พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม 2025 คำสอนของพระเยซูเจ้า

           พระเยซูเจ้ายังตรัสอุปมาให้เขาเหล่านั้นฟังอีกว่า “คนตาบอดจะนำทางคนตาบอดได้หรือ ทั้งคู่จะตกลงไปในคูมิใช่หรือ ศิษย์ย่อมไม่อยู่เหนืออาจารย์ แต่ทุกคนที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดีแล้วก็จะเป็นเหมือนอาจารย์ของตน ทำไมท่านจึงมองดูเศษฟางในดวงตาของพี่น้อง แต่ไม่สังเกตเห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเลย ท่านจะกล่าวแก่พี่น้องได้อย่างไรว่า “พี่น้อง ปล่อยให้ฉันเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของท่านเถิด” ขณะที่ท่านไม่เห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเอง ท่านคนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย จงเอาท่อนซุงออกจากดวงตาของท่านก่อนเถิด ท่านจะเห็นชัดแล้วจึงค่อยไปเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของพี่น้อง ต้นไม้ที่เกิดผลไม่ดีย่อมไม่ใช่ต้นไม้พันธุ์ดี หรือต้นไม้พันธุ์ไม่ดีย่อมไม่ให้ผลดีเช่นกัน เรารู้จักต้นไม้แต่ละต้นได้จากผลของต้นไม้นั้น เราย่อมไม่เก็บผลมะเดื่อเทศจากพงหนาม หรือเก็บผลองุ่นจากกอหนาม คนดีย่อมนำสิ่งที่ดีออกจากขุมทรัพย์ที่ดีในใจของตน ส่วนคนเลวย่อมนำสิ่งที่เลวออกมาจากขุมทรัพย์ที่เลวของตน เพราะปากย่อมกล่าวสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมา
(ลูกา 6:39-45)








วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

การทำงานด้วยความความรักอันบริสุทธิ์


พระเจ้าทรงพอพระทัยการงานที่กระทำถึงแม้จะเป็นงานที่เล็กน้อย,แต่กระทำอย่างเงียบๆโดยปรารถนาที่จะไม่ให้ใครรู้ มากกว่าการงานเป็นพันๆที่กระทำด้วยความปรารถนาให้ผู้คนได้รู้

คนที่ทำงานเพื่อพระเจ้าด้วยความรักที่บริสุทธิ์ที่สุด เขาจะไม่เพียงแต่ไม่ใส่ใจว่าจะมีใครเห็นการงานของเขาเท่านั้น แต่เขายังไม่คิดแม้แต่จะให้พระเจ้าทรงทราบถึงการงานเหล่านั้นด้วย บุคคลเช่นนี้จะไม่หยุดที่จะรับใช้พระเจ้าด้วยวิธีนี้,ด้วยความยินดีเดียวกันนี้,และด้วยความรักอันบริสุทธิ์ ถึงแม้ว่าพระเจ้าไม่ทรงทราบเรื่องเหล่านี้เลยก็ตาม

- นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขน

วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

กระแสเรียกเป็นพระสงฆ์


พ่อมักถูกถามบ่อยๆ,โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบรรดาเยาวชนว่า ทำไมพ่อจึงมาเป็นพระสงฆ์ บางทีพวกคุณก็คงอยากถามคำถามเดียวกันนี้ พ่อจะพยายามตอบอย่างสั้นๆ พ่อขอเริ่มต้นด้วยการพูดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะอธิบายได้ทั้งหมด เพราะมันเป็นเรื่องลึกลับแม้แต่ตัวของพ่อเอง ใครจะสามารถอธิบายวิถีทางของพระเจ้าได้เล่า? พ่อรู้เรื่องนี้,ในจุดหนึ่งของชีวิต เมื่อเริ่มมั่นใจว่าพระคริสต์ทรงตรัสกับพ่อเช่นเดียวกับที่ทรงตรัสกับหลายพันคนที่อยู่ก่อนหน้าพ่อว่า “ตามเรามาเถิด” มีสื่อสัมผัสที่ทำให้พ่อได้ยินในหัวใจของพ่อซึ่งไม่ใช่เสียงของมนุษย์หรือความคิดของพ่อเอง พระคริสต์กำลังเรียกพ่อให้มารับใช้พระองค์ในฐานะพระสงฆ์
และพวกคุณคงคาดเดาได้ว่า พ่อรู้สึกกตัญญูอย่างลึกซึ้งต่อพระเจ้าสำหรับกระแสเรียกของพ่อให้มาสู่ฐานันดรพระสงฆ์ ไม่มีอะไรที่มีความหมายต่อพ่อที่ทำให้พ่อมีความยินดียิ่งไปกว่าการประกอบพิธีมิสซาในแต่ละวันและการรับใช้ประชากรของพระเจ้าในโบสถ์ สิ่งนี้เป็นความจริงนับตั้งแต่วันแรกที่พ่อได้บวชเป็นพระสงฆ์ ไม่มีสิ่งใดมาเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ได้ ไม่ แม้แต่การเป็นพระสันตปาปา”

- พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2

ตรัสไว้ที่ลอสแอนเจอลีส,สหรัฐ (วันที่ 14 กันยายน 1987)

วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

สาส์นแม่พระ 25 ก.พ. 2025

สาส์นแม่พระประทานแก่ มารีจา 25 ก.พ. 2025
ลูกที่รักทั้งหลาย
         ขอให้ฤดูใบไม้ผลินี้เป็นกำลังใจสำหรับการกลับใจส่วนตัวของลูก เพื่อที่ในชีวิตของลูก,ลูกจะได้สวดภาวนาและรักพระเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด เพื่อทุกคนที่ต้องการความช่วยเหลือ ลูกน้อยทั้งหลาย,จงเป็นมือแห่งสันติภาพและการสวดภาวนาของแม่เถิด ด้วยการรักแทนทุกคนที่ไม่รัก,ไม่สวดภาวนา,และไม่ต้องการสันติภาพ
          ขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่           

วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

พระเจ้าทรงเรียกเราให้เป็นเหมือนพระคริสต์


ผู้ที่พระเจ้าทรงเรียกมาตามพระประสงค์ของพระองค์นั้น “พระองค์กำหนดจะให้เป็นภาพลักษณ์ของพระบุตรของพระองค์ด้วย” (โรม 8:29) นี่คือสิ่งที่เราถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วมืใช่หรือ เราถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าให้ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระเยซู เป็นเรื่องดีหากเราจะใช้เวลาในการพิจารณาไตร่ตรองเกี่ยวกับชีวิตของพระเยซูและพยายามทำความเข้าใจกับคำสอนต่างๆของพระองค์ การแสวงหาความรู้เช่นนี้จะกลายเป็นความรู้ที่แท้จริง และเราจะเป็นเหมือนพระคริสตเจ้าจริงๆ ความรู้ของเราจะไม่ทำให้เราหยิ่งผยอง,หรือทำให้เราคุยโวโอ้อวดเกี่ยวกับความรู้นั้น
# Catholic 4 Life

วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ความสำคัญของความอ่อนน้อมถ่อมตน


ความอ่อนน้อมถ่อมตนที่แท้จริงอยู่ที่การเชื่อฟังและปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

นักบุญชื่นชมยินดีในความทุกข์


เวลานี้คุณเห็นแล้วว่า ทำไมบรรดานักบุญจึงชื่นชมยินดีในการถูกดูหมิ่นและได้รับการเบียดเบียน เป็นเพราะความทุกข์เหล่านี้เป็นของถวายที่พวกเขาจะมอบให้แก่พระเยซูเจ้าเมื่อพวกเขาสวดภาวนาถึงพระองค์ แล้วตัวฉันซึ่งเป็นสิ่งสร้างที่น่าสงสารได้ทำอะไรบ้าง ฉันให้อภัยแก่ผู้อื่นเพียงเล็กน้อยและสิ่งที่ต้องได้รับการอภัยสำหรับตัวเองนั้นมีมากมาย?
- นักบุญเทเรซา แห่ง อาวิลา

วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ความรักและความถ่อมตน


ข้าพเจ้าขอพูดเช่นเดิมว่า ถ้าการอดอาหารของท่านปราศจากความถ่อมตน มันก็ไม่มีค่าอะไรและไม่ทำให้พระเจ้าทรงพอพระทัย....บัดนี้,ตามคำสอนของอัครสาวก ทุกสิ่งที่กระทำโดยปราศจากความรัก ก็ไม่เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า ดังนั้นข้าพเจ้าก็จะพูดในทำนองเดียวกันกับนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ นั่นคือ ถ้าการอดอาหารของท่านปราศจากความถ่อมตน การอดอาหารของท่านก็ไม่มีคุณค่าอะไร เพราะถ้าท่านไม่มีความถ่อมตน,ท่านก็ไม่มีความรักและถ้าท่านไม่มีความรัก,ท่านก็ปราศจากความถ่อมตนด้วยเช่นกัน

มันเกือบเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในการที่จะมีความรักโดยปราศจากการถ่อมตน และการมีความถ่อมตนโดยปราศจากความรัก คุณธรรมทั้งสองประการนี้มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน คุณธรรมหนึ่งไม่สามารถมีอยู่ได้โดยปราศจากอีกคุณธรรมหนึ่ง

- นักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์ (1567-1622)นักปราชญ์แห่งพระศาสนจักร

วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

เมลคีเซเดคคือใคร?


ในภาษาฮีบรู คำว่ากษัตริย์คือ מלך (อ่านว่า Melch เมลเลค) 
 และคำว่า ความชอบธรรม ในภาษาฮีบรู คือ צדיק‎‎, (Tzedek ซิเดค)

คำว่า เมลคีเซเดค(Melchizedek) จึงแปลว่า กษัตริย์แห่งความชอบธรรม

เมลคีเซเดค(Melchizedek) เป็นกษัตริย์ของเมืองซาเลม(Salem) ซาเลม มีที่มาจากคำว่า Shalom ซึ่งแปลว่า สันติภาพ(Peace) คำเหล่านี้ให้วิสัยทัศน์บางอย่างแก่เรา

กษัตริย์เมลคีเซเดคแห่งเมืองซาเลม เป็นกษัตริย์แห่งความชอบธรรมและกษัตริย์แห่งสันติภาพด้วย (ฮีบรู 7:2). นอกจากนี้พระคัมภีร์ยังบอกว่า กษัตริย์เมลคีเซเดคเป็นสมณะสูงสุดของพระเจ้าอีกด้วย

ในหนังสือปฐมกาล สมัยนั้นยังไม่ได้เริ่มต้นมีสมณะเลย แต่พระคัมภีร์ได้พูดถึงเมลคีเซเดคซึ่งเป็นกษัตริย์และเป็นสมณะของพระเจ้าแล้ว

เมื่ออับราฮัมรบชนะข้าศึก, เมลคีเซเดคได้ออกมาพบอับราฮัมและนำขนมปังและเหล้าองุ่นมาให้ ทั้งอวยพรอับราฮัมในพระนามของพระเจ้าสูงสุด

การถวายขนมปังและเหล้าองุ่นของเมลคีเซเดคจึงเป็นรูปแบบของพระเมสสิยาห์,พระเยซูคริสต์ (ฮีบรู 6:20; ฮีบรู 7:2).และเป็นเครื่องหมายของพิธีกรรมในพิธีมิสซา

วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ทำไมพระเยซูจึงทรงเขียนบนพื้นด้วยนิ้วของพระองค์


ใน ยอห์นบทที่ 8 เล่าว่า เมื่อบรรดาฟาริสีพาหญิงที่ถูกจับได้ว่าทำผิดประเวณีมาให้พระเยซูตัดสิน โดยพวกเขาบอกว่า”ในธรรมบัญญัติ โมเสสสั่งเราให้ทุ่มหินหญิงประเภทนี้จนตาย ส่วนท่านจะว่าอย่างไร” แต่พระเยซูเจ้าทรงก้มลง เอานิ้วพระหัตถ์ขีดเขียนที่พื้นดิน ทำไมพระเยซูจึงทรงทำเช่นนั้น?

