พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน 2025 พระเยซูเจ้าทรงกลับฟื้นคืนพระชนม์

           เช้าตรู่วันต้นสัปดาห์ขณะที่ยังมืด มารีย์ชาวมักดาลาออกไปที่พระคูหา ก็เห็นหินถูกเคลื่อนออกไปจากพระคูหาแล้ว นางจึงวิ่งไปหาซีโมนเปโตรกับศิษย์อีกคนหนึ่งที่พระเยซูเจ้าทรงรักบอกว่า “เขานำองค์พระผู้เป็นเจ้าไปจากพระคูหาแล้ว พวกเราไม่รู้ว่าเขานำพระองค์ไปไว้ที่ไหน” เปโตรกับศิษย์คนนั้นจึงออกไป มุ่งไปยังพระคูหา ทั้งสองคนวิ่งไปด้วยกัน แต่ศิษย์คนนั้นวิ่งเร็วกว่าเปโตร จึงมาถึงพระคูหาก่อน เขาก้มลงมองเห็นผ้าพันพระศพวางอยู่บนพื้น แต่ไม่ได้เข้าไปข้างใน ซีโมนเปโตรซึ่งตามไปติด ๆ ก็มาถึง เข้าไปในพระคูหาและเห็นผ้าพันพระศพวางอยู่ที่พื้น รวมทั้งผ้าพันพระเศียรซึ่งไม่ได้วางอยู่กับผ้าพันพระศพ แต่พับแยกวางไว้อีกที่หนึ่ง ศิษย์คนที่มาถึงพระคูหาก่อนก็เข้าไปข้างในด้วย เขาเห็นและมีความเชื่อ เขาทั้งสองคนยังไม่เข้าใจพระคัมภีร์ที่ว่า พระองค์ต้องทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย
(ยอห์น 20:1-9)








วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560

ชีวิตคริสตชนต้องเป็นการต่อสู้กับปีศาจอยู่เสมอ


VATICAN CITY (CNS) —พระสันตปาปาฟรังซิสตรัสเทศน์สอนระหว่างพิธีมิสซาที่วัดน้อยนักบุญมาร์ทาเมื่อวันที่ 19 ม.ค.2017 ว่า การเข้าใกล้พระคริสต์มากขึ้นหมายถึงการต้องต่อสู้กับการประจญล่อลวงและต่อสู้กับปีศาจทุกวัน
เมื่อพระเยซูเจ้าทรงเข้าใกล้ประชาชนที่มาฟังพระองค์และรับการรักษาโรคจากพระองค์ “จิตที่สกปรกพยายามหยุดยั้งประชาชนเหล่านั้น  มันเริ่มทำสงคราม”  เหตุใดประชาชนที่แสวงหาและติดตามพระเยซูเจ้าจึงเผชิญกับอุปสรรค
พระสันตะปาปาตรัสว่า จากพระวรสารประจำวัน มาร์โก 3:7-12 ทำให้เราอยากรู้ว่าเรื่องจะจบลงอย่างไร  จิตสกปรกเหล่านั้นร้องตะโกนต่อพระเยซูว่า”ท่านเป็นบุตรของพระเจ้า”  เมื่อประชาชนจำนวนมากมาดู ฟังพระเยซูเจ้า  และรับการรักษาโรคจากพระองค์
 “นี่เป็นความจริง นี่เป็นความรู้สึกของประชาชนแต่ละคนเมื่อพระเยซูเจ้ามาใกล้พวกเขา”
“คนที่บอกว่าเขาไม่เคยถูกประจญนั้น ไม่ใช่คริสตชน พวกเขาเป็นพวกที่นับถือรูปเคารพ หรือนับถือผีปีศาจ”
เมื่อพระเป็นเจ้าดึงดูดประชาชนโดยทางพระเยซูเจ้า ปีศาจก็พยายามดึงพวกเขาไปทางอื่น “และมันทำสงครามในจิตใจของเรา” พระสันตะปาปาตรัส “เพราะเหตุนี้นักบุญเปาโลจึงพูดว่าชีวิตคริสตชนคือการทำสงคราม ทุกๆวัน”
 “พระเยซูเจ้าเสด็จมาเพื่อมีชัยชนะในสงคราม “เพื่อทำลายซาตาน ทำลายอิทธิพลของมันในหัวใจของพวกเรา”
เราต้องเลือกว่า  ต้องการความสะดวกสบาย สิ่งที่ง่ายๆ และชีวิตที่เงียบสงบ หรือต้องการให้หัวใจของเขา “รู้สึกว่าต้องทำสงครามกับปีศาจ” และช่วยพระเยซูเจ้าให้ได้รับชัยชนะ?
“ให้เราพิจารณาเกี่ยวกับจิตใจของเรา  เรารู้สึกถึงสงครามนี้หรือไม่?”  และปรารถนาที่จะรับใช้พระเจ้า สวดภาวนา  สรรเสริญพระบิดาและทำสิ่งที่ดีงามหรือไม่?  หรือมีบางสิ่งที่มาหยุดยั้งเราไว้และหันเหเราด้วยการประจญจากความสะดวกสบายและความบันเทิงต่างๆ?”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น