พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2025 จงรักเพื่อนมนุษย์ รักแม้กระทั่งศัตรู

           “แต่เรากล่าวกับท่านทั้งหลายที่กำลังฟังอยู่ว่า จงรักศัตรู จงทำดีต่อผู้ที่เกลียดชังท่าน จงอวยพรผู้ที่สาปแช่งท่าน จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่ทำร้ายท่าน ผู้ใดตบแก้มท่านข้างหนึ่ง จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาตบด้วย ผู้ใดเอาเสื้อคลุมของท่านไป จงปล่อยให้เขาเอาเสื้อยาวไปด้วย จงให้แก่ทุกคนที่ขอท่าน และอย่าทวงของของท่านคืนจากผู้ที่ได้แย่งไป ท่านอยากให้เขาทำต่อท่านอย่างไร ก็จงทำต่อเขาอย่างนั้นเถิด ถ้าท่านรักเฉพาะผู้ที่รักท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังรักผู้ที่รักเขาด้วย ถ้าท่านทำดีเฉพาะต่อผู้ที่ทำดีต่อท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังทำเช่นนั้นด้วย ถ้าท่านให้ยืมเงินโดยหวังจะได้คืน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าได้อย่างไร
           คนบาปก็ให้คนบาปด้วยกันยืมโดยหวังจะได้เงินคืนจำนวนเท่ากัน แต่ท่านจงรักศัตรู จงทำดีต่อเขา จงให้ยืมโดยไม่หวังอะไรกลับคืนแล้วบำเหน็จรางวัลของท่านจะใหญ่ยิ่ง ท่านจะเป็นบุตรของพระผู้สูงสุด เพราะพระองค์ทรงพระกรุณาต่อคนอกตัญญูและต่อคนชั่วร้าย
           จงเป็นผู้เมตตากรุณาดังที่พระบิดาของท่านทรงพระเมตตากรุณาเถิด อย่าตัดสินเขาแล้วพระเจ้าจะไม่ทรงตัดสินท่าน อย่ากล่าวโทษเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน จงให้อภัยเขาแล้วพระเจ้าจะทรงให้อภัยท่าน จงให้ แล้วพระเจ้าจะประทานแก่ท่าน ท่านจะได้รับเต็มสัดเต็มทะนานอัดแน่นจนล้น เพราะว่าท่านใช้ทะนานใดตวงให้เขา พระเจ้าก็จะทรงใช้ทะนานนั้นตวงตอบแทนให้ท่านด้วย”
(ลูกา 6:27-38)








วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ปูตินวิจารณ์โลกตะวันตก


MOSCOW — ในสงครามเย็นระหว่างอเมริกากับโซเวียตรัสเซีย  กลุ่มหัวอนุรักษ์นิยมชาวอเมริกันเรียกสหภาพโซเวียตว่าเป็น “ประเทศที่ไม่มี พระเจ้า”
มากกว่าสองศตวรรษผ่านไป  ประวัติศาสตร์ก็กลับมาซ้ำรอยเดิม  ขณะที่เครมลินได้ประสานร่วมมือกับศาสนจักรออร์โธดอกซ์  ทางฝากฝั่งตะวันตก อันได้แก่ยุโรปและอเมริกาก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน
ประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซียกล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า “หลายประเทศใน ยูโร-แอตแลนติก (ประเทศยุโรปและอเมริกา)  ได้ละทิ้งรากฐานของตนเอง อันได้แก่  คุณค่าของคริสตศาสนา”
“นโยบายหลายอย่างมุ่งไปที่การมีครอบครัวที่รับลูกมาเลี้ยงหลายคนจากเชื้อชาติต่างๆกัน  และการอยู่กินของเพศเดียวกัน  ไม่เชื่อในพระเจ้าแต่เชื่อในซาตาน  สิ่งเหล่านี้เป็นหนทางแห่งความเสื่อมถอย”
ปูตินได้กล่าวสุนทรพจน์ดังกล่าวต่อคนในประเทศเมื่อกลางเดือนธันวาคม  ปูตินยังกล่าวว่า  รัสเซียเป็นประเทศที่ปกป้อง “คุณค่าของวัฒนธรรม” และต่อต้านสิ่งที่ทางตะวันตกได้ทรยศต่อการอนุรักษ์สังคมและศาสนา  เขายืนยันว่าสิ่งที่รัสเซียทำอยู่นี้เป็นหนทางเดียวที่จะปกป้องโลกจากการตกไปสู่ “ความมืดมนอลเวง”
                ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งในการปกป้อง “คุณค่าของคริสตศาสนา”  รัสเซียได้ออกกฏหมายต่อต้าน “การโฆษณาชวนเชื่อของพวกรักร่วมเพศ”  และกฎหมายอื่นๆที่เป็นการดูหมิ่นศาสนาของผู้มีความเชื่อทั้งหลาย
                กฏหมายเกี่ยวกับความอ่อนไหวของศาสนาถูกบัญญัติขึ้นเนื่องมาจากมีการเดินขบวนประท้วงในอาสนวิหารที่ใหญ่ที่สุดในกรุงมอสโคว  นำโดยกลุ่มพังก์ร็อคสตรีที่ต่อต้านศาสนจักรออร์โธดอกซ์ซี่งปูตินให้การสนับสนุนอยู่  ทางเครมลินได้ออกรายการโทรทัศน์กล่าวหาว่ากลุ่ม “ลัทธิปีศาจ”นี้ ได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก “ชาวอเมริกันบางคน”  Patriarch Kirill I แห่งมอสโคว ผู้เป็นผู้นำของศาสนจักรออร์โธดอกซ์ ได้กล่าวหาประเทศตะวันตกที่มายุ่งกับ “การปลดเปลื้องทางจิตวิญญาณ” ของประชาชนของท่าน
Patriarch Kirill ได้วิจารณ์กฎหมายของประเทศยุโรปหลายประเทศที่ไม่ยอมให้ผู้มีความเชื่อแสดงสัญลักษณ์ทางศาสนาในที่สาธารณะซึ่งได้แก่ไม้กางเขนและสร้อยคอศาสนภัณฑ์ต่างๆ เป็นต้น
 “ทิศทางทางการเมืองโดยทั่วไปของทางฝั่งตะวันตกนั้น  เป็นปฏิปักษ์ต่อคริสต์ศาสนาโดยไม่ต้องสงสัย และแอนตี้คุณลักษณะต่างๆของศาสนา”
“เราเคยผ่านเหตุการณ์ของการไม่มีความเชื่อในพระเป็นเจ้ามาก่อน  และเรารู้ว่าเป็นเช่นไรในการมีชีวิตอยู่โดยปราศจากพระเป็นเจ้า”
“เราต้องการร้องตะโกนบอกโลกทั้งมวลว่า จงหยุด
มีการวิพากษ์วิจารณ์ตะวันตกจากทางศาสนจักรออร์โธดอกซ์อีก  อย่างเช่น พระสงฆ์ที่ชื่อ Vsevolod Chaplin ผู้เป็นประชาสัมพันธ์ของศาสนจักร  ท่านเหน็บแนมว่า โลกตะวันตกสมัยใหม่นั้นก็ไม่ดีไปกว่าสหภาพโซเวียตในสมัยก่อนในเรื่องที่เกี่ยวกับคริสตชนผู้มีความเชื่อ”
ในสมัยโซเวียต ได้มีการประหารชีวิตพระสงฆ์นักบวชและผู้มีความเชื่อไปประมาณ 200,000 คนตั้งแต่ปี 1917 ถึง 1937  ตัวเลขนี้นำมาจากรายงานการประชุมต่อประธานาธิบดีในปี 1995  มีโบสถ์นับพันแห่งที่ถูกทำลาย  โบสถ์ที่ไม่ถูกทำลายก็ถูกเปลี่ยนเป็นโกดังเก็บสินค้า  โรงรถ  หรือพิพิทธภัณฑ์ของลัทธิไม่นับถือพระเจ้า
พระสงฆ์ท่านนี้กล่าวว่า “การแยกศาสนจักรออกจากอาณาจักรเป็นความผิดพลาดของทางตะวันตก  มันเป็นปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่ที่เกิดกับทางตะวันตกที่เจริญแล้วเท่านั้นและมันจะฆ่าตะวันตกทั้งในด้านการเมืองและศีลธรรม”
นโยบายส่งเสริมคุณค่าวัฒนธรรมของทางเครมลินทำให้เกิดความตื่นตัวของออร์โธดอกซ์ และทำให้เกิดกลุ่ม Union of Orthodox Banner Bearers  ซึ่งเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยมสุดขีดที่มีสโลแกนว่า “ออร์โธดอกซ์หรือไม่ก็ความตาย”
Patriarch Kirill ได้กล่าวสรรเสริญผู้นำกลุ่มนี้  ที่ได้รับใช้พระศาสนจักรออร์โธดอกซ์  กลุ่มนี้แต่งกายด้วยชุดดำมีรูปโครงกระดูกประดับที่ชุด  พวกเขาจะเผชิญหน้ากับกลุ่มเกย์และกลุ่มเสรีนิยมตามท้องถนนในกรุงมอสโคว
นาย Yevgeny Bazhanov ผู้เป็นอธิบดีว่าการกระทรวงต่างประเทศได้เขียนบทความเมื่อไม่นานมานี้ว่า “คุณค่าของฝั่งตะวันตก  จากลัทธิเสรีนิยมที่ยอมรับสิทธิทางเพศของคนกลุ่มน้อย  และจากความต้องการของคาทอลิกและโปรแตสแตนท์ให้ลดหย่อนการลงโทษต่อนักโทษประหารซึ่งเป็นฆาตกร  ได้สร้างความประหลาดใจให้แก่พวกเราเป็นอย่างยิ่ง”
ในการทำโพลล์ระบุว่า  ชาวรัสเซีย 70 เปอร์เซ็นต์บอกว่าเขาเป็นคริสตชนออร์โธดอกซ์  และผู้ที่เห็นต่างในอดีตได้เรียกร้องให้ทางศาสนจักรแสดงบทบาทในการเป็นคนกลางระหว่างเครมลินกับผู้ประท้วง
“เพราะปูตินได้กลายมาเป็นอนุรักษ์นิยม  จึงทำให้ทางศาสนจักรมีความกล้ามากขึ้น  ปูตินไม่ได้เข้าข้างทางศาสนจักรมากเกินไป  แต่จะพูดเน้นถึงคุณค่าของวัฒนธรรม  เขาจึงได้รับความนิยมและการสนับสนุนจากทางศาสนจักร”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น