พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2024 พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างสง่า

           เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จพร้อมกับบรรดาศิษย์เข้ามาใกล้กรุงเยรูซาเล็ม ที่หมู่บ้านเบธฟายีและเบธานี ใกล้กับภูเขามะกอกเทศ พระองค์ทรงใช้ศิษย์สองคนไป ตรัสแก่เขาว่า “จงเข้าไปในหมู่บ้านข้างหน้า เมื่อเข้าไปแล้ว ท่านจะพบลูกลาตัวหนึ่งผูกอยู่ ยังไม่มีใครเคยขี่ลาตัวนั้นเลย จงแก้เชือกและจูงมันมาเถิด ถ้ามีผู้ใดถามว่า ‘ทำไมท่านจึงทำเช่นนี้’ จงบอกเขาว่า ‘พระอาจารย์ต้องการใช้มัน และจะส่งกลับคืนมาให้ทันที’” ศิษย์ทั้งสองคนออกไป พบลูกลาตัวหนึ่งผูกอยู่ที่ประตูด้านนอกบนถนน ขณะที่เขากำลังแก้เชือก บางคนที่ยืนอยู่ที่นั่นถามว่า “ทำอะไรกัน แก้เชือกลูกลาทำไม” ศิษย์ทั้งสองคนก็ตอบตามที่พระเยซูเจ้าได้ตรัสไว้ เขาจึงยอมให้นำลูกลาไป ศิษย์ทั้งสองคนจูงลูกลามาถวายพระเยซูเจ้า ปูเสื้อคลุมของตนบนหลังลา พระองค์จึงทรงลูกลาตัวนั้น คนจำนวนมากปูเสื้อคลุมของตนตามทาง บางคนปูกิ่งไม้ซึ่งตัดมาจากทุ่งนาด้วย พวกที่เดินไปข้างหน้า และผู้ที่ตามมาข้างหลังต่างโห่ร้องว่า “โฮซานนา ขอถวายพระพรแด่ผู้มาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขอพระพรจงมีแด่พระอาณาจักรที่กำลังจะมาถึงของกษัตริย์ดาวิด บรรพบุรุษของเรา โฮซานนา ณ สวรรค์สูงสุด พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม เข้าไปในพระวิหาร เมื่อทอดพระเนตรสิ่งต่าง ๆ โดยรอบแล้ว พระองค์ก็เสด็จออกไปยังหมู่บ้านเบธานี พร้อมกับอัครสาวกสิบสองคน ขณะนั้นเป็นเวลาค่ำแล้ว
(มาระโก 14:1 – 15:47)








วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

หน้าที่ประการแรกของมนุษย์


ทูตสวรรค์แห่งฟาติมาได้มาสอนเด็ก 3 คนว่าหน้าที่ประการแรกของมนุษย์คือการนมัสการพระเป็นเจ้า.
ทูตสวรรค์ประจักษ์แก่เด็กๆที่ Cabeco 3 ครั้ง, ในครั้งที่สาม,ท่านมาพร้อมถือจอกกาลิกษ์ไว้ที่มือซ้ายและศีลมหาสนิทที่มือขวา. เด็กๆรู้สึกประหลาดใจมาก. ทูตสวรรค์ได้ปล่อยจอกกาลิกษ์จากมือของท่าน และจอกกาลิกษ์และแผ่นศีลนั้นลอยอยู่กลางอากาศ. ทูตสวรรค์หมอบกราบลงกับพื้นดินพร้อมทั้งสวดภาวนานมัสการสรรเสริญพระตรีเอกานุภาพว่า
"ข้าแต่พระตรีเอกานุภาพ พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง, พระบิดา, พระบุตรและพระจิต. ข้าพเจ้ากราบนมัสการพระองค์ด้วยสิ้นสุดจิตใจ ข้าพเจ้าขอมอบถวายพระกาย, พระโลหิตและพระเทวภาพอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขององค์พระบุตร,พระเยซูคริสตเจ้า ผู้ทรงประทับอยู่บนพระแท่นทุกแห่งทั่วโลก เพื่อเป็นยัญบูชาชดเชยใช้โทษบาปและการเนรคุณของคนบาปทั้งหลาย. โดยอาศัยพระเมตตาอันไม่มีที่สิ้นสุดแห่งดวงพระหฤทัยอันศํกดิ์สิทธิ์ของพระองค์และดวงพระทัยนิรมลของพระนางมารีย์ โปรดช่วยให้คนบาปกลับใจด้วยเทอญ"

วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

วีดีโอประวัติศาสตร์


วีดีโอนี้ถือเป็นวีดีโอประวัติศาสตร์
ต้นปี 1890 วิลเลียม เคนเนดี ดิ๊กสัน William Kennedy Dickson ได้ประดิษฐ์กล้องถ่ายภาพยนตร์เครื่องแรกของโลกขึ้นในห้องแล็บของโทมัส เอดิสัน ในเมนโล ปาร์ก นิวยอร์ก และเขาตระเวณไปทั่วโลกเพื่อถ่ายวีดีโอเก็บไว้
และในปี 1896ไม่นานหลังจากที่เขาประดิษฐ์เครื่องมือนี้  เขาได้ไปที่วาติกันและถ่ายวีดีโอสั้นๆของพระสันตปาปาเลโอที่ 13  นี่ถือว่าเป็นวีดีโอประวัติศาสตร์ด้วยเหตุผลสามประการ
ประการแรก  นี่เป็นวีดีโอแรกของพระสันตะปาปา  ก่อนหน้านี้มีเพียงรูปถ่ายและภาพวาดของพระสันตปาปาเท่านั้น
ประการที่สอง  พระสันตะปาปาทรงมีพระชนมายุ 86 พรรษา จึงถือเป็นผู้มีอายุมากที่สุดในเวลานั้นที่ถูกถ่ายวีดีโอ
ประการสุดท้าย  นี่เป็นวีดีโอแรกที่ถ่ายการอวยพรของพระสันตะปาปาในลักษณะภาพเคลื่อนไหว  
           ในตอนท้ายของวีดีโอนี้พระสันตปาปาเลโอทรงร้องเพลง Ave Maria ในปี 1903

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ไอน์สไตน์ ฮิตเลอร์ และพระศาสนจักรคาทอลิก

“มีเพียงพระศาสนจักรคาทอลิกเท่านั้นที่ยืนหยัดต่อต้านการรณรงค์ของฮิตเลอร์ในการบั่นทอนความจริง  ผมไม่เคยมีความสนใจในพระศาสนจักรคาทอลิกมาก่อนเลย  แต่เวลานี้ผมรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมากและนิยมชมชอบ  เพราะมีแต่เพียงพระศาสนจักรคาทอลิกเท่านั้นที่กล้าหาญและยึดมั่นในความจริงทางปัญญาและเสรีภาพทางศีลธรรม  ผมต้องยอมรับว่าสิ่งที่ครั้งหนึ่งผมเคยดูหมิ่น  บัดนี้ผมยกย่องสรรเสริญอย่างสุดใจ”
– Albert Einstein, Time magazine, 23rd December, 1940 p. 38   

วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ยาพิษในใจ

         ในประเทศจีน  มีสาวน้อยคนหนึ่งได้แต่งงานกับชายหนุ่มรูปงาม  เธอต้องอาศัยอยู่ที่บ้านของสามี  เธอรู้สึกไม่ชอบแม่ของสามีมากๆ  เธอรู้สึกว่านางจู้จี้  ขี้บ่นและน่ารำคาญที่สุด  เธอมีเรื่องทะเลาะกับแม่สามีไม่เว้นแต่ละวัน  สามีของเธอก็ได้แต่เอามือกุมขมับพูดไม่ออก
        วันหนึ่งเธอไปหาเพื่อนของพ่อของเธอที่เป็นพ่อค้าขายสมุนไพร  เธอแค้นแม่ของสามีมากและตั้งใจจะฆ่าเสียให้ตาย  จึงออกปากขอให้เจ้าของร้านจัดยาพิษมาเพื่อเธอจะได้ฆ่าแม่สามีให้ตายสมใจ  เจ้าของร้านนำเอาผงสมุนไพรถุงหนึ่งมาให้เธอ  และบอกกับเธอว่ามันจะช่วยแก้ปัญหาให้กับเธอได้อย่างแน่นอน  แต่ให้เธอค่อยๆใส่ผงสมุนไพรนี้ลงในอาหารให้แม่สามีทานทีละน้อยๆ และเพื่อให้ดูแนบเนียนว่า  เธอไม่ได้เป็นคนวางยาพิษ  ให้เธอช่วยทำอาหารให้แม่สามีและให้เธอทำดีกับแม่สามี  อย่าไปชวนเถียง  ชวนทะเลาะ  เพราะอย่างไรเสียแม่สามีก็จะต้องตายอย่างแน่นอน  ภายในเวลา 1-2 เดือน
        ลูกสะใภ้ดีใจและนำยาพิษนั้นไปผสมอาหารให้กับแม่สามีทุกมื้อ  ในขณะเดียวกันเธอก็พยายามทำดีกับแม่สามีเพื่อที่จะไม้ให้ใครสงสัย  แต่พอทำดีกับแม่สามีไปนานวันเข้า  เธอเริ่มมองเห็นความดีของแม่สามีซึ่งนอกจากจะไม่ด่า  ไม่ว่าเธออีกต่อไปแล้ว  หลายๆครั้งนางยังช่วยเธอทำงานบ้าน  แถมยังแอบไปชมเธอให้เพื่อนบ้านฟังอยู่เรื่อยๆ  หลังจากหนึ่งเดือนผ่านไป  ลูกสะใภ้รู้สึกผิดและไปที่ร้านสมุนไพรอีกครั้งเพื่อขอยาแก้พิษ  แต่เจ้าของร้านกลับบอกว่า  ไม่มียาแก้พิษหรอก  เพราะผงสมุนไพรที่ให้ไปเป็นเพียงยาบำรุงร่างกายเท่านั้น  ส่วนยาพิษนั้นมันอยู่ที่ในใจของเธอต่างหาก  อันได้แก่ความพยาบาท  ความเกลียดชัง  ซึ่งเวลานี้เธอได้ถอนมันออกไปจากใจเธอหมดแล้ว

