พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม 2025 โปรดเพิ่มพูนความเชื่อแก่เราด้วยเถิด

          บรรดาอัครสาวกทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ‘โปรดเพิ่มความเชื่อให้พวกเราเถิด’ องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสว่า ‘ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด และพูดกับต้นหม่อนต้นนี้ว่า “จงถอนรากแล้วไปขึ้นอยู่ในทะเลเถิด” ต้นหม่อนต้นนั้นก็จะเชื่อฟังท่าน
          ‘ท่านผู้ใดที่มีคนรับใช้ออกไปไถนา หรือไปเลี้ยงแกะ เมื่อคนรับใช้กลับจากทุ่งนา ผู้นั้นจะพูดกับคนรับใช้หรือว่า “เร็วเข้า มานั่งโต๊ะเถิด” แต่จะพูดมิใช่หรือว่า “จงเตรียมอาหารมาให้ฉันเถิด จงคาดสะเอว คอยรับใช้ฉันขณะที่ฉันกินและดื่ม หลังจากนั้นเจ้าจึงกินและดื่ม” นายย่อมไม่ขอบใจผู้รับใช้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งมิใช่หรือ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เมื่อท่านได้ทำตามคำสั่งทุกประการแล้ว จงพูดว่า “ฉันเป็นผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์ เพราะฉันทำตามหน้าที่ที่ต้องทำเท่านั้น”’
(ลูกา 17:5-10)








วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

มีความสัมพันธ์ที่ดีกับวิญญาณในไฟชำระ


เรื่องนี้เล่าโดยคุณพ่อโดลินโด(Fr.Dolindo พระสงฆ์ชาวอิตาลี) เกี่ยวกับชายคนหนึ่งซึ่งมักสวดภาวนาเพื่อวิญญาณในไฟชำระเสมอ 
วันหนึ่งนักค้าอัญมณีคนหนึ่งตัดสินใจนำเพชรที่มีราคาแพงที่สุดของเขากลับไปบ้านด้วย ขณะที่เดินกลับบ้าน,เขาสวดสายประคำเพื่อวิญญาณในไฟชำระ เมื่อเดินไปถึงตรอกที่นำไปสู่บ้านของเขา,เขาเห็นขโมยหลายคนกำลังหลบซ่อนรออยู่ เขารีบสวดภาวนาเพื่อขอให้วิญญาณในไฟชำระปกป้องเขา มีโบสถ์เล็กๆอยู่ในตรอกนี้ ทันใดนั้นประตูโบสถ์ก็เปิดออก และมีขบวนแห่ของประชาชนที่สวมเสื้อคลุมสีขาวที่มีผ้าคลุมศีรษะ พวกเขากำลังร้องเพลงราวกับว่ากำลังร่วมในพิธีปลงศพ ผ้าคลุมศีรษะนั้นปกคลุมใบหน้าพวกเขาด้วยเหลือแต่เพียงช่องดวงตาและปากเท่านั้น นักอัญมณีจึงตัดสินใจไปเข้าร่วมในขบวนแห่นั้นด้วย ในที่สุดเขาก็สามารถกลับไปถึงบ้านได้ เขาเล่าให้ภรรยาฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ภรรยารู้สึกงุนงงเพราะเธอคอยเฝ้าดูเหตุการณ์ทุกอย่างทางหน้าต่างและมองเห็นแต่เพียงสามีของเธอเท่านั้น พวกเขาจึงตระหนักว่าขบวนแห่นั้นเป็นขบวนแห่ของบรรดาวิญญาณในไฟชำระ  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น