พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2025 หญิงที่ถูกกล่าวหาว่าทำผิดประเวณี

           พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังภูเขามะกอกเทศ เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พระองค์เสด็จไปในพระวิหารอีก ประชาชนเข้ามาห้อมล้อมพระองค์ พระองค์ประทับนั่ง แล้วทรงเริ่มสั่งสอน บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีนำหญิงคนหนึ่งเข้ามา หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี เขาให้นางยืนตรงกลาง แล้วทูลถามพระองค์ว่า “อาจารย์ หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี ในธรรมบัญญัติ โมเสสสั่งเราให้ทุ่มหินหญิงประเภทนี้จนตาย ส่วนท่านจะว่าอย่างไร” เขาถามพระองค์เช่นนี้ เพื่อทดลองพระองค์ หวังจะหาเหตุปรักปรำพระองค์ แต่พระเยซูเจ้าทรงก้มลง เอานิ้วพระหัตถ์ขีดเขียนที่พื้นดิน เมื่อคนเหล่านั้นยังทูลถามย้ำอยู่อีก พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสว่า “ท่านผู้ใดไม่มีบาป จงเอาหินทุ่มนางเป็นคนแรกเถิด” แล้วทรงก้มลงขีดเขียนบนพื้นดินต่อไป เมื่อคนเหล่านั้นได้ฟังดังนี้ ก็ค่อย ๆ ทยอยออกไปทีละคน เริ่มจากคนอาวุโส จนเหลือแต่พระเยซูเจ้าตามลำพังกับหญิงคนนั้น ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิม พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสกับนางว่า “นางเอ๋ย พวกนั้นไปไหนหมด ไม่มีใครลงโทษท่านเลยหรือ” หญิงคนนั้นทูลตอบว่า “ไม่มีใครเลย พระเจ้าข้า” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราก็ไม่ลงโทษท่านด้วย ไปเถิด และตั้งแต่นี้ไป อย่าทำบาปอีก”
(ยอห์น 8:1-11)








วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2559

ความรู้ของนักบุญเปโตร

           น. ยอห์น  คริสซอสโตม กล่าวว่า “เปโตรรู้ความจริงว่าพระเยซูเจ้าคือพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต  แต่ท่านไม่รู้ความจริงของธรรมล้ำลึกแห่งไม้กางเขนและการกลับคืนชีพ”  ตามพระวรสารวันอาทิตย์นี้ เปโตรได้รับพระหรรษทานของพระเป็นเจ้าทำให้รู้ว่า “พระเยซูเจ้าคือพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต  ท่านกล่าวได้อย่างถูกต้องเกี่ยวกับฐานะพระอาจารย์ของท่าน  แต่กลับไม่เข้าใจเกี่ยวกับการที่พระเมสสิยาห์จะนำความรอดมาให้มนุษยชาติ  ท่านขัดขวางพระองค์โดยแย้งว่า  พระองค์จะไม่ได้รับความทรมานที่กรุงเยรูซาเล็มตามที่พระองค์ได้บอกท่าน
และแล้วพระเยซูเจ้าจึงได้ตอบโต้เปโตร  ซึ่งเป็นเรื่องน่าตกใจสำหรับเปโตร พระองค์เรียกท่านว่าซาตาน แต่พระองค์มิได้หมายความว่าเปโตรคือซาตาน  แต่หมายความว่าท่านเป็นปฏิปักษ์ต่อแผนการของพระเจ้า (เหมือนที่ซาตานพยายามทำลายแผนการทุกอย่างของพระเป็นเจ้า)
 มีสองหนทางที่แตกต่างกัน  ทางหนึ่งเป็นหนทางของซาตาน  นั่นคือความเชื่อที่ว่ามนุษย์สามารถควบคุมหรือชี้นำองค์พระผู้สร้างได้  (เช่นเดียวกับที่ยูดาสคิดวางแผนให้พระเยซูเจ้าทำอัศจรรย์ เมื่อถูดทหารมาจับกุมพระองค์)   เราพบเห็นเรื่องนี้ได้ในปัจจุบันที่มาในรูปแบบต่างๆ เช่น กลุ่ม New Age ที่แนะนำให้แสวงหาความสุขสนุกสบายในโลก วิทยาศาสตร์ที่ไม่เชื่อในพระเจ้า ฯลฯ
อีกหนทางหนึ่งคือ หนทางขององค์พระผู้ไถ่  ซึ่งบอกว่ามนุษย์อยู่ในบาปและความโน้มเอียงในบาป  จำเป็นต้องได้รับการไถ่ให้รอดพ้น  และความรอดมาจากพระเป็นเจ้า  เราจะได้รับความรอดโดยอาศัยความถ่อมตนและการละทิ้งบาปหรือตายต่อบาป พระเยซูเจ้าตรัสอย่างหนักแน่นว่า “ผู้ที่ต้องการติดตามเราต้องปฏิเสธตนเอง  แบกกางเขนของตนและติดตามเรามา” และ “ผู้ที่พยายามรักษาชีวิตของตนไว้  กลับจะสูญเสียชีวิตไป  แต่ผู้ที่ยอมสละชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เรา จะได้รับชีวิตกลับคืนมาใหม่  และเป็นชีวิตนิรันดร”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น