พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม 2025 โปรดเพิ่มพูนความเชื่อแก่เราด้วยเถิด

          บรรดาอัครสาวกทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ‘โปรดเพิ่มความเชื่อให้พวกเราเถิด’ องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสว่า ‘ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด และพูดกับต้นหม่อนต้นนี้ว่า “จงถอนรากแล้วไปขึ้นอยู่ในทะเลเถิด” ต้นหม่อนต้นนั้นก็จะเชื่อฟังท่าน
          ‘ท่านผู้ใดที่มีคนรับใช้ออกไปไถนา หรือไปเลี้ยงแกะ เมื่อคนรับใช้กลับจากทุ่งนา ผู้นั้นจะพูดกับคนรับใช้หรือว่า “เร็วเข้า มานั่งโต๊ะเถิด” แต่จะพูดมิใช่หรือว่า “จงเตรียมอาหารมาให้ฉันเถิด จงคาดสะเอว คอยรับใช้ฉันขณะที่ฉันกินและดื่ม หลังจากนั้นเจ้าจึงกินและดื่ม” นายย่อมไม่ขอบใจผู้รับใช้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งมิใช่หรือ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เมื่อท่านได้ทำตามคำสั่งทุกประการแล้ว จงพูดว่า “ฉันเป็นผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์ เพราะฉันทำตามหน้าที่ที่ต้องทำเท่านั้น”’
(ลูกา 17:5-10)








วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

สายจำพวกสีน้ำตาลของแม่พระ

“ดังเช่นที่บางคนมักจะภูมิใจในเสื้อผ้าที่ตนสวมใส่อยู่ พระแม่มารีย์ก็ทรงพอพระทัยที่ผู้รับใช้ของพระนางสวมใส่สายจำพวกของพระนางเพื่อเป็นเครื่องหมายว่าพวกเขาอุทิศตนเป็นข้ารับใช้ของพระนาง และเป็นสมาชิกแห่งครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระมารดาของพระเจ้า” – นักบุญอัลฟองโซ
นักบุญผู้ยิ่งใหญ่สองท่านคือ นักบุญอัลฟองโซ ผู้ตั้งคณะพระมหาไถ่ และนักบุญยอห์น บอสโก ผู้ตั้งคณะซาเลเซียน มีความศรัทธาต่อแม่พระแห่งภูเขาคาร์แมลเป็นพิเศษ ท่านทั้งสองสวมสายจำพวกสีน้ำตาลของแม่พระตลอดเวลา ในเวลาที่ท่านทั้งสองเสียชีวิต,ร่างของท่านถูกสวมใส่ด้วยชุดพระสงฆ์และมีสายจำพวกสวมใส่อยู่ด้วย
หลายปีต่อมา,เมื่อขุดหลุมฝังศพของนักบุญทั้งสองท่านและโลงศพถูกเปิดออก ร่างกายและเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ของท่านได้เน่าเปื่อยไป แต่สายจำพวกสีน้ำตาลที่แต่ละท่านสวมอยู่นั้นยังคงสภาพเดิมไม่เน่าเปื่อยแต่อย่างใด สายจำพวกของนักบุญอัลฟองโซ,เวลานี้ถูกตั้งแสดงไว้ในอารามใหญ่ของคณะมหาไถ่ที่กรุงโรม
  สายจำพวกสีน้ำตาลของนักบุญอัลฟองโซ ลิกัวรีเป็นสายจำพวกที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังคงอยู่จนทุกวันนี้
 
ตามที่แสดงในรูปภาพข้างบน รูปด้านซ้ายเป็นสายจำพวกของนักบุญอัลฟองโซ ส่วนสองรูปทางขวาเป็นของนักบุญยอห์น บอสโก
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น