พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม 2025 โปรดเพิ่มพูนความเชื่อแก่เราด้วยเถิด

          บรรดาอัครสาวกทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ‘โปรดเพิ่มความเชื่อให้พวกเราเถิด’ องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสว่า ‘ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด และพูดกับต้นหม่อนต้นนี้ว่า “จงถอนรากแล้วไปขึ้นอยู่ในทะเลเถิด” ต้นหม่อนต้นนั้นก็จะเชื่อฟังท่าน
          ‘ท่านผู้ใดที่มีคนรับใช้ออกไปไถนา หรือไปเลี้ยงแกะ เมื่อคนรับใช้กลับจากทุ่งนา ผู้นั้นจะพูดกับคนรับใช้หรือว่า “เร็วเข้า มานั่งโต๊ะเถิด” แต่จะพูดมิใช่หรือว่า “จงเตรียมอาหารมาให้ฉันเถิด จงคาดสะเอว คอยรับใช้ฉันขณะที่ฉันกินและดื่ม หลังจากนั้นเจ้าจึงกินและดื่ม” นายย่อมไม่ขอบใจผู้รับใช้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งมิใช่หรือ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เมื่อท่านได้ทำตามคำสั่งทุกประการแล้ว จงพูดว่า “ฉันเป็นผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์ เพราะฉันทำตามหน้าที่ที่ต้องทำเท่านั้น”’
(ลูกา 17:5-10)








วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

หญิงโสเภณีที่ขัดขืนพระหรรษทาน


เรื่องนี้ได้รับการสอบสวนในกระบวนการสถาปนาเป็นนักบุญของบุญราศีฟรานซิส เจอโรม (St. Francis Jerome ค.ศ. 1642-1716) และภายใต้คำสาบานที่รับรองโดยพยานเห็นเหตุการณ์จำนวนมาก ในปี ค.ศ. 1707 นักบุญฟรานซิส เจอโรมกำลังเทศน์สอนตามธรรมเนียมของท่านในละแวกเมืองเนเปิลส์ นักบุญพูดถึงนรกและการลงโทษอันน่ากลัวที่รอคอยคนบาปที่ใจแข็งไม่ยอมกลับใจ หญิงโสเภณีที่หน้าด้านคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่น รู้สึกไม่สบายใจกับคำพูดที่จะทำให้เธอสำนึกผิด จึงพยายามขัดขวางด้วยการพูดตลกและตะโกนพร้อมกับใช้เครื่องดนตรีที่มีเสียงดัง ขณะที่เธอยืนอยู่ใกล้หน้าต่าง นักบุญก็ร้องออกมาว่า “ระวังตัวไว้เถิด,ลูกสาวของฉัน อย่าขัดขืนพระหรรษทาน ก่อนที่พระเจ้าจะลงโทษเธอภายในแปดวัน” หญิงที่น่าสงสารกลับยิ่งส่งเสียงโหวกเหวกมากขึ้น แปดวันผ่านไป และบังเอิญท่านนักบุญมาอยู่หน้าบ้านหลังเดิมอีกครั้ง คราวนี้เธอเงียบ หน้าต่างถูกปิด ผู้ฟังต่างพากันบอกนักบุญด้วยใบหน้าที่ตกตะลึงว่า แคทเธอรีน (ซึ่งเป็นชื่อของหญิงคนนั้น) เสียชีวิตกะทันหันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน นักบุญกล่าวว่า “เธอเสียชีวิตแล้ว!” “เอาล่ะ ให้เธอเล่าให้เราฟังตอนนี้ว่าเธอได้อะไรจากการหัวเราะเยาะเรื่องเกี่ยวกับนรก มาถามเธอกันดีกว่า”

 นักบุญกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ และทุกคนต่างคาดหวังว่าจะมีอัศจรรย์ ฝูงชนจำนวนมากตามมาด้วย นักบุญจึงขึ้นไปยังห้องของผู้ตาย และที่นั่น หลังจากสวดภาวนาอยู่ครู่หนึ่ง นักบุญก็เปิดหน้าศพออก และกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า “แคทเธอรีน บอกเราหน่อยว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน” เมื่อได้รับคำสั่ง ผู้ตายก็เงยหน้าขึ้น พร้อมกับลืมตา ใบหน้ามีสีคล้ำ ใบหน้าแสดงออกถึงความสิ้นหวังที่น่ากลัว และด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก ผู้ตายก็กล่าวว่า “ในนรก ฉันอยู่ในนรก” และทันใดนั้น เธอก็ล้มลงสู่สภาพศพอีกครั้ง

“ผมได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น” พยานคนหนึ่งที่ให้การต่อผู้สอบสวนของสันตะสำนักกล่าว “แต่ผมไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผมและผู้คนที่อยู่ที่นั้นได้ หรือแม้แต่ความรู้สึกที่ผมยังคงรู้สึกทุกครั้งที่เดินผ่านบ้านหลังนั้นและมองไปที่หน้าต่าง เมื่อเห็นบ้านที่โชคร้ายหลังนั้น ผมยังคงได้ยินเสียงร้องอันน่าเวทนาที่ดังก้องอยู่ว่า “ในนรก ฉันอยู่ในนรก”  

  (ชีวประวัติของนักบุญฟรานซิส เจอโรม โดย Fr. Bach)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น