พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม 2025 โปรดเพิ่มพูนความเชื่อแก่เราด้วยเถิด

          บรรดาอัครสาวกทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ‘โปรดเพิ่มความเชื่อให้พวกเราเถิด’ องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสว่า ‘ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด และพูดกับต้นหม่อนต้นนี้ว่า “จงถอนรากแล้วไปขึ้นอยู่ในทะเลเถิด” ต้นหม่อนต้นนั้นก็จะเชื่อฟังท่าน
          ‘ท่านผู้ใดที่มีคนรับใช้ออกไปไถนา หรือไปเลี้ยงแกะ เมื่อคนรับใช้กลับจากทุ่งนา ผู้นั้นจะพูดกับคนรับใช้หรือว่า “เร็วเข้า มานั่งโต๊ะเถิด” แต่จะพูดมิใช่หรือว่า “จงเตรียมอาหารมาให้ฉันเถิด จงคาดสะเอว คอยรับใช้ฉันขณะที่ฉันกินและดื่ม หลังจากนั้นเจ้าจึงกินและดื่ม” นายย่อมไม่ขอบใจผู้รับใช้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งมิใช่หรือ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เมื่อท่านได้ทำตามคำสั่งทุกประการแล้ว จงพูดว่า “ฉันเป็นผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์ เพราะฉันทำตามหน้าที่ที่ต้องทำเท่านั้น”’
(ลูกา 17:5-10)








วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2559

ความรู้ของนักบุญเปโตร

           น. ยอห์น  คริสซอสโตม กล่าวว่า “เปโตรรู้ความจริงว่าพระเยซูเจ้าคือพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต  แต่ท่านไม่รู้ความจริงของธรรมล้ำลึกแห่งไม้กางเขนและการกลับคืนชีพ”  ตามพระวรสารวันอาทิตย์นี้ เปโตรได้รับพระหรรษทานของพระเป็นเจ้าทำให้รู้ว่า “พระเยซูเจ้าคือพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต  ท่านกล่าวได้อย่างถูกต้องเกี่ยวกับฐานะพระอาจารย์ของท่าน  แต่กลับไม่เข้าใจเกี่ยวกับการที่พระเมสสิยาห์จะนำความรอดมาให้มนุษยชาติ  ท่านขัดขวางพระองค์โดยแย้งว่า  พระองค์จะไม่ได้รับความทรมานที่กรุงเยรูซาเล็มตามที่พระองค์ได้บอกท่าน
และแล้วพระเยซูเจ้าจึงได้ตอบโต้เปโตร  ซึ่งเป็นเรื่องน่าตกใจสำหรับเปโตร พระองค์เรียกท่านว่าซาตาน แต่พระองค์มิได้หมายความว่าเปโตรคือซาตาน  แต่หมายความว่าท่านเป็นปฏิปักษ์ต่อแผนการของพระเจ้า (เหมือนที่ซาตานพยายามทำลายแผนการทุกอย่างของพระเป็นเจ้า)
 มีสองหนทางที่แตกต่างกัน  ทางหนึ่งเป็นหนทางของซาตาน  นั่นคือความเชื่อที่ว่ามนุษย์สามารถควบคุมหรือชี้นำองค์พระผู้สร้างได้  (เช่นเดียวกับที่ยูดาสคิดวางแผนให้พระเยซูเจ้าทำอัศจรรย์ เมื่อถูดทหารมาจับกุมพระองค์)   เราพบเห็นเรื่องนี้ได้ในปัจจุบันที่มาในรูปแบบต่างๆ เช่น กลุ่ม New Age ที่แนะนำให้แสวงหาความสุขสนุกสบายในโลก วิทยาศาสตร์ที่ไม่เชื่อในพระเจ้า ฯลฯ
อีกหนทางหนึ่งคือ หนทางขององค์พระผู้ไถ่  ซึ่งบอกว่ามนุษย์อยู่ในบาปและความโน้มเอียงในบาป  จำเป็นต้องได้รับการไถ่ให้รอดพ้น  และความรอดมาจากพระเป็นเจ้า  เราจะได้รับความรอดโดยอาศัยความถ่อมตนและการละทิ้งบาปหรือตายต่อบาป พระเยซูเจ้าตรัสอย่างหนักแน่นว่า “ผู้ที่ต้องการติดตามเราต้องปฏิเสธตนเอง  แบกกางเขนของตนและติดตามเรามา” และ “ผู้ที่พยายามรักษาชีวิตของตนไว้  กลับจะสูญเสียชีวิตไป  แต่ผู้ที่ยอมสละชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เรา จะได้รับชีวิตกลับคืนมาใหม่  และเป็นชีวิตนิรันดร”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น