย์เกิดขึ้นในวันคริสต์มาส ณ. แนวหน้าสมรภูมิสงครามโลกครั้งที 1  ทหารทั้งสองฝ่ายที่เป็นศํตรูกัน  ได้กลับมาเป็นมิตรกันในวันคริสต์มาส...อ่านต่อ

วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2559

The Boy Who Met Jesus

สำหรับแต่ละคน  วาระสุดท้ายคือวันตายของเขา
และวาระสุดท้ายของมนุษยชาติ คือวันที่พระเยซูเจ้าเสด็จกลับมาครั้งที่สอง
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2559

รูปการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย


อะไรที่ขาดหายไปจากรูปภาพที่มีชื่อเสียงนี้?  และเหตุใดจึงต้องใช้เวลาที่ 5 ศตวรรษจึงมีผู้สังเกตุเห็น?
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เศรษฐีกับลาซารัส



ภาพยนตร์ประกอบนิทานเปรียบเทียบเรื่องเศรษฐีกับลาซารัส
เศรษฐีผู้หนึ่ง แต่งกายหรูหราด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีราคาแพง จัดงานเลี้ยงใหญ่ทุกวัน  คนยากจนผู้หนึ่งชื่อลาซารัส นอนอยู่ที่ประตูบ้านของเศรษฐีผู้นั้น เขามีบาดแผลเต็มตัว  เขาอยากจะกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของเศรษฐี  แต่ไม่มีใครให้เขากิน  มีแต่สุนัขมาเลียแผลของเขา  วันหนึ่ง คนยากจนผู้นี้ตายไป ทูตสวรรค์นำเขาไปอยู่ในอ้อมอกของอับราฮัม  ส่วนเศรษฐีคนนั้นก็ตายเช่นเดียวกัน และถูกฝังไว้   
เศรษฐีซึ่งกำลังถูกทรมานอยู่ในแดนผู้ตาย แหงนหน้าขึ้น มองเห็นอับราฮัมแต่ไกล และเห็นลาซารัสอยู่ในอ้อมอก   จึงร้องตะโกนว่า ท่านพ่ออับราฮัม จงสงสารลูกด้วย กรุณาส่งลาซารัสให้ใช้ปลายนิ้วจุ่มน้ำมาแตะลิ้นให้ลูกสดชื่นขึ้นบ้าง เพราะลูกกำลังทุกข์ทรมานอย่างสาหัสในเปลวไฟนี้  แต่อับราฮัมตอบว่า ลูกเอ๋ย จงจำไว้ว่า เมื่อยังมีชีวิต ลูกได้รับแต่สิ่งดี ๆ ส่วนลาซารัสได้รับแต่สิ่งเลว ๆ บัดนี้เขาได้รับการบรรเทาใจที่นี่ ส่วนลูกต้องรับทรมาน  ยิ่งกว่านั้น ยังมีเหวใหญ่ขวางอยู่ระหว่างเราทั้งสอง จนใครที่ต้องการจะข้ามจากที่นี่ไปหาลูก ก็ข้ามไปไม่ได้ และผู้ที่ต้องการจะข้ามจากด้านโน้นมาหาเรา ก็ข้ามมาไม่ได้ด้วย 
            เศรษฐีจึงพูดว่า ท่านพ่อ ลูกอ้อนวอนให้ท่านส่งลาซารัสไปยังบ้านบิดาของลูก   เพราะลูกยังมีพี่น้องอีกห้าคน ขอให้ลาซารัสเตือนเขาอย่าให้มายังสถานที่ทรมานแห่งนี้เลย  อับราฮัมตอบว่า พี่น้องของลูกมีโมเสสและบรรดาประกาศกอยู่แล้ว ให้เขาเชื่อฟังท่านเหล่านั้นเถิด  แต่เศรษฐีพูดว่า มิใช่เช่นนั้น ท่านพ่ออับราฮัม ถ้าใครคนหนึ่งจากบรรดาผู้ตายไปหาเขา เขาจึงจะกลับใจ อับราฮัมตอบว่า ถ้าเขาไม่เชื่อฟังโมเสสและบรรดาประกาศก แม้มีคนจากบรรดาผู้ตายมาหาเขาและเตือนเขา   เขาก็จะไม่เชื่อ

วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2559

พระรูปแม่พระในอิรักร้องไห้


   เข้าใจว่าเป็นรูปแม่พระมหาทุกข์  พระรูปแม่พระในโบสถ์เซนต์โยเซฟ ในอิรัก ได้หลั่งน้ำตา และต่อมาได้หลั่งเป็นโลหิต

วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2559

แม่พระผู้ทรงแก้ปมปัญหา

อาศัยพระหรรษทานของท่าน
อาศัยการเข้าแทรกแซงช่วยเหลือของท่าน
อาศัยแบบอย่างของท่าน
โปรดช่วยเราให้พ้นจากความชั่วร้ายด้วยเทอญ
โอพระมารดา โปรดแก้ปมปัญหาของเรา
ที่กีดกั้นเราไม่ให้ชิดสนิทกับพระเป็นเจ้า
เพื่อว่าเมื่อเราเป็นอิสระจากบาป
และความผิดพลาดทั้งหลายของเราแล้ว
เราจะได้พบกับพระเป็นเจ้าในทุกสิ่ง
เราจะได้อยู่ในดวงพระทัยของพระองค์
และเราจะได้รับใช้พระองค์เสมอ
ในบรรดาพี่น้องชายหญิงของเรา
                                                       - บทภาวนาของ พระสันตปาปาฟรังซิส -

วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2559

มารีย์ มักดาเลนา

รูปภาพ นักบุญมารีย์ มักดาเลนา ผู้สำนึกผิด
วันเวลาจะมาถึงเมื่อโลกอันทันสมัยจะปฏิเสธพระเจ้าของพวกเขา  เมื่อพระศาสนจักรจะบังเกิดความสงสัยเหมือนเช่นที่เปโตรสงสัย  พระศาสนจักรจะถูกประจญทดลองให้เชื่อว่ามนุษย์ได้กลายเป็นพระเจ้า  ในพระศาสนจักรของเรา  คริสตชนจะแสวงหาอย่างไร้ผล – แสวงหาตะเกียงสีแดงที่ซึ่งพระเป็นเจ้าทรงกำลังรอคอยพวกเขา  เหมือนกับมารีย์ มักดาเลนาที่กำลังร่ำไห้อยู่ด้านหน้าพระคูหาที่ว่างเปล่า  พวกเขาจะถามว่า “พวกเขาเอาพระองค์ไปไว้ที่ไหน?”
พระคาร์ดินัล ปาเซลลี (พระสันตะปาปาปีโอที่ 12) ปี 1931
>>>อ่านต่อ