พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2025 จงรักเพื่อนมนุษย์ รักแม้กระทั่งศัตรู

           “แต่เรากล่าวกับท่านทั้งหลายที่กำลังฟังอยู่ว่า จงรักศัตรู จงทำดีต่อผู้ที่เกลียดชังท่าน จงอวยพรผู้ที่สาปแช่งท่าน จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่ทำร้ายท่าน ผู้ใดตบแก้มท่านข้างหนึ่ง จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาตบด้วย ผู้ใดเอาเสื้อคลุมของท่านไป จงปล่อยให้เขาเอาเสื้อยาวไปด้วย จงให้แก่ทุกคนที่ขอท่าน และอย่าทวงของของท่านคืนจากผู้ที่ได้แย่งไป ท่านอยากให้เขาทำต่อท่านอย่างไร ก็จงทำต่อเขาอย่างนั้นเถิด ถ้าท่านรักเฉพาะผู้ที่รักท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังรักผู้ที่รักเขาด้วย ถ้าท่านทำดีเฉพาะต่อผู้ที่ทำดีต่อท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังทำเช่นนั้นด้วย ถ้าท่านให้ยืมเงินโดยหวังจะได้คืน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าได้อย่างไร
           คนบาปก็ให้คนบาปด้วยกันยืมโดยหวังจะได้เงินคืนจำนวนเท่ากัน แต่ท่านจงรักศัตรู จงทำดีต่อเขา จงให้ยืมโดยไม่หวังอะไรกลับคืนแล้วบำเหน็จรางวัลของท่านจะใหญ่ยิ่ง ท่านจะเป็นบุตรของพระผู้สูงสุด เพราะพระองค์ทรงพระกรุณาต่อคนอกตัญญูและต่อคนชั่วร้าย
           จงเป็นผู้เมตตากรุณาดังที่พระบิดาของท่านทรงพระเมตตากรุณาเถิด อย่าตัดสินเขาแล้วพระเจ้าจะไม่ทรงตัดสินท่าน อย่ากล่าวโทษเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน จงให้อภัยเขาแล้วพระเจ้าจะทรงให้อภัยท่าน จงให้ แล้วพระเจ้าจะประทานแก่ท่าน ท่านจะได้รับเต็มสัดเต็มทะนานอัดแน่นจนล้น เพราะว่าท่านใช้ทะนานใดตวงให้เขา พระเจ้าก็จะทรงใช้ทะนานนั้นตวงตอบแทนให้ท่านด้วย”
(ลูกา 6:27-38)








วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2557

ห้ามทานเนื้อในเทศกาลมหาพรต

น.โทมัส อควินัสได้ให้เหตุผลทางเทววิทยาในการห้ามทานเนื้อในเทศกาลมหาพรตดังนี้
1. พระคริสต์ทรงมอบพระกายของพระองค์เพื่อพวกเราทุกคนบนไม้กางเขน  พระคริสต์ทรงมอบเนื้อของพระองค์แก่พวกเรา  ดังนั้นเราก็ไม่ควรทานเนื้อเพื่อระลึกถึงพระองค์
2. ประการที่สองนี้ น.โทมัสอธิบายยาวหน่อย 
            พระศาสนจักรได้กำหนดกฏเกณฑ์ในเรื่องการอดเนื้อในวันศุกร์ตลอดปี และ ในวันพุธและวันศุกร์ในระหว่างมหาพรต  เพื่อระงับความพึงพอใจในเรื่องอาหารและเรื่องทางเพศ  และเนื้อเป็นอาหารที่ให้ความพึงพอใจมากที่สุดและชักนำให้เกิดความลุ่มหลงมากที่สุด
                เนื้อของสัตว์ทุกชนิดที่หายใจในอากาศบนพื้นพิภพรวมทั้งผลิตภัณฑ์ของมัน  อันได้แก่ นมของสัตว์บก  ไข่ของนก  ร่างกายของสัตว์เหล่านี้มีความคล้ายคลึงกับร่างกายของมนุษย์มากกว่าสัตว์ประเภทอื่น  และให้ความพึงพอใจเมื่อถูกทำเป็นอาหาร  ช่วยบำรุงร่างกายมนุษย์ได้ดีที่สุด  มันจึงเป็นสิ่งที่ตอบสนองต่อตัณหาของมนุษย์มากที่สุด  ดังนั้นพระศาสนจักรจึงห้ามทานอาหารที่ทำมาจากสัตว์บก
             ดังนั้นอาหารที่ทำจากสัตว์เลือดอุ่นจึงให้ความพึงพอใจมากกว่าสัตว์ที่ทำจากสัตว์เลือดเย็น  น.โทมัส ได้เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของความพึงพอใจที่รับจากอาหารไปสู่ความความพึงพอใจจากเรื่องทางเพศ
             น.โทมัสให้เหตุผลว่า  อาหารของเรามีผลต่อราคะตัณหาของเรา
             และหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ก็สนับสนุนคำอธิบายนี้  ระดับของฮอร์โมนเทสโตสเตโรนที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้นด้วย  ถ้าเราต้องการให้ฮอร์โมนนี้สูงขึ้น  ก็ให้ทานเนื้อแดงและเนื้อติดมัน  มหาวิทยาลัยฮารวาร์ดได้ทดลองและพบว่าผู้หญิงจะมีภาวะตอบสนองต่อการเจริญพันธุ์เมื่อดื่ม นมวัวที่มีไขมัน
             แล้วจะลดระดับฮอร์โมนนี้ได้อย่างไร?  ให้ทานผักสลัด  ถั่วเหลือง  น้ำตาล  ผักต่างๆ และ ปลา  และงดทานเนื้อและผลิตภัณฑ์จากนม
             แล้วอาหารพวกกุ้งลอบสเตอร์หรือหอยนางรมล่ะ?
             น.โทมัสกล่าวถึงปัญหานี้ว่า”ยิ่งกว่านั้น  ปลาบางชนิดก็ให้ความอเร็ดอร่อยเช่นเดียวกับเนื้อสัตว์  และราคะตัณหาก็ปรารถนาความอเร็ดอร่อยเหมือนกับที่ได้กล่าวมาแล้ว (I-II, 30, 1).”
             แล้วไวน์ล่ะ?
            ไวน์ก็เช่นเดียวกัน  แต่พระศาสนจักรไม่ได้ห้ามดื่มไวน์ราคาแพงในระหว่างเทศกาลมหาพรต  แต่การดื่มก็ถือว่าขัดกับจิตตารมณ์ของมหาพรต  พระศาสนจักรกำหนดกฎเกณฑ์ในระดับที่ต่ำที่สุด  ความรักส่งเสริมให้เราทำการเสียสละบางสิ่งบางอย่างบ้างเพื่อเป็นการใช้โทษบาป  แล้วพระคริสต์จะทรงมอบความชื่นชมยินดีและพระหรรษทานจากดวงพระทัยของพระองค์มาให้แก่จิตวิญญาณของเรา  คนส่วนมากคงไม่ได้ทานกุ้งลอบสเตอร์  แต่อาจจะทานเนื้อ  พระศาสนจักรปรารถนาให้เราทำการเสียสละบางอย่างบ้างในวันศุกร์  และใครจะรู้  การงดทานเนื้ออาจทำให้คุณผอมลงพอที่จะเข้าสู่ทางแคบๆได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น