อพยพ 31:18 กล่าวว่า “เมื่อพระยาห์เวห์ตรัสแก่โมเสสบนภูเขาซีนายแล้ว พระองค์ประทานแผ่นศิลาจารึกสองแผ่นให้เขา เป็นแผ่นศิลาที่ทรงจารึกด้วยพระหัตถ์ของพระองค์”

พระเยซูทรงเอานิ้วพระหัตถ์ขีดเขียนที่พื้น เท่ากับพระเยซูทรงปรารถนาที่จะบอกกับเราว่า พระองค์คือพระเจ้า,พระยาห์เาห์,ผู้ทรงจารึกพระบัญญัติด้วยนิ้วพระหัตถ์บนศิลาและประทานศิลาสองแผ่นแก่โมเสส

และเป็นไปได้ว่าบนพื้นนั้นพระเยซูทรงเขียนพระบัญญัติหนึ่งในสิบประการ ซึ่งคงจะเป็นพระบัญญัติประการที่ 5 นั่นคือ "อย่าฆ่าคน"  เพราะฟาริสีต้องการให้พระองค์ทำตามกฎในเลวีนิติที่สั่งให้ลงโทษผู้ทำผิดประเวณีด้วยการเอาก้อนหินทุ่มให้ตาย แต่พระเยซูทรงล่วงรู้ถึงความคิดของพวกเขา ถึงแม้ว่าในพระบัญญัติข้อที่ 6 บอกว่า "อย่าทำผิดประเวณี"  แต่พระบัญญัติข้อที่ 5 มาก่อนบัญญัติข้อที่ 6 และในบัญญัติข้อที่ 6 ก็ไม่ได้สั่งให้ลงโทษผู้กระทำผิดแต่อย่างใด  พระบัญญัติของพระเจ้าย่อมใหญ่กว่ากฏเกณฑ์ของมนุษย์

พวกฟาริสีคิดแต่จะจับผิดพระเยซูเจ้าจนลืมและมองข้ามพระบัญญัติประการที่ 5 ที่สั่งว่า อย่าฆ่าคนและนำเอากฏเกณฑ์ที่พวกเขาสร้างขึ้นเองมาใช้อย่างไร้ความเมตตา พระเยซูจึงทรงเขียนพระบัญญัติข้อที่ 5 เพื่อย้ำเตือนพวกเขา


ยอห์น 8:7-11 เล่าต่อไปว่า "เมื่อคนเหล่านั้นยังทูลถามย้ำอยู่อีก พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสว่า “ท่านผู้ใดไม่มีบาป จงเอาหินทุ่มนางเป็นคนแรกเถิด” แล้วทรงก้มลงขีดเขียนบนพื้นดินต่อไป เมื่อคนเหล่านั้นได้ฟังดังนี้ ก็ค่อย ๆ ทยอยออกไปทีละคน เริ่มจากคนอาวุโส จนเหลือแต่พระเยซูเจ้าตามลำพังกับหญิงคนนั้น ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิม พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสกับนางว่า “นางเอ๋ย พวกนั้นไปไหนหมด ไม่มีใครลงโทษท่านเลยหรือ” หญิงคนนั้นทูลตอบว่า “ไม่มีใครเลย พระเจ้าข้า” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราก็ไม่ลงโทษท่านด้วย ไปเถิด และตั้งแต่นี้ไป อย่าทำบาปอีก”

พระเมตตาของพระเยซูเจ้ายิ่งใหญ่กว่าบาปใดๆทั้งสิ้น

วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ฟรังซิสกับนก


พระองค์ประทานอิสระเสรีแห่งท้องฟ้านภากาศ,พวกเธอไม่ต้องหว่านข้าว,ไม่ต้องเก็บเกี่ยว
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ฉลองแม่พระแห่งลูรดส์


