พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2024 พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี

           เราเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี ผู้เลี้ยงแกะย่อมสละชีวิตเพื่อแกะของตน ลูกจ้างที่ไม่ใช่ผู้เลี้ยงแกะและไม่เป็นเจ้าของแกะ เมื่อเห็นสุนัขป่าเข้ามาก็ละทิ้งบรรดาแกะและหนีไป สุนัขป่าแย่งชิงแกะ และฝูงแกะก็กระจัดกระจายไป ลูกจ้างวิ่งหนีเพราะเขาเป็นเพียงลูกจ้าง ไม่มีความห่วงใยฝูงแกะเลย เราเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี เรารู้จักแกะของเรา และแกะของเราก็รู้จักเรา พระบิดาทรงรู้จักเราฉันใด เราก็รู้จักพระบิดาฉันนั้น เรายอมสละชีวิตเพื่อแกะของเรา เรายังมีแกะอื่น ๆ ซึ่งไม่อยู่ในคอกนี้ เราต้องนำหน้าแกะเหล่านี้ด้วย แกะจะฟังเสียงของเรา
           จะมีแกะเพียงฝูงเดียวและผู้เลี้ยงเพียงคนเดียว พระบิดาทรงรักเรา เพราะเราสละชีวิตของเราเพื่อจะเอาชีวิตนั้นคืนมาอีก ไม่มีใครเอาชีวิตไปจากเราได้ แต่เราเองสมัครใจสละชีวิตนั้น
           เรามีอำนาจที่จะสละชีวิตของเรา และมีอำนาจที่จะเอาชีวิตนั้นคืนมาอีก นี่คือพระบัญชาที่เราได้รับจากพระบิดาของเรา‘
(ยอห์น 10:11-18)








วันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

บทภาวนาแห่งฟาติมา



ฤดูใบไม้ผลิปี 1916  ลูซีอา ฟรังซิสโก และยาชินทา ได้พบกับทูตสวรรค์  ในเวลาเช้าเด็กทั้งสามได้ต้อนแกะ ขึ้นไปบนเนินเขา Cabeco  ในท่ามกลางหมู่ต้นมะกอก  พวกเด็กๆอยู่ที่นั่นจนถึงเวลาเที่ยงจึงเริ่มทานอาหารกลางวัน  ทานเสร็จแล้วก็สวดสายประคำ  หลังจากนั้นพวกเด็กเล่นเกมส์ก้อนหินกัน  ต่อมามีลมพัดแรงจนต้นไม้สั่นไหวทั้งๆที่วันนั้นเป็นวันอากาศแจ่มใส  เด็กๆมองไปทั่ว  และทันทีทันใดก็เห็นแสงสว่างส่องมาจากยอดไม้เคลื่อนที่ลงมาหาพวกเขา  เด็กๆต่างนิ่งเงียบ  แล้วทูตสวรรค์ก็พูดกับเด็ก
“อย่ากลัวเลย  เราคือเทวดาแห่งสันติภาพ  มาสวดภาวนาพร้อมกับเราเถิด”  แล้วเทวดาก็ก้มลงกราบแทบพื้นดินและสอนเด็กให้สวดภาวนา
“พระเจ้าข้า  ลูกเชื่อในพระองค์ ลูกกราบนมัสการพระองค์  วางใจในพระองค์และรักพระองค์  ลูกกราบขออภัยโทษแทนผู้ที่ไม่เชื่อในพระองค์  ไม่นมัสการพระองค์  ไม่วางใจในพระองค์และไม่รักพระองค์”
เทวดาบอกกับเด็กว่า “จงสวดภาวนาเช่นนี้  แล้วดวงพระทัยของพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์จะสดับฟังคำวิงวอนของพวกเธอเสมอ”
ในอีกโอกาสหนึ่ง เทวดาแห่งสันติภาพได้มาหาเด็ก  แต่ในครั้งนี้ได้นำพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้ามาให้เด็กด้วย  แต่ก่อนจะให้เด็กรับศีล  เทวดาได้ปล่อยจอกกาลิกษ์และแผ่นศีลลอยอยู่ในอากาศ  เทวดาก้มกราบนมัสการแทบพื้นดินและสอนเด็กสวดภาวนาสามครั้งว่า
“ข้าแต่พระตรีเอกภาพสูงสุด พระบิดา พระบุตร และพระจิต  ลูกขอถวายพระโลหิตอันศักดิ์สิทธิ์  พระวิญญาณและพระเทวภาพของพระเยซูคริสตเจ้า  ผู้ทรงประทับอยู่ในตู้ศีลทุกแห่งทั่วโลก  เพื่อชดเชยแทนการกระทำทุรจาร  การล่วงเกิน และความอกตัญญูของมนุษย์  ที่กระทำต่อพระองค์  และโดยอาศัยพระเมตตาหาที่สุดมิได้แห่งดวงพระทัยอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระเยซูเจ้า  พร้อมด้วยดวงพระทัยนิรมลของพระมารดามารีย์  ลูกขอวิงวอนพระองค์โปรดบันดาลให้คนบาปกลับใจด้วยเทอญ”
หลังจากนั้นเทวดาจึงให้ลูซีอารับแผ่นศีลซึ่งเป็นพระกายพระคริสตเจ้า  ส่วนฟรังซิสโกและยาชินทา  เทวดาให้ดื่มเหล้าองุ่นซึ่งเป็นพระโลหิต
ในการประจักษ์ครั้งหนึ่ง  แม่พระได้สอนเด็กๆสวดภาวนาว่า
“พระเยซูเจ้าข้า  โปรดอภัยบาปของชาวเรา  โปรดช่วยเราให้พ้นไฟนรก  โปรดนำวิญญาณทั้งหลายไปสู่สวรรค์   โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  วิญญาณของผู้ที่ต้องการพระเมตตาของพระองค์มากที่สุด” 

วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เรื่องเล่าจากหนังสือเก่า 3

ลองอ่านเรื่องที่ 3 นะครับ  - เรื่องเล่าจากหนังสือสมโภช 100 ปี (1890-1990) วัดพระคริสตประจักษ์ บ้านเล่า ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นครนายก  มีบทความที่น่าสนใจดี
.....อ่านต่อ
 

วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พระสังฆราชไนจีเรียเห็นนิมิตพระเยซูเจ้า



โรม,อิตาลี, 21 เม.ย. 2015(CNA/EWTN News) – พระสังฆราช โอลีเวอร์ ดาเช โดมี แห่งไนจีเรียเล่าว่า ท่านได้เห็นพระคริสต์ในนิมิต  และเดี๋ยวนี้ท่านตระหนักแล้วว่า  สายประคำคือกุญแจสำคัญในการกำจัดกลุ่มก่อการร้ายโบโกฮารามที่กำลังรุกรานประเทศอยู่ในเวลานี้
              พระสังฆราชกล่าวว่า  พระเป็นเจ้าทรงชี้แนะแก่ท่านให้เป็นผู้นำประชาชนในการสวดสายประคำจนกว่ากลุ่มก่อการร้ายจะสูญหายไป
“เมื่อปลายปีที่แล้ว  ผมอยู่ในโบสถ์น้อยและอยู่เบื้องหน้าศีลมหาสนิท...ผมสวดสายประคำ  และทันทีทันใด พระเยซูเจ้าก็ทรงปรากฏมา” พระสังฆราชเล่าให้ทาง CAN เมื่อ 8 เม.ย. 2015
ท่านเล่าต่อไปว่า  ในนิมิตนั้น พระเยซูเจ้ามิได้ตรัสอะไร  แต่ทรงยื่นดาบมาให้ท่าน  และท่านก็รับดาบนั้น
“ทันทีที่ผมรับดาบ  ดาบก็กลายเป็นสายประคำ”  พระสังฆราชเล่า  และพระเยซูเจ้าตรัสกับท่านสามครั้งว่า “โบโกฮารามจะสูญสิ้นไป”
“ผมไม่ต้องการประกาศกเพื่อให้คำอธิบาย  มันชัดเจนว่า ด้วยสายประคำ  เราจะสามารถขับไล่โบโกฮารามได้”
พระสังฆราชไม่ประสงค์จะเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง  แต่ท่านรู้สึกว่าพระจิตเจ้าทรงผลักดันท่านให้ต้องเล่า
ท่านเริ่มต้นกับพระสงฆ์ในสังฆมณฑลของท่านก่อน แล้วจึงบอกเล่าให้ผู้ที่มาร่วมประชุม N2015 ซึ่งจัดประชุมในกรุงแมดริดของสเปน  วันที่ 17-19 เม.ย. 2015  การประชุมจัดขึ้นในหัวข้อว่า  จะช่วยให้คริสตชนดำเนินชีวิตในประเทศที่มีการเบียดเบียนได้อย่างไร
พระสังฆราชปกครองสังฆมณฑล Maiduguri  อยู่ทางตอนเหนือของไนจีเรีย  ซึ่งมีคาทอลิกประมาณ 125,000 คน  หลังจากกลุ่มก่อการร้ายโบโกฮารามเริ่มรุกรานคริสตชน  ทุกวันนี้มีคริสตชนเหลือเพียง 50,000 – 60,000 คน  หลายคนหลบหนีไปสู่ที่ปลอดภัยในส่วนอื่นของไนจีเรีย
ในปี 2014 โบโกฮาราม เริ่มเป็นที่รู้จักในประชาคมโลก  จากการลักพาตัวเด็กนักเรียนหญิง 300 คน  เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2015  และต่อมาได้มีการระเบิดฆ่าตัวตาย 5 ครั้งในเมืองหลวงมาดากูรี  กลุ่มก่อการร้ายยังได้สังหารคน 1,000 คนในระยะเวลาสามเดือน  ทาง Human Rights Watch ได้รายงานว่า  มีประชาชน 6,000 คนที่ถูกกลุ่มนี้สังหารตั้งแต่ปี 2009
พระสังฆราชเชื่อว่า  พระเยซูเจ้าทรงขอให้ท่านเผยแพร่ความศรัทธาในการสวดสายประคำเพื่อทำให้สถานการณ์ดีขึ้น และท่านก็ทำเช่นนั้น
ไม่เพียงแต่พระสังฆราชดาเช่ เท่านั้นที่มีความศรัทธาในพระมารดาของพระคริสตเจ้าและมอบอนาคตของประเทศไว้ในพระหัตถ์ของพระนางมารีย์  ในการประชุมพระสังฆราชของไนจีเรียก็ได้มีการมอบถวายประเทศแด่พระนางถึงสองครั้งด้วย