พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2025 หญิงที่ถูกกล่าวหาว่าทำผิดประเวณี

           พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังภูเขามะกอกเทศ เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พระองค์เสด็จไปในพระวิหารอีก ประชาชนเข้ามาห้อมล้อมพระองค์ พระองค์ประทับนั่ง แล้วทรงเริ่มสั่งสอน บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีนำหญิงคนหนึ่งเข้ามา หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี เขาให้นางยืนตรงกลาง แล้วทูลถามพระองค์ว่า “อาจารย์ หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี ในธรรมบัญญัติ โมเสสสั่งเราให้ทุ่มหินหญิงประเภทนี้จนตาย ส่วนท่านจะว่าอย่างไร” เขาถามพระองค์เช่นนี้ เพื่อทดลองพระองค์ หวังจะหาเหตุปรักปรำพระองค์ แต่พระเยซูเจ้าทรงก้มลง เอานิ้วพระหัตถ์ขีดเขียนที่พื้นดิน เมื่อคนเหล่านั้นยังทูลถามย้ำอยู่อีก พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสว่า “ท่านผู้ใดไม่มีบาป จงเอาหินทุ่มนางเป็นคนแรกเถิด” แล้วทรงก้มลงขีดเขียนบนพื้นดินต่อไป เมื่อคนเหล่านั้นได้ฟังดังนี้ ก็ค่อย ๆ ทยอยออกไปทีละคน เริ่มจากคนอาวุโส จนเหลือแต่พระเยซูเจ้าตามลำพังกับหญิงคนนั้น ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิม พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสกับนางว่า “นางเอ๋ย พวกนั้นไปไหนหมด ไม่มีใครลงโทษท่านเลยหรือ” หญิงคนนั้นทูลตอบว่า “ไม่มีใครเลย พระเจ้าข้า” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราก็ไม่ลงโทษท่านด้วย ไปเถิด และตั้งแต่นี้ไป อย่าทำบาปอีก”
(ยอห์น 8:1-11)








วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พระสันตปาปากับฟาติมา


เมื่อปลายเดือนเมษายนนี้  พระสันตปาปาฟรังซิสได้เสด็จไปที่ฟาติมา เพื่อฉลองครบรอบ 100 ปีของการประจักษ์ของแม่พระ 
เดือนพฤษภาคมเป็นเดือนที่เราระลึกถึงแม่พระแห่งฟาติมา  มีการส่งพระรูปแม่พระแห่งฟาติมาไปที่วาติกันและพระสันตะปาปาทรงถวายความเคารพต่อพระรูปแม่พระ  พระองค์ทรงคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับสาส์นแห่งฟาติมา? ทำไมดูเหมือนว่าแม่พระแห่งฟาติมามีความสำคัญพิเศษต่อพระองค์  เช่นเดียวกับพระสันตปาปาองค์ก่อนสองพระองค์?
เหตุการณ์อัศจรรย์ที่ฟาติมาในปี 1917 เกิดขึ้น ในเวลาที่โลกกำลังเข้าสู่ศตวรรษที่ 20  ศตวรรษที่เกิดสงครามโลกสองครั้ง  เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จำนวนมากมาย  มีการประดิษฐ์อาวุธนิวเคลียร์ และเทคโนโลยี่ใหม่ๆมากมายกำเนิดขึ้นซึ่งเปลี่ยนแปลงโลกและเผ่าพันธุ์มนุษย์
ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2013 พระคาร์ดินัลแห่งลิสบอนได้ประกอบพิธีถวายสมณะสมัยของพระสันตปาปาฟรังซิสแด่แม่พระแห่งฟาติมา  และท่านได้สวดภาวนาเพื่อพระสันตะปาปาขอให้พระองค์ “ได้รับพระพรที่จะรู้ถึงหนทางที่จะฟื้นฟูพระศาสนจักรขึ้นใหม่” และขอให้พระองค์ได้รับการปกป้อง “ในเวลาแห่งความยุ่งยากและเป็นทุกข์ เ พื่อที่พระองค์จะได้มีชัยชนะในความรักต่อการทดลองเพื่อนำพระศาสนจักรไปสู่การฟื้นฟู”   และ 5 เดือนต่อมา  พระสันตปาปาฟรังซิสก็ทรงถวายโลกแด่แม่พระแห่งฟาติมาในวันที่ 13 ตุลาคม 2013
พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 เสด็จเยือนฟาติมาสามครั้ง และในปี 2000 ทรงประกาศให้ฟรังซิสโกและยาชินทาเป็นบุญราศี  ทั้งทรงถวายสหัสวรรษที่สามแด่ดวงหทัยนิรมลของพระนางมารีย์เบื้องหน้าพระรูปแม่พระแห่งฟาติมา  ในวันอาทิตย์ที่ 8 ตุลาคม 2000 โดยมีพระสังฆราช 1,400 องค์ร่วมพิธีมิสซาพระคุณการุณย์ยูบีลี
พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงสนับสนุนฟาติมาและได้เสด็จเยี่ยมในเดือน พ.ค. 2010 ครั้งนั้นพระองค์ตรัสว่า “พวกเราเข้าใจผิดที่คิดว่าคำทำนายแห่งฟาติมาสำเร็จสมบูรณ์แล้ว”
มีเรื่องราวที่รู้จักกันดีเกี่ยวกับนิมิตของพระสันตปาปาเลโอที่ 13   พระองค์ได้ยินซาตานพูดเบื้องพระพักตร์พระเป็นเจ้าว่า  ถ้าหากมันมีเวลา 100 ปี  มันจะสามารถทำลายพระศาสนจักรได้  และเป็นที่น่าสังเกตุว่าวันนั้นคือวันที่ 13 ตุลาคม 1884  วันซึ่งตรงกันอย่างน่าประหลาดใจ
13 พ.ค. 1917 แม่พระประจักษ์ที่ฟาติมาครั้งแรก
13 ต.ค. 1917 เกิดอัศจรรย์ดวงอาทิตย์ที่ฟาติมา
13 พ.ค. 1981 พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ถูกลอบปลงพระชนม์
13 ต.ค. 2013 พระสันตปาปาฟรังซิสถวายโลกแด่แม่พระแห่งฟาติมา
เป็นไปได้ไหมที่ระยะเวลาที่เราดำรงชีวิตอยู่นี้คือระยะเวลาที่ซาตานพยายามทำลายพระศาสนจักร? ถ้าเป็นดังนั้นเวลานั้นกำลังสิ้นสุดลงในปี 2017 ใช่ไหม?  นี่จะทำให้การที่พระสันตปาปาเสด็จเยี่ยมฟาติมาในปี 2017 เป็นเวลาที่สำคัญเป็นพิเศษหรือไม่?
            เมื่อพระสันตปาปาฟรังซิสประกอบพิธีฉลองในวันที่ 13 ต.ค. 2013 พระองค์ตรัสว่า “พระรูปแม่พระซึ่งมาจากฟาติมานี้ ทำให้เรารู้สึกว่าพระนางประทับอยู่ท่ามกลางพวกเรา  แม่พระทรงนำพวกเราไปหาพระเยซูเจ้าเสมอ...ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพระเมตตาของพระเป็นเจ้า  แม้แต่เงื่อนปมที่ยุ่งยากที่สุดก็หลุดได้โดยพระหรรษทานของพระองค์  และพระนางมารีย์ผู้ขานรับ “ได้ค่ะ” ต่อพระประสงค์ของพระเป็นเจ้า  ก็ได้เปิดประตูให้แด่พระเป็นเจ้าเพื่อทรงกำจัดเงื่อนปมของความไม่นบนอบเชื่อฟังในอดีตกาลให้หมดสิ้นไป  ความรักและความอดทนของพระนางที่มีต่อพวกเราที่ได้นำพวกเราไปสู่พระเป็นเจ้า  เพื่อที่พระองค์จะทรงกำจัดเงื่อนปมที่แน่นหนาในวิญญาณของเราโดยอาศัยพระเมตตาของพระองค์”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น