สิ่งที่เห็นไม่ใช่ภาพลวงตาที่เกิดจากความศรัทธาที่เกินจริงของผู้แสวงบุญ
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ไปหาพระเยซูเจ้าผ่านทางพระนางมารีย์


โปรแตสแตนท์มักจะพูดเสมอว่า คาทอลิกให้ความสำคัญต่อพระนางมารีย์มากกว่าพระเยซูเจ้า โดยคาทอลิกมักสอนว่า เราควรไปหาพระเยซูเจ้าโดยผ่านทางพระนางมารีย์เพื่อที่จะได้รับความรอดของพระเยซูเจ้า ทำไมเราจึงไม่ไปหาพระเยซูเจ้าโดยตรงล่ะ ซึ่งเป็นวิธีที่ถูกต้องกว่า

คำตอบ : เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมาในโลกนี้ พระองค์ไม่ได้เสด็จมาหามนุษย์โดยตรงมิใช่หรือ แต่เสด็จมาโดยผ่านทางพระนางมารีย์,ทางพระครรภ์ของพระนาง ทำไมพระเยซูเจ้าไม่เสด็จมายังโลกโดยตรงล่ะ ทั้งๆที่พระองค์สามารถกระทำได้ด้วยพระฤทธานุภาพอันไม่มีที่สิ้นสุดของพระองค์ นี่เป็นความล้ำลึกของพระเจ้าที่ประสงค์ให้เป็นเช่นนี้ พระเยซูเจ้าทรงยกย่องพระนางมารีย์ให้เป็นมารดาของพระองค์ และทรงทำให้พระนางมารีย์เป็นผู้ร่วมการไถ่กู้มนุษยชาติพร้อมกับพระองค์ด้วย

แน่นอนว่าเราสามารถและต้องสวดภาวนาถึงพระเยซูเจ้าโดยตรง และเราก็ยังมีพระนางมารีย์คอยช่วยเหลือเราให้ใกล้ชิดพระเยซูเจ้าได้ง่ายขึ้นสะดวกมากขึ้นด้วย เพราะพระนางทรงรู้จักพระเยซูเจ้าดีที่สุด และรู้จักเราอย่างดีด้วย พระนางมารีย์จะช่วยวิงวอนต่อพระเยซูเจ้าเพื่อพวกเรา

ไม่มีแม่คนใดที่จะไม่ช่วยเหลือลูกเมื่อลูกวอนขอต่อแม่ของเขา เราจึงวอนขอพระนางมารีย์ให้ช่วยเราให้ไปหาพระเยซูเจ้าดังที่พระเยซูเจ้าทรงมาหาเราโดยทางพระนางมารีย์เช่นเดียวกัน

#CATHOLIC 4 LIFE

วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

พระศาสนจักรคาทอลิก


ทำไมพระศาสนจักรคาทอลิกจึงรอดพ้นจากการถูกทำลายจากผู้มุ่งร้านได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ?

เจมส์ ฮิทช์คอก นักประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยปรินซ์ตันเขียนไว้ว่า

