พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม 2024 พระเยซูเจ้าทรงรักเราและดำรงอยู่ในเรา

           พระบิดาของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รักท่านทั้งหลายอย่างนั้น จงดำรงอยู่ในความรักของเราเถิด ถ้าท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา ท่านก็จะดำรงอยู่ในความรักของเรา เหมือนกับที่เราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระบิดาของเรา และดำรงอยู่ในความรักของพระองค์ เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราอยู่กับท่าน และความยินดีของท่านจะสมบูรณ์ นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกันเหมือนดังที่เรารักท่าน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย ท่านทั้งหลายเป็นมิตรสหายของเราถ้าท่านทำตามที่เราสั่งท่าน เราไม่เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ว่านายของตนทำอะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหายเพราะเราแจ้งให้ท่านรู้ทุกสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระบิดาของเรา มิใช่ท่านทั้งหลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจให้ท่านไปทำจนเกิดผล และผลของท่านจะคงอยู่ เพื่อว่าท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระบิดาจะประทานแก่ท่าน เราสั่งท่านทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน
(ยอห์น 15:9-17)








วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พระสันตปาปากับฟาติมา


เมื่อปลายเดือนเมษายนนี้  พระสันตปาปาฟรังซิสได้เสด็จไปที่ฟาติมา เพื่อฉลองครบรอบ 100 ปีของการประจักษ์ของแม่พระ 
เดือนพฤษภาคมเป็นเดือนที่เราระลึกถึงแม่พระแห่งฟาติมา  มีการส่งพระรูปแม่พระแห่งฟาติมาไปที่วาติกันและพระสันตะปาปาทรงถวายความเคารพต่อพระรูปแม่พระ  พระองค์ทรงคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับสาส์นแห่งฟาติมา? ทำไมดูเหมือนว่าแม่พระแห่งฟาติมามีความสำคัญพิเศษต่อพระองค์  เช่นเดียวกับพระสันตปาปาองค์ก่อนสองพระองค์?
เหตุการณ์อัศจรรย์ที่ฟาติมาในปี 1917 เกิดขึ้น ในเวลาที่โลกกำลังเข้าสู่ศตวรรษที่ 20  ศตวรรษที่เกิดสงครามโลกสองครั้ง  เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จำนวนมากมาย  มีการประดิษฐ์อาวุธนิวเคลียร์ และเทคโนโลยี่ใหม่ๆมากมายกำเนิดขึ้นซึ่งเปลี่ยนแปลงโลกและเผ่าพันธุ์มนุษย์
ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2013 พระคาร์ดินัลแห่งลิสบอนได้ประกอบพิธีถวายสมณะสมัยของพระสันตปาปาฟรังซิสแด่แม่พระแห่งฟาติมา  และท่านได้สวดภาวนาเพื่อพระสันตะปาปาขอให้พระองค์ “ได้รับพระพรที่จะรู้ถึงหนทางที่จะฟื้นฟูพระศาสนจักรขึ้นใหม่” และขอให้พระองค์ได้รับการปกป้อง “ในเวลาแห่งความยุ่งยากและเป็นทุกข์ เ พื่อที่พระองค์จะได้มีชัยชนะในความรักต่อการทดลองเพื่อนำพระศาสนจักรไปสู่การฟื้นฟู”   และ 5 เดือนต่อมา  พระสันตปาปาฟรังซิสก็ทรงถวายโลกแด่แม่พระแห่งฟาติมาในวันที่ 13 ตุลาคม 2013
พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 เสด็จเยือนฟาติมาสามครั้ง และในปี 2000 ทรงประกาศให้ฟรังซิสโกและยาชินทาเป็นบุญราศี  ทั้งทรงถวายสหัสวรรษที่สามแด่ดวงหทัยนิรมลของพระนางมารีย์เบื้องหน้าพระรูปแม่พระแห่งฟาติมา  ในวันอาทิตย์ที่ 8 ตุลาคม 2000 โดยมีพระสังฆราช 1,400 องค์ร่วมพิธีมิสซาพระคุณการุณย์ยูบีลี
พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงสนับสนุนฟาติมาและได้เสด็จเยี่ยมในเดือน พ.ค. 2010 ครั้งนั้นพระองค์ตรัสว่า “พวกเราเข้าใจผิดที่คิดว่าคำทำนายแห่งฟาติมาสำเร็จสมบูรณ์แล้ว”
มีเรื่องราวที่รู้จักกันดีเกี่ยวกับนิมิตของพระสันตปาปาเลโอที่ 13   พระองค์ได้ยินซาตานพูดเบื้องพระพักตร์พระเป็นเจ้าว่า  ถ้าหากมันมีเวลา 100 ปี  มันจะสามารถทำลายพระศาสนจักรได้  และเป็นที่น่าสังเกตุว่าวันนั้นคือวันที่ 13 ตุลาคม 1884  วันซึ่งตรงกันอย่างน่าประหลาดใจ
13 พ.ค. 1917 แม่พระประจักษ์ที่ฟาติมาครั้งแรก
13 ต.ค. 1917 เกิดอัศจรรย์ดวงอาทิตย์ที่ฟาติมา
13 พ.ค. 1981 พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ถูกลอบปลงพระชนม์
13 ต.ค. 2013 พระสันตปาปาฟรังซิสถวายโลกแด่แม่พระแห่งฟาติมา
เป็นไปได้ไหมที่ระยะเวลาที่เราดำรงชีวิตอยู่นี้คือระยะเวลาที่ซาตานพยายามทำลายพระศาสนจักร? ถ้าเป็นดังนั้นเวลานั้นกำลังสิ้นสุดลงในปี 2017 ใช่ไหม?  นี่จะทำให้การที่พระสันตปาปาเสด็จเยี่ยมฟาติมาในปี 2017 เป็นเวลาที่สำคัญเป็นพิเศษหรือไม่?
            เมื่อพระสันตปาปาฟรังซิสประกอบพิธีฉลองในวันที่ 13 ต.ค. 2013 พระองค์ตรัสว่า “พระรูปแม่พระซึ่งมาจากฟาติมานี้ ทำให้เรารู้สึกว่าพระนางประทับอยู่ท่ามกลางพวกเรา  แม่พระทรงนำพวกเราไปหาพระเยซูเจ้าเสมอ...ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพระเมตตาของพระเป็นเจ้า  แม้แต่เงื่อนปมที่ยุ่งยากที่สุดก็หลุดได้โดยพระหรรษทานของพระองค์  และพระนางมารีย์ผู้ขานรับ “ได้ค่ะ” ต่อพระประสงค์ของพระเป็นเจ้า  ก็ได้เปิดประตูให้แด่พระเป็นเจ้าเพื่อทรงกำจัดเงื่อนปมของความไม่นบนอบเชื่อฟังในอดีตกาลให้หมดสิ้นไป  ความรักและความอดทนของพระนางที่มีต่อพวกเราที่ได้นำพวกเราไปสู่พระเป็นเจ้า  เพื่อที่พระองค์จะทรงกำจัดเงื่อนปมที่แน่นหนาในวิญญาณของเราโดยอาศัยพระเมตตาของพระองค์”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น