พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน 2024 พระเยซูเจ้าทรงปรากฏพระองค์แก่บรรดาศิษย์

           ศิษย์ทั้งสองคนจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตามทางและเล่าว่าตนจำพระองค์ได้เมื่อทรงบิขนมปัง
           ขณะที่บรรดาศิษย์สนทนากันอยู่นั้น พระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่ในหมู่เขา ตรัสว่า ‘สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด’ เขาต่างตกใจกลัว คิดว่าได้เห็นผี แต่พระองค์ตรัสว่า ‘ท่านวุ่นวายใจทำไม เพราะเหตุใดท่านจึงมีความสงสัยในใจ จงดูมือและเท้าของเราซิ เป็นเราเองจริง ๆ จงคลำตัวเราดูเถิด ผีไม่มีเนื้อ ไม่มีกระดูกอย่างที่ท่านเห็นว่าเรามี’ ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงให้เขาดูพระหัตถ์และพระบาท เขายินดีและแปลกใจจนไม่อยากเชื่อ พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า ‘ท่านมีอะไรกินบ้าง’ เขาถวายปลาย่างชิ้นหนึ่งแด่พระองค์ พระองค์ทรงรับมาเสวยต่อหน้าเขา
           หลังจากนั้นพระองค์ตรัสกับเขาว่า ‘นี่คือความหมายของถ้อยคำที่เรากล่าวไว้ขณะที่ยังอยู่กับท่าน ทุกสิ่งที่เขียนไว้เกี่ยวกับเราในธรรมบัญญัติของโมเสส บรรดาประกาศกและเพลงสดุดีจะต้องเป็นความจริง’ แล้วพระองค์ทรงทำให้เขาเกิดปัญญาเข้าใจพระคัมภีร์ ตรัสว่า ‘มีเขียนไว้ดังนี้ว่า พระคริสตเจ้าจะต้องรับทนทรมานและจะกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายในวันที่สาม จะต้องประกาศในพระนามของพระองค์ให้นานาชาติกลับใจเพื่อรับอภัยบาปโดยเริ่มจากกรุงเยรูซาเล็ม ท่านทั้งหลายเป็นพยานถึงเรื่องทั้งหมดนี้‘
(ลูกา 24:35-48)








วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2565

หลักฐานจากไฟชำระ


หตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี 1815 ในสังฆมณฑลเมตซ์,ฝรั่งเศส นางมาร์เกอริต(Margherite Demmerlé) ได้รับการเยี่ยมเยียนโดยวิญญาณที่แนะนำตัวเองว่าเป็นแม่สามีของเธอ วิญญาณกล่าวว่า“ฉันเป็นแม่สามีของเธอที่เสียชีวิตในการคลอดบุตรเมื่อ 30 ปีที่แล้ว” และวิญญาณขอให้มาร์เกอริตไปแสวงบุญที่สักการสถานของแม่พระแห่งมาเรียนทัล(Shrine of Our Lady of Mariental)และขอพิธีมิสซาสองมิสซาที่นั่นอุทิศให้เธอ

ตามคำแนะนำของพระสงฆ์,มาร์เกอริตขอเครื่องหมายเพื่อยืนยันว่าเป็นวิญญาณจริง,วิญญาณจึงวางมือบนหนังสือจำลองแบบพระคริสต์ที่เธอกำลังอ่านอยู่และปรากฏภาพมือพิมพ์อยู่บนหน้ากระดาษที่กำลังเปิดอยู่ วิญญาณกลับมาเยี่ยมมาร์เกอริตอีกครั้งภายหลังการจาริกแสวงบุญและการประกอบพิธีมิสซาอุทิศให้เพื่อขอบคุณมาร์เกอริต และบอกมาร์เกอริตว่าเธอได้รับการปลดปล่อยจากไฟชำระแล้ว ทั้งหมดนี้ถูกบันทึกโดยพระสงฆ์ประจำโบสถ์ในเขตที่อยู่อาศัยของเธอ

หนังสือจำลองแบบพระคริสต์เล่มนั้นเวลานี้จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ไฟชำระที่กรุงโรม,ในโบสถ์ตามรูปข้างล่างนี้

วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2565

ถ้ำคริสต์มาสจำลองที่วาติกัน




          ถ้ำจำลองการประสูติของพระเยซูในวันพระคริสตสมภพถูกสร้างขึ้นที่วาติกัน โดยใช้ไม้จากทางตอนเหนือของอิตาลีนำมาแกะสลักด้วยมือเป็นรูปต่างๆ

วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2565

ทนทุกข์เพื่อผู้อื่น


ผู้หญิงคนหนึ่งไปหาคุณพ่อปีโอและถามท่านว่า: คุณพ่อคะ ช่วยบอกหน่อยว่าทำไมลูกจึงเจ็บป่วยหนักเช่นนี้? ลูกเจ็บป่วยมานาน 30 ปีแล้ว จริงอยู่ที่ลูกยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่ลูกต้องทนต่อความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
 
คุณพ่อปีโอตอบว่า: นั่นเป็นความโปรดปรานที่ยิ่งใหญ่ พระเจ้าได้เลือกให้ลูกทนทุกข์!

ลูกมีพี่น้องสองคนที่ดำเนินชีวิตที่แย่มาก และญาติคนอื่นๆของลูกก็ไม่ได้ประพฤติตนดีนัก เพื่อความรอดของจิตวิญญาณพวกเขา,ลูกจะต้องทนทุกข์อีกสองปี หลังจากนั้นลูกจะหาย จากนั้นลูกจะช่วยวิญญาณคนเหล่านั้นทั้งหมด ความทุกข์ทุกอย่างเป็นความโปรดปราน แม้ว่าเราจะไม่เข้าใจในลักษณะนั้นก็ตาม

นำมาจาก Refugium Peccatorum

วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2565

ทำไมพระเจ้าจึงทรงอนุญาตให้มีความชั่วเกิดขึ้น?


ความชั่วร้ายไม่ได้มาจากพระเจ้า,แต่พระองค์ทรงสร้างโลกที่มีเสรีภาพซึ่งทำให้ความชั่วที่มาจากความบาปเป็นสิ่งที่เป็นไปได้
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2565

ซิสเตอร์ลูซีอา,อามีเลีย,และไฟชำระ


สำหรับฉันแล้ว,ดูเหมือนว่าสิ่งที่ทำให้เราบริสุทธิ์คือความรัก ซึ่งเป็นไฟแห่งความรักอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2565

วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2565

สิ่งที่พระเจ้าขอจากเรา


พระเจ้าไม่ได้ขออะไรจากเรามากมายนัก พระองค์ขอให้เราคิดถึงพระองค์บ้างเท่านั้น ให้เราเคารพเทิดทูนพระองค์สักหน่อย ให้เราวอนขอพระหรรษทานจากพระองค์ในบางครั้ง ถวายความทุกข์ของเราแด่พระองค์ และในบางครั้ง,ขอบคุณสำหรับพระหรรษทานที่พระองค์ประทานให้,ทั้งในอดีตและปัจจุบัน,ในเวลาที่เรายากลำบาก เพื่อปลอบพระทัยพระองค์บ่อยที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ 
  
ขอให้เรายกจิตใจถึงพระองค์บ้างในระหว่างทานอาหารหรืออยู่ที่ทำงาน การระลึกถึงพระองค์แม้เพียงเล็กน้อยก็เป็นที่พอพระทัยพระองค์เป็นที่สุดแล้ว

ไม่จำเป็นที่เราต้องร้องไห้เสียงดัง พระองค์อยู่ใกล้เรามากกว่าที่เราคิด