พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม 2024 พระเยซูเจ้าทรงรักเราและดำรงอยู่ในเรา

           พระบิดาของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รักท่านทั้งหลายอย่างนั้น จงดำรงอยู่ในความรักของเราเถิด ถ้าท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา ท่านก็จะดำรงอยู่ในความรักของเรา เหมือนกับที่เราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระบิดาของเรา และดำรงอยู่ในความรักของพระองค์ เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราอยู่กับท่าน และความยินดีของท่านจะสมบูรณ์ นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกันเหมือนดังที่เรารักท่าน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย ท่านทั้งหลายเป็นมิตรสหายของเราถ้าท่านทำตามที่เราสั่งท่าน เราไม่เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ว่านายของตนทำอะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหายเพราะเราแจ้งให้ท่านรู้ทุกสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระบิดาของเรา มิใช่ท่านทั้งหลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจให้ท่านไปทำจนเกิดผล และผลของท่านจะคงอยู่ เพื่อว่าท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระบิดาจะประทานแก่ท่าน เราสั่งท่านทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน
(ยอห์น 15:9-17)








วันอังคารที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2560

คืนดีกับพระเป็นเจ้า


เมื่อประมาณ 400 ปีก่อนมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตในบาปหนักมานาน  เธอรู้สึกสำนึกผิดและต้องการกลับคืนดีกับพระเป็นเจ้า  ดังนั้นเธอจึงไปพบกับพระสังฆราชผู้มีชื่อเสียงในเวลานั้นคือ น.ฟรังซิส เดอ ซาลส์ และขอสารภาพบาปของเธอกับท่าน  หลังจาก น. ฟรังซิส เดอ ซาลส์ อภัยบาปให้เธอแล้ว  เธอถามท่านนักบุญอย่างตะขิดตะขวงเพราะรู้สึกอับอายในตนเอง  เธอพูดว่า “คุณพ่อคะ  หลังจากที่ได้ฟังสิ่งที่เลวร้ายที่ดิฉันทำไปแล้ว  เวลานี้คุณพ่อคิดว่าลูกเป็นอย่างไรคะ?”  พระสังฆราชได้ให้คำยืนยันแก่เธอด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ลูกเอ๋ย  พ่อเห็นลูกเป็นเหมือนนักบุญ  ชีวิตในอดีตของลูกมันผ่านไปและไม่มีอีกต่อไปแล้ว  เพราะลูกถูกยกขึ้นจากสถานะบาปสู่สถานะแห่งพระหรรษทานแล้ว”
ศีลอภัยบาปทำให้เรากลับคืนมาสู่สถานะพระหรรษทาน  ทำให้เรารู้สึกถึงความชื่นชมยินดีของพระเป็นเจ้า  บาปทำให้วิญญาณของเราหม่นหมองเศร้าใจ  ทำให้ไม่รับรู้ในความยินดีของพระเป็นเจ้า  ถ้าไม่ไปรับศีลอภัยบาป  เราจะยังคงอยู่ในสภาพเช่นนั้น และนานไปจะกลายเป็นความชินชา  จนไม่รู้สึกว่าบาปเป็นสิ่งที่ผิดอีกต่อไป  ดังนั้นเราควรไปสารภาพบาปเพื่อรับการอภัยบาปเสีย  แม้ว่าจะเป็นเพียงบาปเบาก็ตาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น