พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2024 พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี

           เราเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี ผู้เลี้ยงแกะย่อมสละชีวิตเพื่อแกะของตน ลูกจ้างที่ไม่ใช่ผู้เลี้ยงแกะและไม่เป็นเจ้าของแกะ เมื่อเห็นสุนัขป่าเข้ามาก็ละทิ้งบรรดาแกะและหนีไป สุนัขป่าแย่งชิงแกะ และฝูงแกะก็กระจัดกระจายไป ลูกจ้างวิ่งหนีเพราะเขาเป็นเพียงลูกจ้าง ไม่มีความห่วงใยฝูงแกะเลย เราเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี เรารู้จักแกะของเรา และแกะของเราก็รู้จักเรา พระบิดาทรงรู้จักเราฉันใด เราก็รู้จักพระบิดาฉันนั้น เรายอมสละชีวิตเพื่อแกะของเรา เรายังมีแกะอื่น ๆ ซึ่งไม่อยู่ในคอกนี้ เราต้องนำหน้าแกะเหล่านี้ด้วย แกะจะฟังเสียงของเรา
           จะมีแกะเพียงฝูงเดียวและผู้เลี้ยงเพียงคนเดียว พระบิดาทรงรักเรา เพราะเราสละชีวิตของเราเพื่อจะเอาชีวิตนั้นคืนมาอีก ไม่มีใครเอาชีวิตไปจากเราได้ แต่เราเองสมัครใจสละชีวิตนั้น
           เรามีอำนาจที่จะสละชีวิตของเรา และมีอำนาจที่จะเอาชีวิตนั้นคืนมาอีก นี่คือพระบัญชาที่เราได้รับจากพระบิดาของเรา‘
(ยอห์น 10:11-18)








วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559

กฏหมายในรัสเซีย


MOSCOW —ทนายผู้หนึ่งให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า “ชาวรัสเซียที่พูดว่า “ไม่มีพระเจ้า”ในโซเชียลมีเดียทั้งหลาย จะถูกจำคุกหนึ่งปี”
เมื่อไม่นานมานี้นาย Viktor Krasnov ได้เขียนวิจารณ์ใน European social networking site Vk.com ในปี 2014 ว่า “ในไบเบิลเป็นการรวบรวมนิยายต่างๆของชาวยิว” เรื่องนี้ทำให้นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน นาย Pavel Chikov  นำไปลงในเฟสบุ๊คของเขา
Krasnov ได้ลบข้อความเหล่านั้นแล้ว แต่เขากำลังถูกไต่สวนในเมืองที่เขาอยู่ที่ Stavropol ทางตอนใต้ของรัสเซีย
 สำนักงานตำรวจของรัสเซียที่เทียบเท่ากับ FBI ตั้งข้อหานาย Krasnov ว่า “กระทำการขัดต่อความรู้สึกของผู้มีความเชื่อ”  ซึ่งถือเป็นคดีอาญาในรัสเซีย
เมื่อไม่กี่ปีมานี้  มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตจำนวนนับสิบที่ถูกตั้งข้อหาในคดีอาญานี้สำหรับการแสดงข้อความที่ไม่เหมาะสมประเภทนี้ทางออนไลน์ในรัสเซีย
            สมาชิกของวงดนตรีพั้งก์ punk band Pussy Riot  2 คนก็เคยถูกจับกุมในปี 2012 เพราะแสดงดนตรีที่ต่อต้านวาลาดีมีร์ ปูตินในอาสนวิหารของกรุงมอสโค

วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2559

กิจกุศลในวาติกัน


ในภาพ คนไร้บ้านในกรุงโรมเป็นอาสาสมัครแจกหนังสือพระคัมภีร์แก่ผู้แสวงบุญ
วาติกันให้การรักษาพยาบาลฟรีแก่คนยากจนและคนไร้บ้าน 
บรรดาคนยากจนและไม่มีที่อยู่ในกรุงโรม  สามารถไปที่วาติกันเพื่อรับการรักษาพยา
บาลฟรีได้ที่ คลินิกสำหรับคนยากจนซึ่งตั้งอยู่ใกล้ colonnade  พระอัครสังฆราช Konrad Krajewski, กล่าวว่า “เป็นพระประสงค์ของพระสันตปาปาฟรังซิสที่ต้องการให้พวกเราที่อยู่ใกล้ชิดบรรดาคนเหล่านี้ให้ช่วยเหลือพวกเขา”
นี่ไม่ใช่งานแรก  ตั้งแต่ต้นปี 2015 ทางวาติกันได้จัดสถานที่อาบน้ำให้แก่คนยากจนและไร้บ้าน  และยังให้บริการตัดผมฟรีด้วย  และในเดือนตุลาคม 2015 พระสันตปาปาฟรังซิสและเพื่อนเยซูอิตได้เปลี่ยนสำนักงานท่องเที่ยวเก่าแก่แห่งหนึ่งให้กลายเป็นบ้านพักสำหรับคนไร้บ้าน

วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2559

ภาพโมเซอิคแม่พระแห่งน็อค


ภาพโมเซอิคที่ใช้กระเบื้องโมเสคจำนวน 1.5 ล้านชิ้นมาประกอบกันกลายเป็นรูปภาพการประจักษ์ของแม่พระแก่คน 15 คนในประเทศไอร์แลนด์ ในปี 1879  ภาพนี้แสดงอยู่ในอาสนวิหารแห่งน๊อคในไอร์แลนด์
รูปภาพมีขนาด 46 x 46 ฟุต  ในพิธีมิสซาวันอาทิตย์ที่มีการเปิดผ้าคลุมรูปภาพ  พระอัครสังฆราช แห่งตวม( Tuam)  Michael Neary กล่าวว่า “เราขอขอบพระคุณพระเป็นเจ้าสำหรับวันอันน่ามหัศจรรย์นี้เมื่อเราเปิดผ้าคลุมรูปภาพโมเซอิคที่สวยงาม  ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการประจักษ์ของแม่พระได้อย่างงดงามที่สุด”
การประจักษ์เกิดขึ้นเมื่อเย็นวันที่ 21 สิงหาคม 1879  เมื่อคน 15 คนที่โบสถ์แห่งน็อคได้เห็นแม่พระ  นักบุญยอแซฟ  และนักบุญยอห์นอัครสาวกยืนอยู่ข้างๆพระแท่นที่รายล้อมด้วยเทวดาแห่งสวรรค์  มีไม้กางเขนและลูกแกะอยู่บนพระแท่น
หลังจากได้รับการรับรองจากวาติกันของความน่าเชื่อถือได้แล้ว  สื่อสารมวลชนก็ได้รายงานเรื่องราว  และน็อคก็ได้กลายเป็นสถานที่แสวงบุญสำคัญแห่งหนึ่งของโลก  ทุกวันที่จะมีผู้แสวงบุญราว 1.2 ล้านคนมาที่นี่ทุกปี

วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2559

ภาพของนรก


ซิสเตอร์ลูซีอา แห่งฟาติมา ได้เขียนในหนังสือของเธอที่ชื่อ  Memoirs: ไว้ดังนี้
“พระนางพรหมจารีย์มารีย์ทรงกางพระหัตถ์ออกอีกครั้งหนึ่ง  เหมือนที่ทรงกระทำเมื่อเดือนที่ผ่านมา  มีรังสีแสงส่องออกมาจากพระหัตถ์ของพระนางทะลุลงไปที่พื้นดิน  แล้วพวกเราก็เห็นทะเลไฟที่กว้างใหญ่  ภายในทะเลไฟนี้  พวกเราเห็นปีศาจและวิญญาณมากมาย (วิญญาณที่ถูกสาปแช่ง)    วิญญาณเหล่านี้ดูเหมือนกับแท่งอำพันที่กำลังถูกเผาจนโปร่งใส  วิญญาณทั้งหมดเป็นสีดำหรือไม่ก็สีบรอนซ์ไหม้ในรูปร่างของมนุษย์  พวกเขากำลังลอยไปมาในทะเลไฟนี้  ตอนนี้พวกเขาถูกโยนขึ้นไปบนอากาศด้วยพลังของเปลวไฟที่เผาไหม้อยู่ภายในตัวและกลุ่มควันที่หนาแน่น  แล้วตอนนี้พวกเขาก็ตกลงมาในทุกทิศทางเหมือนกับสะเก็ดไฟที่ฟุ้งกระจายในกลุ่มไฟที่ใหญ่โต  ไม่มีน้ำหนักหรือมีสมดุลเลย  พวกเขากรีดร้องและโอดครวญด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวัง  ภาพนี้ทำให้พวกเราอกสั่นขวัญแขวนและหวาดกลัว (ทำให้ฉันกรีดร้องออกมา  ตามที่ประชาชนที่มาชุมนุมนั้นเล่าว่าได้ยินพวกเรากรีดร้อง)  ปีศาจมีลักษณะที่แตกต่างออกไป (แตกต่างจากวิญญาณที่ถูกสาปแช่ง)  พวกมันมีรูปลักษณ์ที่น่ากลัวคล้ายกับสัตว์ประหลาดที่ไม่มีใครรู้จัก  เป็นสีดำและโปร่งใสเหมือนถ่านที่ถูกเผาจนแดง  ภาพนิมิตนี้เกิดขึ้นชั่วเวลาหนึ่ง  ต้องขอบพระคุณพระมารดาสวรรค์ของเรา  ที่ทรงสัญญาในการประจักษ์ครั้งแรกว่าจะทรงนำพวกเราไปสวรรค์  มิฉะนั้นแล้ว  ฉันคิดว่าพวกเราคงจะต้องตายไปในเวลานั้นด้วยความกลัวแน่ๆ
แม่พระตรัสว่า “ลูกได้เห็นนรกที่ซึ่งวิญญาณของคนบาปที่น่าสงสารต้องไปอยู่แล้ว  เพื่อช่วยเหลือพวกเขา  พระเป็นเจ้าทรงปรารถนาให้สถาปนาความศรัทธาต่อดวงหทัยนิรมลของแม่ในโลกนี้”

วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559

เมดจูกอเรจ์จะฉลองครบ82ปีของการสร้างกางเขน


วันที่ 16 มีนาคม 2016 เมดจูกอเรจ์จะฉลองครบ 82 ปีของการสร้างกางเขนบนภูเขาครีซาวัค Križevac และฉลองการทำพิธีมิสซาครั้งแรกภายใต้กางเขนนี้
            ความคิดในการสร้างกางเขนบนภูเขามาจากวาติกัน  โดยพระสันตะปาปาปีโอที่ 11 ประสงค์จะสร้างกางเขนบนภูเขาทั่วโลกในโอกาสครบ 1900 ปีของการสิ้นพระชนม์ของพระคริสตเจ้า  และผู้หนึ่งที่ตอบสนองพระประสงค์ของพระสันตะปาปาก็คือคุณพ่อ เบอร์นาดีน Fr. Bernardin Smoljan ซึ่งเป็นพระสงฆ์ในสังฆมณฑลเมดจูกอเรจ์  ท่านได้ประกาศแผนการก่อสร้างกางเขนแก่คนในสังฆมณฑลของท่านในเดือนมกราคม 1934  และทุกคนก็ตอบรับแผนการนี้ในทันที  แต่ละคนแบกปูนที่จะใช้สร้างกางเขนขึ้นไปบนภูเขาด้วยถัง  เป็นงานที่หนักมากซึ่งทุกคนช่วยกันทำอย่างเต็มกำลัง  ในที่สุดงานก็สำเร็จภายในหนึ่งเดือน  และวันที่ 16 มีนาคม 1934  พระสงฆ์ก็เสกกางเขนและประกอบพิธีมิสซาที่ใต้กางเขนนี้เป็นครั้งแรก

วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2559

ผลงานที่ถูกซ่อนไว้


             ผลงานศิลปะทางศาสนาที่ถูกซ่อนไว้ได้เปิดเผยออกมาเมื่อมีการบูรณะซ่อมแซมโบสถ์ที่ประสูติของพระเยซู Church of the Nativity
            หนังสือพิมพ์ Time of Israel  ได้รายงานว่า  ผลงานศิลปะชิ้นนี้ทำด้วย ทองแดง เงิน  เปลือกหอย และหิน  มันถูกปิดทับด้วยปูนปลาสเตอร์และพบอยู่ใกล้หน้าต่างของโบสถ์ซึ่งสร้างขึ้นโดยคำสั่งของจักรพรรดิคอนสแตนตินและพระมารดาของพระองค์  ราชินีเฮเลนา ในคริสต์ศตวรรษที่ 4  เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ผลงานศิลปะนี้ถูกทำความสะอาดแล้ว  แต่จะยังไม่เปิดให้ชม และไม่มีรูปภาพใด  Ziad al-Bandak ชาวปาเลสไตน์ , ประธานที่ปรึกษาของ Christian Affairs กล่าวว่า “ผลงานศิลปะชิ้นนี้เป็นวัตถุทางศาสนาและประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่ามาก”
            โบสถ์ที่ประสูติของพระเยซูถูกสร้างขึ้นปกคลุมถ้ำที่พระเยซูทรงบังเกิด  ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งของคริสตศาสนา  ปัจจุบันถูกขึ้นบัญชีโดยยูเนสโกว่าเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหาย  โบสถ์ไม่ได้รับการบูรณะซ่อมแซมเป็นเวลานานและต้องใช้เงินจำนวนมากในการบูรณะให้อยู่ในสภาพดี
            จนกระทั่งเมื่อสองปีที่แล้ว  มีน้ำรั่วซึมจากหลังคาที่แตก  ทำให้แผ่นหินโมเซอิกภายในเสียหายจึงได้มีการซ่อมแซมใหม่เป็นครั้งแรก  จากที่ไม่ได้มีการแตะต้องมานานนับพันปี 
            แหล่งเงินทุนในการซ่อมแซมได้มาจากหลายแหล่ง  ได้แก่ จากส่วนเอกชนปาเลสไตน์  โรมันคาทอลิก  กรีกออร์โธดอกซ์ และโบสถ์อาร์เมเนียน  และเงินทำบุญจากประเทศอื่นๆ
            Al-Bandak กล่าวว่า “เงิน 8 ล้านดอลลาร์ถูกใช้ไปแล้ว  และยังต้องการเงินอีก 11 ล้านดอลลาร์เพื่อดำเนินงานต่อ  โครงการนี้คงใช้เวลานานอย่างน้อย  3 ปี  เฟสแรกเสร็จเรียบร้อยแล้ว  เรามีความภูมิใจมากที่ได้ปกป้องทรัพย์สมบัติของชาติ ปกป้องประวัติศาสตร์ของเรา  และปกป้องอนาคตของเรา”