พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2025 จงรักเพื่อนมนุษย์ รักแม้กระทั่งศัตรู

           “แต่เรากล่าวกับท่านทั้งหลายที่กำลังฟังอยู่ว่า จงรักศัตรู จงทำดีต่อผู้ที่เกลียดชังท่าน จงอวยพรผู้ที่สาปแช่งท่าน จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่ทำร้ายท่าน ผู้ใดตบแก้มท่านข้างหนึ่ง จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาตบด้วย ผู้ใดเอาเสื้อคลุมของท่านไป จงปล่อยให้เขาเอาเสื้อยาวไปด้วย จงให้แก่ทุกคนที่ขอท่าน และอย่าทวงของของท่านคืนจากผู้ที่ได้แย่งไป ท่านอยากให้เขาทำต่อท่านอย่างไร ก็จงทำต่อเขาอย่างนั้นเถิด ถ้าท่านรักเฉพาะผู้ที่รักท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังรักผู้ที่รักเขาด้วย ถ้าท่านทำดีเฉพาะต่อผู้ที่ทำดีต่อท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังทำเช่นนั้นด้วย ถ้าท่านให้ยืมเงินโดยหวังจะได้คืน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าได้อย่างไร
           คนบาปก็ให้คนบาปด้วยกันยืมโดยหวังจะได้เงินคืนจำนวนเท่ากัน แต่ท่านจงรักศัตรู จงทำดีต่อเขา จงให้ยืมโดยไม่หวังอะไรกลับคืนแล้วบำเหน็จรางวัลของท่านจะใหญ่ยิ่ง ท่านจะเป็นบุตรของพระผู้สูงสุด เพราะพระองค์ทรงพระกรุณาต่อคนอกตัญญูและต่อคนชั่วร้าย
           จงเป็นผู้เมตตากรุณาดังที่พระบิดาของท่านทรงพระเมตตากรุณาเถิด อย่าตัดสินเขาแล้วพระเจ้าจะไม่ทรงตัดสินท่าน อย่ากล่าวโทษเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน จงให้อภัยเขาแล้วพระเจ้าจะทรงให้อภัยท่าน จงให้ แล้วพระเจ้าจะประทานแก่ท่าน ท่านจะได้รับเต็มสัดเต็มทะนานอัดแน่นจนล้น เพราะว่าท่านใช้ทะนานใดตวงให้เขา พระเจ้าก็จะทรงใช้ทะนานนั้นตวงตอบแทนให้ท่านด้วย”
(ลูกา 6:27-38)








วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

พระศาสนจักรของพระเยซูเจ้าจะต้องเป็นอย่างไร

พระเยซูเจ้าประสงค์ให้พระศาสนจักรเป็นอย่างไร
การเปิดเผยต่อนักบุญ บริจิตแห่งสวีเดน

"เราจะอธิบายให้ลูกรู้ถึงความหมายของบ้าน(พระศาสนจักร)ที่เราต้องการสร้างขึ้น บ้าน(พระศาสนจักร)นี้เป็นแหล่งแห่งชีวิตที่บริสุทธิ์ และเราเองผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งสิ่งที่ผ่านมาและสิ่งที่ดำรงอยู่ เราจะเป็นฐานรากของบ้านนี้ ในบ้านนี้มีสี่กำแพง กำแพงแรกก็คือความยุติธรรมของเราโดยที่เราจะพิพากษาคนที่เป็นปรปักษ์ต่อบ้านหลังนี้ กำแพงที่สองคือปรีชาญาณของเรา ซึ่งเราจะสอนผู้สร้างบ้านด้วยความรู้และความเข้าใจของเรา กำแพงที่สามคือฤทธานุภาพของเราโดยที่เราจะเสริมกำลังพวกเขาให้ต่อสู้กับการประจญล่อลวงของมารปีศาจ กำแพงที่สี่คือความเมตตาของเราซึ่งต้อนรับทุกคนที่สวดอธิษฐานภาวนา ในกำแพงนี้มีประตูแห่งพระหรรษทานที่ซึ่งทุกคนที่อธิษฐานภาวนาจะได้รับการต้อนรับให้เข้าไปข้างในได้ หลังคาของบ้านหลังนี้คือความรักของเราซึ่งเราจะปกคลุมบาปของทุกคนที่รักเรา เพื่อที่พวกเขาจะไม่ต้องถูกพิพากษาจากบาปของพวกเขา หน้าต่างบนหลังคาที่ซึ่งแสงสว่างจากดวงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาคือความคิดและการพิจารณาแห่งพระเมตตาของเรา จากสิ่งนี้ความอบอุ่นแห่งสวรรค์ของเราจะให้ความอบอุ่นแก่ผู้สร้างบ้านทุกคน แต่กำแพงเหล่านี้จะต้องใหญ่และแข็งแรงซึ่งหมายความว่าไม่มีใครสามารถทำลายหรือบิดเบือนพระวาจาของเราหรือโยนพระวาจาของเราทิ้งไป กำแพงจะต้องสูงพอสมควรซึ่งหมายความว่าปรีชาญาณของเราสามารถรับรู้และเข้าใจได้บางส่วน,แต่ไม่อาจเข้าใจได้ทั้งหมด หน้าต่างเรียบง่ายธรรมดาที่เป็นกระจกใสหมายความว่าพระวาจาของเรานั้นเรียบง่ายแต่โดยอาศัยสิ่งเหล่านี้ ความรู้ซึ่งเป็นแสงสว่างแห่งสวรรค์ก็จะเข้ามาสู่โลก หลังคาที่สูงพอสมควรมีความหมายว่าพระวาจาของเราจะต้องถูกเปิดเผยและเผยแพร่ออกไป ไม่ใช่ด้วยวิธีการที่ยากลึกลับเข้าใจไม่ได้ แต่ด้วยวิธีที่สามารถเข้าใจได้ซึ่งคนที่รับรู้จะเข้าใจได้โดยง่าย "
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น