พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2024 พระเยซูเจ้าทรงเป็นเถาองุ่นแท้

           เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นชาวสวน กิ่งก้านใดในเราที่ไม่เกิดผล พระองค์จะทรงตัดทิ้งเสีย กิ่งก้านใดที่เกิดผล พระองค์จะทรงลิดเพื่อให้เกิดผลมากขึ้น ท่านทั้งหลายก็สะอาดอยู่แล้วเพราะวาจาที่เรากล่าวกับท่าน ท่านทั้งหลายจงดำรงอยู่ในเราเถิด ดังที่เราดำรงอยู่ในท่าน กิ่งองุ่นเกิดผลด้วยตนเองไม่ได้ถ้าไม่ติดอยู่กับเถาองุ่นฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ ถ้าไม่ดำรงอยู่ในเราฉันนั้น เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ที่ดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าผู้ใดไม่ดำรงอยู่ในเรา ก็จะถูกโยนทิ้งไปข้างนอกเหมือนกิ่งก้านและจะเหี่ยวแห้งไป กิ่งก้านเหล่านั้นจะถูกเก็บไปทิ้งในไฟและถูกเผา ถ้าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในเรา และวาจาของเราดำรงอยู่ในท่าน ท่านอยากได้สิ่งใด ก็จงขอเถิด และท่านจะได้รับ พระบิดาของเราจะทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์เมื่อท่านเกิดผลมากและกลายเป็นศิษย์ของเรา
(ยอห์น 15:1-8)








วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2566

โลกทั้งใบอยู่ภายใต้ความชั่วร้าย


บาปเป็นเหมือนหมอกหนาทึบ ทำให้พวกเขามองไม่เห็น เหวลึกที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไป
>>>อ่านต่อ

วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2566

วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2566

วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2566

ขบวนการสงฆ์ของแม่พระ


ทูตสวรรค์แห่งโรคระบาดครั้งแรกได้ลงโทษที่เนื้อหนังของผู้ที่บูชารูปของมัน
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2566

ความร้ายแรงของบาปหนัก


“เราได้เลี้ยงดูบุตรและทำให้เขาเติบโตขึ้น แต่เขาทั้งหลายเป็นกบฏต่อเรา” --- อิสยาห์ 1. 2.
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2566

การกลับใจของผู้ไม่เชื่อในพระเจ้า


ขณะที่คุณพ่อบอสโกอยู่ในมาร์แซย์, มีผู้หญิงคนหนึ่งมาหาท่าน เธอคร่ำครวญอย่างเศร้าใจว่าสามีของเธอเป็นคนไม่เชื่อในพระเจ้า และลูกวัย 5 ขวบของพวกเขาก็เป็นใบ้ คุณพ่อบอสโกปลอบโยนเธอโดยสัญญาว่าจะสวดภาวนาเพื่อให้สามีของเธอกลับใจและขอให้ลูกของเธอหายป่วย และท่านก็กระตุ้นให้เธอสวดภาวนาและทำนพวารต่อพระมารดามารีย์องค์อุปถัมภ์ของคริสตชนด้วย เมื่อหญิงผู้นั้นกลับถึงบ้าน,สามีของหญิงคนนั้นพูดพล่ามว่าคุณพ่อบอสโกเป็นแค่พระสงฆ์คนหนึ่ง และเขาก็ไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ ที่แย่ไปกว่านั้น,เขายังพูดดูหมิ่นและสาปแช่งภรรยาของเขา หลังจากที่เขาสงบสติลงแล้ว พวกเขารับประทานอาหารเย็นกัน,ในระหว่างนั้นภรรยาของเขาพูดว่าเธอขอให้คุณพ่อบอสโกรักษาลูกของพวกเขาด้วย  เขาฟังแล้วก็ทำเพียงแค่ยักไหล่อย่างไม่แยแส ทันใดนั้น,เด็กน้อยก็ร้องว่า "ปาป๊า! ปาป๊า!" นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินลูกชายส่งเสียงพูด เขารู้สึกสะเทือนใจแต่ยังคงดื้อรั้นอยู่ในทัศนคติของเขา ผู้เป็นพ่อรู้สึกหวั่นไหวอย่างมากและปลีกตัวไปที่ห้องของเขา เช้าวันรุ่งขึ้นเขาไปพบกับคุณพ่อบอสโกและบอกท่านอย่างตรงไปตรงมาว่าเขาไม่รู้สึกศรัทธาในพระสงฆ์ “ถ้าคุณไม่ชอบที่ผมเป็นพระสงฆ์ ก็คิดว่าผมเป็นเพื่อนของคุณก็แล้วกัน” คุณพ่อบอสโกตอบ จากนั้น,ท่านก็ค่อยๆพูดจาขจัดความเข้าใจผิดของชายผู้นี้ไปทีละเล็กทีละน้อย จนผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้าซึ่งรู้สึกสะเทือนใจอยู่แล้วจากอัศจรรย์ของลูกชายในวันก่อน เขาก็ได้เปิดใจของเขาและประทับใจในความกรุณาของคุณพ่อบอสโก  การสนทนาของพวกเขาจบลงด้วยการสารภาพบาปของผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้าซึ่งได้มอบเงินบริจาคจำนวนมากให้กับมือของคุณพ่อบอสโกก่อนจากไป

