พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2025 หญิงที่ถูกกล่าวหาว่าทำผิดประเวณี

           พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังภูเขามะกอกเทศ เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พระองค์เสด็จไปในพระวิหารอีก ประชาชนเข้ามาห้อมล้อมพระองค์ พระองค์ประทับนั่ง แล้วทรงเริ่มสั่งสอน บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีนำหญิงคนหนึ่งเข้ามา หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี เขาให้นางยืนตรงกลาง แล้วทูลถามพระองค์ว่า “อาจารย์ หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี ในธรรมบัญญัติ โมเสสสั่งเราให้ทุ่มหินหญิงประเภทนี้จนตาย ส่วนท่านจะว่าอย่างไร” เขาถามพระองค์เช่นนี้ เพื่อทดลองพระองค์ หวังจะหาเหตุปรักปรำพระองค์ แต่พระเยซูเจ้าทรงก้มลง เอานิ้วพระหัตถ์ขีดเขียนที่พื้นดิน เมื่อคนเหล่านั้นยังทูลถามย้ำอยู่อีก พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสว่า “ท่านผู้ใดไม่มีบาป จงเอาหินทุ่มนางเป็นคนแรกเถิด” แล้วทรงก้มลงขีดเขียนบนพื้นดินต่อไป เมื่อคนเหล่านั้นได้ฟังดังนี้ ก็ค่อย ๆ ทยอยออกไปทีละคน เริ่มจากคนอาวุโส จนเหลือแต่พระเยซูเจ้าตามลำพังกับหญิงคนนั้น ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิม พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสกับนางว่า “นางเอ๋ย พวกนั้นไปไหนหมด ไม่มีใครลงโทษท่านเลยหรือ” หญิงคนนั้นทูลตอบว่า “ไม่มีใครเลย พระเจ้าข้า” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราก็ไม่ลงโทษท่านด้วย ไปเถิด และตั้งแต่นี้ไป อย่าทำบาปอีก”
(ยอห์น 8:1-11)








วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

คำขอร้องของแม่พระ


ที่เมดจูกอเรจ์  แม่พระทรงขอให้เราทำ 5 อย่างต่อไปนี้
1.             สวดภาวนา  แม่พระประสงค์ให้เราสวดภาวนา 3 ชั่วโมงต่อวัน  และสวดภาวนาด้วยหัวใจ  หมายถึง ให้สวดด้วยความรัก  ความวางใจ  ความเสียสละ  และความตั้งใจ  เราอาจสวดภาวนาได้หลายรูปแบบ  ได้แก่ 
        -          สวดสายประคำ  แม่พระตรัสว่าสายประคำมีอานุภาพมากในการต่อสู้กับซาตาน  พระนางแนะนำว่าเราควรมีสายประคำติดตัวและใช้อยู่เสมอ  ซาตานจะไม่สามารรถทำอันตรายเราได้ถ้าเรามีสายประคำอยู่ในมือ
        -          บทภาวนาเพื่อสันติภาพ  ได้แก่ บทข้าแต่พระบิดา7บท  บทภาวนาของอัครสาวก  บทวันทามารีย์ และบทสิริพึงมี  ฯลฯ
              -          บทภาวนาในมิสซา  ในพิธีมิสซาเราไม่ควรอยู่นิ่งเฉย  แต่ควรสวดภาวนา  ร้องเพลง และตอบรับ
                     พระสงฆ์
             -          บทนพวารต่างๆ  เช่น  บทภาวนาพระเมตตา  บทภาวนาของนักบุญบริจิด
            -          สนทนากับพระเป็นเจ้าด้วยคำพูดธรรมดาของเราเอง
            -          การทำกิจการต่างๆด้วยความรักและความเมตตา  ซึ่งก็ถือเป็นการสวดภาวนาด้วย
       2.             อดอาหาร  แม่พระขอให้เราอดอาหารในวันพุธและวันศุกร์  จากเที่ยงคืนถึงเที่ยงคืน  โดยทานเพียงขนมปังกับน้ำเท่านั้น  แม่พระตรัสว่านี่เป็น”การอดอาหารที่ดีที่สุด”  จะทานขนมปังและน้ำมากน้อยเพียงใดไม่ใช่เรื่องสำคัญ  ขอแต่เพียงให้เราทำเพื่อพระเป็นเจ้าด้วยความเสียสละ  และเราอาจเพิ่มเติมบางสิ่งได้ด้วยเช่น  งดดูทีวี  อินเตอร์เน็ต ฯลฯ  แม่พระตรัสว่า  “พวกลูกลืมไปแล้วว่า  ด้วยการสวดภาวนาพร้อมด้วยการอดอาหาร  เราสามารถระงับสงคราม และยับยั้ง กฎของธรรมชาติได้”
        3.             สารภาพบาป  แม่พระขอให้เราไปสารภาพบาปกับพระสงฆ์เดือนละครั้ง (หรือบ่อยกว่านั้นก็ได้)   แม่พระตรัสว่า “ใครก็ตามที่ทำบาปหนักตลอดชีวิตของเขา  สามารถตรงไปสวรรค์ได้  ถ้าหากเขาสารภาพบาป  ด้วยความทุกข์เสียใจในบาปที่ตนทำอย่างจริงใจ  และรับศีลมหาสนิทในวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของเขา” ( 24 มิ.ย. 1982)  “อย่าไปสารภาพบาปเพราะความเคยชิน  หลังจากนั้นก็ดำเนินชีวิตแบบเดิม  อย่าทำอย่างนั้น  มันไม่เป็นสิ่งที่ดี  การสารภาพบาปควรกระตุ้นความเชื่อของลูก  และทำให้ลูกเข้าใกล้พระเยซูเจ้ามากยิ่งขึ้น  ถ้าการสารภาพบาปมิได้มีความหมายต่อลูก  การที่ลูกจะกลับใจก็เป็นสิ่งที่ยากมาก” (7 พ.ย. 1983)
        4.             อ่านพระคัมภีร์  ในการประจักษ์มาครั้งหนึ่ง  แม่พระตรัสเกี่ยวกับพระคัมภีร์  พระนางทรงกรรแสงตรัสว่า “พวกลูกลืมหนังสือพระคัมภีร์เสียแล้ว”  หนังสือพระคัมภีร์ไม่เหมือนหนังสืออื่นๆ  เพราะ “พระคัมภีร์ถูกเขียนขึ้นด้วยการดลใจของพระจิตเจ้า  พระเป็นเจ้าเองทรงเป็นผู้เขียนพระคัมภีร์”  แม่พระตรัสว่า “ลูกที่รัก  แม่ขอให้ลูกอ่านพระคัมภีร์ทุกๆวันในบ้านของลูก  และนำหนังสือพระคัมภีร์มาวางไว้ในที่สามารถเห็นได้ชัดเจน  เพื่อเป็นการเตือนใจให้ลูกอ่านพระคัมภีร์และสวดภาวนา” (18 ต.ค. 1984)
        5.             ร่วมพิธีมิสซา  แม่พระขอร้องให้เราไปร่วมพิธีมิสซาวันอาทิตย์  และทุกวันถ้าทำได้  แม่พระตรัสแก่ผู้ที่ประจักษ์ว่า  ถ้าให้เลือกระหว่างการมาพบแม่พระกับการไปร่วมพิธีมิสซา  พวกเขาต้องเลือกที่จะไปร่วมพิธีมิสซา  มารีจาแจ้งต่อเราว่า  แม่พระขอให้เราถือว่า “มิสซาเป็นรูปแบบของการสวดภาวนาขั้นสูงสุด” และ “เป็นศูนย์กลางแห่งชีวิตของพวกเรา”  “พิธีมิสซาเป็นการสวดภาวนาต่อพระเป็นเจ้าที่สำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุด  ลูกไม่อาจเข้าใจถึงความยิ่งใหญ่นี้ได้  เพราะเหตุนี้ลูกจึงต้องดีพร้อมและถ่อมตนในการร่วมพิธีมิสซา  ลูกต้องเตรียมตัวลูกให้ดีก่อนร่วมพิธีมิสซา” (1983)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น