ข้อคิด 
1.   ความเกลียดชัง อาฆาตพยาบาท  การตอบแทนความชั่วด้วยความชั่ว  นอกจากไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้ว    ยังทำให้เกิดความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
            2. เราทำดีต่อผู้อื่น  เขาก็จะทำดีตอบ   

วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ผู้ได้รับพระพรพิเศษชาวอิรัก

เมื่อเกิดสงครามนองเลือดในตะวันออกกลาง  ในซีเรีย  และในอิรัก  นี่จึงน่าจะเป็นสาเหตุที่พระเยซูเจ้าและแม่พระทรงเลือกสรรบุคคลทั้งสองนี้เป็นพิเศษ >>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

สิ่งควรรู้เกี่ยวกับการนอน

พบว่า คนที่นอนน้อยกว่า 4 ชม. หรือนอนมากกว่า 10 ชม. ต่อคืน เป็นประจำ อาจมีอายุสั้นกว่าคนที่นอนหลับปกติ คนที่นอนไม่เพียงพอนานๆ อาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดเมื่ออายุมากขึ้น และการนอนระหว่าง 21. 00-22.00 น. จะได้ประโยชน์มากที่สุด เพราะโกร๊ธ ฮอร์โมน ( growth homone) หลั่งออกมาอย่างเต็มที่ในช่วง 22.00-24.00 น. ช่วยซ่อมสร้างเซลล์ในร่างกาย และควรนอนให้ได้อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ต่อวัน >>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เด็กที่ฝากผลงานไว้ให้โลก5

Nkosi Johnson
นักสู้เพื่อสิทธิเด็กผู้เกิดมาพร้อม HIV


Johnson เกิดมาในแอฟริกาใต้ เช่นเดียวกับเด็กคนอื่นๆ ที่เกิดมาพร้อม HIV อีกกว่า 70,000 คนในแต่ละปี   แม่ของเขาเสียชีวิตโดยเอดส์ ทำให้อาสาสมัครหญิงดูแลแม่ลูกคู่นี้จึงรับเขามาอยู่ด้วย และเริ่มต้นพาเข้าโรงเรียน ซึ่งคุณแม่บุญธรรมก็ไม่ปิดเรื่องที่ Johnson เป็นเอดส์ ทางโรงเรียนแจ้งว่าจะติดต่อกลับไปอีกที และก็ติดต่อมาจริงๆ เพื่อนัดพูดคุย พบว่าคุณครูและผู้ปกครองครึ่งนึงยอมรับ และอีกครึ่งหนึ่งรู้สึกไม่สบายใจ แต่สุดท้ายเขาได้เข้าเรียนในที่สุด จากนั้นจึงได้เริ่มการเวิร์คช็อปเพื่อสร้างความเข้าใจและให้การยอมรับต่อผู้ติดเชื้อ การกระทำของเขาส่งผลจนรัฐบาลได้ออกนโยบายว่า ต้องให้สิทธิในการศึกษาแก่เด็กผู้ติดเชื้อ ในที่สุด เขาเริ่มเป็นตัวแทนแห่งการเยียวยาผู้ติดเชื้อ การยอมรับและเข้าใจ จนขับเคลื่อนนโยบายของแอฟริกาใต้ในด้านนี้
Nkosi Johnson เสียชีวิตในเช้าตรู่วันที่ 1 มิถุนายน 2001 ท่ามกลางความเสียใจของหลายๆ คน แต่สุนทรพจน์เขาบนงาน International Aids Conference ครั้งที่ 13 ยังคงก้องอยู่ในหัวใจใครหลายๆ คน ด้วยประโยคง่ายๆ ที่ว่า
“Care for us and accept us – we are all human beings,”  
“We are normal. We have hands. We have feet. We can walk, we can talk, we have needs just like everyone else. Don’t be afraid of us – we are all the same.”