Source: Don Bosco the Apostle of Confession

วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2566

วางใจในพระญาณเอื้ออาทรของพระเจ้า


เมื่อนักบุญโดมินิก (1170-1221)ส่งบราเดอร์ยอห์นแห่งคาลาเบรียและบราเดอร์อัลเบิร์ตแห่งโรมเข้าไปในเมืองเพื่อขอทานจากชาวเมืองสำหรับเลี้ยงดูบรรดาบราเดอร์ทั้งหลายในอาราม  แต่แพวกเขาไม่ได้รับบริจาคอะไรเลยตลอดทั้งวัน ยกเว้นตอนขากลับอาราม,มีหญิงชราคนหนึ่งมอบขนมปังให้พวกเขาหนึ่งก้อน ซึ่งต่อมาไม่ช้า,พวกเขาก็ได้พบกับขอทานคนหนึ่งที่มาหาพวกเขาและอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ เมื่อตระหนักว่าขนมปังก้อนเดียวจะไม่พอสำหรับทุกคนในอาราม พวกเขาจึงตัดสินใจมอบมันให้กับขอทานคนนั้นพร้อมคำอวยพร เมื่อกลับมายังอาราม,พวกเขาเล่าให้นักบุญฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้น นักบุญโดมินิกรับรู้ได้ทันทีถึงความสำคัญของสิ่งที่เกิดขึ้น “เป็นทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงจัดเตรียมเพื่อเราเอง  ให้เราไปสวดภาวนากันเถอะ”  และถึงแม้จะไม่มีอะไรเลี้ยงดูบรรดาผู้ติดตามของท่าน,แต่นักบุญก็ยังสั่งให้บรรดาบราเดอร์มารวมกันเพื่อรับประทานอาหารเย็น ขณะที่นักบุญโดมินิกนั่งร่วมโต๊ะกับพวกเขาและสวดภาวนา ทันใดนั้น "ชายหนุ่มรูปงามสองคน" ก็ปรากฏตัวขึ้นในโรงอาหาร ถือขนมปังที่อยู่ในผ้าขาวสองผืนซึ่งห้อยลงมาจากไหล่ของพวกเขา พวกเขาเริ่มแจกจ่ายขนมปังโดยเริ่มจากแถวล่างและวางขนมปังไว้ข้างหน้าแต่ละคน เมื่อพวกเขาไปถึงนักบุญโดมินิก พวกเขาวางขนมปังไว้ข้างหน้าท่าน,ต่างก็พากันก้มศีรษะคำนับแล้วหายไป "โดยไม่มีใครรู้ว่าชายทั้งสองมาจากไหนหรือไปที่ไหนมาจนทุกวันนี้" ในโอกาสนั้น,ไวน์ก็ถูกนำมาด้วยอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งไวน์และขนมปังซึ่งมี "คุณภาพดีเยี่ยม" เป็นอาหารที่เพียงพอสำหรับสามวัน

Source: Angels and Devils