“ขณะที่พระศาสนจักรอยู่ที่โลกเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกโดยอาศัยพระเยซูคริสต์,พระผู้ทรงก่อตั้งพระศาสนจักรขึ้นมา ความอ่อนแอทางศีลธรรมของผู้นำของเธออันเป็นที่น่าดูหมิ่นกลับเป็นพยานถึงลักษณะที่ศักดิ์สิทธิ์ของเธอ มนุษย์แต่เพียงอย่างเดียวโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากสวรรค์,ไม่สามารถทำให้พระศาสนจักรบรรลุความสำเร็จในความดีได้ในตลอด 2000 ปี อาศัยแต่เพียงมนุษย์เท่านั้น,พระศาสนจักรจะพินาศไปแล้วในประวัติศาสตร์อันยาวนานที่ผ่านมาของเธอ ทำไมสาส์นของชาวประมงในเรื่องการกลับฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ยังคงอยู่ได้ตลอด 2000 ปีโดยผ่านทางธรรมประเพณี? ในขณะที่จักรวรรดิโรมันอันทรงอำนาจ,ซึ่งได้เบียดเบียนข่มเหงชายหญิงเหล่านี้ ด้วยอำนาจทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อกำจัดพวกเขาให้หมดสิ้นไป แล้วเวลานี้จักรวรรดิโรมันไปอยู่ที่ไหน? ผู้สืบทอดอำนาจของจูเลียส ซีซาร์อยู่ที่ไหน? เพราะชาวประมงที่ชื่อ เปโตรได้รับชัยชนะในการประกาศถึงพระเยซูคริสต์ในโรม และเวลานี้ผู้สืบทอดของชาวประมง,ชื่อของเขาคือ พระสันตปาปาฟรังซิส จักรวรรดิโรมันถูกทิ้งไว้เหลือแต่ซากปรักหักพัง

พระศาสนจักรเชื่อว่าพระจิตเจ้าทรงปกป้องพระศาสนจักรจากข้อผิดพลาดทั้งปวง และพระเจ้าทรงสามารถทำให้เกิดความดีออกมาจากความชั่วที่เกิดจากภายในหรือที่มาจากภายนอกกำแพงของเธอ พระศาสนจักรคาทอลิกจะยังคงอยู่จนถึงวันสิ้นพิภพ จนถึงวันที่พระผู้ทรงก่อตั้งเธอ,พระเยซูคริสต์,จะกลับมาเป็นครั้งทื่สอง

#Catholic 4 Life

วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ความถ่อมตนที่ไม่ถูกต้อง


ความอ่อนน้อมถ่อมตนที่แท้จริงอยู่ที่การเชื่อฟังและปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์
>>>อ่านต่อ

วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

อธิษฐานภาวนา


ถ้าพระเจ้าทรงตอบสนองต่อการสวดภาวนาวอนขอของท่าน แสดงว่าพระเจ้าทรงประสงค์จะเพิ่มพูนความเชื่อของท่าน

เมื่อพระเจ้าทรงชักช้าในการตอบสนองคำภาวนาของท่าน นั่นแสดงว่าพระเจ้าทรงประสงค์ให้ท่านมีความอดทนมากขึ้น

และเมื่อพระเจ้าไม่ทรงตอบสนองคำภาวนาวอนขอของท่าน นั่นแสดงว่า พระเจ้าทรงตระเตรียมบางสิ่งที่ดีกว่าสำหรับท่าน

เพื่อนที่รัก จงจำสิ่งนี้ไว้เสมอ

#Catholic 4 Life

วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ซิสเตอร์เอมมานูเอล กับ มาเรีย ซิมมา


ในระหว่างการสัมภาษณ์กับ Maria Simma ในออสเตรียเมื่อปี 1989 เธอได้บอกกับฉันว่า “การนินทาและใส่ร้ายป้ายสีเป็นมลทินที่เลวร้ายที่สุดสำหรับจิตวิญญาณ และสิ่งเหล่านี้ต้องการการชำระล้างในไฟชำระเป็นเวลานาน” การใส่ร้ายป้ายสีสามารถทำลายชื่อเสียงของบางคนได้ และถึงขั้นผลักดันให้เขาฆ่าตัวตาย นักบุญหลายองค์ได้บรรยายถึงความน่ากลัวของบาปนี้ในสายพระเนตรของพระเจ้า และความทุกข์ทรมานอันแสนสาหัสที่รอคอยผู้ที่ใส่ร้ายป้ายสีในไฟชำระ,ถ้าพวกเขายังไม่กลับใจ นอกจากนี้ “การตั้งใจฟังคำใส่ร้ายป้ายสีก็เท่ากับใส่ร้ายป้ายสีเช่นกัน และต้องรับโทษเช่นเดียวกัน”  แต่อย่าลืมว่า “ความรักลบล้างบาปได้มากมาย” (1 ปต 4:8) ดังนั้นจึงไม่สายเกินไปที่จะวิงวอนต่อพระจิตเจ้าให้ทรงเติมเต็มใจของเราด้วยความรัก ความรักอันศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลมาสู่เราจากรอยบาดแผลแห่งดวงพระหทัยของพระเยซูเจ้า และจะทำให้เรามีความสุขชั่วนิรันดร์

วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ความพากเพียรในการทำความดี


ในพระวรสาร,พระเยซูทรงบอกเราว่า “รางวัลแห่งพระสัญญาจะไม่ประทานให้แก่ผู้ที่เริ่มต้นในการทำความดีหรือกำลังทำที่ทำเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่จะประทานให้แก่ผู้ที่พากเพียรจนถึงวาระสุดท้าย เพราะฉะนั้นผู้ที่เริ่มต้นจำเป็นต้องพากเพียรให้มากขึ้นเสมอ ส่วนผู้ที่กำลังทำจำเป็นต้องทำต่อไปให้ถึงวาระสุดท้าย และคนที่ยังไม่เริ่มต้นเลยนั้นช่างน่าละอายนัก เขาควรจะเริ่มต้นในหนทางที่ถูกต้องได้แล้ว จงใช้ความพยายามและความพากเพียร พ่อรู้ว่านี่เป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่ด้วยแบบอย่างของบรรดานักบุญและด้วยความช่วยเหลือจากพระแม่มารีย์,และพระหรรษทานของพระเจ้า,พระเจ้าผู้ทรงพร้อมเสมอต่อคนที่วอนขอ และเราจะไม่ล้มเหลว
ให้เราสวมใส่ตัวเราเองด้วย ความสม่ำเสมอ,ความอดทน,และด้วยความพากเพียร และจะเป็นความจริงที่พระเยซูตรัสไว้ในพระวรสารว่า “ผู้ที่พากเพียรจนถึงวาระสุดท้ายจะได้รับความรอดพ้น” พ่อขอให้พวกลูกทุกคนนอนหลับฝันดี เปี่ยมด้วยพระหรรษทานและพระพร ไม่แต่เพียงเฉพาะตัวลูกเท่านั้น แต่รวมถึงคนที่ลูกรักในครอบครัวของลูก และคนที่ลูกดูแลเอาใจใส่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนยากจน,คนเจ็บป่วย,คนที่ได้รับความทุกข์ยากลำบาก ขอพระเยซูเจ้าประทานความกล้าหาญและความพากเพียร และประทานสุขภาพดีแก่พวกเขา
ในพระนามของพระบิดา,พระบุตร,และพระจิต อาแมน
ขอสรรเสริญพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์ บัดนี้และตลอดไป 😊🙏🩵

วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

อารมณ์ขันของคุณพ่อปีโอ


ชายคนหนึ่งเป็นกังวลมากเพราะผมบนศีรษะของเชาร่วงมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อเขารู้ถึงอัศจรรย์ย์ของคุณพ่อปีโอ เขาจึงไปหาท่านและกล่าวว่า “คุณพ่อครับ โปรดช่วยสวดภาวนาขอให้ผมของผมไม่ร่วงอีกต่อไปด้วยครับ”
คุณพ่อปีโอซึ่งขณะนั้นกำลังก้าวลงบันไดจากที่ขับร้องก็เปลี่ยนสีหน้าและโบกมือเรียกนักพรตที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับบันไดส่งท่าทางที่บอกว่า “ท่านนั่นแหละ!”
ชายหัวล้านผู้น่าสงสารหันกลับไปมองและเห็นพระสงฆ์หัวล้านจนเป็นเงาเหมือนกระจก ทุกคนต่างพากันหัวเราะลั่น
Padre Pio 😊🙏🩵

วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

รูปถ่ายพระพักตร์พระเยซูเจ้า


ภาพถ่ายนี้ถ่ายโดยซิสเตอร์อันนา อาลี แม่ชีชาวเคนยา ในกรุงโรม เมื่อวันที่ 8 กันยายน (วันฉลองการบังเกิดของพระแม่มารีย์) ปี 1987 เมื่อพระเยซูทรงปรากฏแก่เธอ ทรงขอให้เธอส่งพระดำรัสของพระองค์ออกไป,พระดำรัสขอให้โลกกลับใจ และทรงเตือนให้เธอมีความศรัทธาต่อศีลมหาสนิท การประจักษ์ต่ออันนาดำเนินต่อไปจนถึงปี 1991 ตลอดสี่ปีนั้น เธอได้รับการเยี่ยมเยียนจากพระเยซูทุกสัปดาห์ และทรงร้องไห้เป็นเลือดในคืนวันพุธถึงวันพฤหัสบดี ตามคำให้การของพยาน

พระเยซูทรงอนุญาตให้ซิสเตอร์แอนนาถ่ายรูปพระองค์ในโอกาสต่างๆ ที่พระองค์ปรากฏ และในการเปิดเผยครั้งต่อๆ มา พระองค์ก็ทรงให้เหตุผลในการทำให้พระองค์ปรากฏชัดในยุคของเรา

“จงฟังเรา เราอยู่เหนือโลกนี้ เรายอมให้ตัวเราถูกเห็นได้หลังจากการเตือนหลายครั้ง”

“เราทำให้ตนเองปรากฏให้เห็นเพื่อนำวิญญาณกลับคืนมา”

“เรารักมนุษยชาติ และเราทำให้ตนเองปรากฏให้เห็นเพื่อเป็นการเตือนแห่งพระเมตตา”

“หลายคนไม่ฟังเราเพราะพวกเขาไม่เชื่อว่าเรามีอยู่จริง”

วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

คำเตือนของคุณพ่อบอสโก


ในปี 1847 คุณพ่อบอสโกได้กล่าวตักเตือนเด็กๆของท่านอย่างอบอุ่นโดยเตือนพวกเขาถึงการหลอกลวงของปีศาจ

มีกับดักสองอย่างที่ปีศาจใช้เพื่อทำให้เด็กๆขาดกำลังใจที่จะพยายามเป็นคนดี

กับดักแรกคือการปลูกฝังความคิดที่ว่าการเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้าหมายถึงการมีช่วงเวลาที่น่าเบื่อและไม่มีความสนุกสนาน กับดักที่สองคือการทำให้พวกเขามีความหวังในชีวิตที่ยืนยาว โดยใส่ความคิดว่าพวกเขาสามารถแก้ไขชีวิตของตนเองได้เสมอเมื่อแก่ตัวลง หรือเมื่อความตายเข้ามาคุกคาม

ระวังให้ดีเยาวชนที่รักของพ่อ,เพราะหลายคนถูกหลอกด้วยวิธีนี้ ใครสามารถรับประกันได้ว่าลูกจะมีชีวิตถึงวัยชรา? เราต่อรองกับความตายให้รอจนกว่าเราจะแก่ได้หรือ? ชีวิตและความตายอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า และพระองค์จะจัดการกับสิ่งเหล่านี้ตามที่พระองค์ทรงเห็นสมควร

อย่าปล่อยให้ปีศาจจูงจมูกลูกได้

วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ทำไมพระเจ้าประทานจิตใจอิสระให้แก่มนุษย์


คำตอบ : จิตใจอิสระเกี่ยวข้องกับความรัก ถ้าพระเจ้าบังคับให้มนุษย์ต้องรักพระองค์ นั่นไม่ใช่ความรักที่แท้จริง พระเจ้าทรงต้องการความรักที่แท้จริงและความสัมพันธ์ที่จริงใจของมนุษย์ และนั่นหมายถึงมนุษย์ต้องเลือกด้วยตนเองที่จะรักพระองค์

พระคัมภีร์กล่าวไว้ในบุตรสิรา 15:14-17 “พระองค์ทรงเนรมิตมนุษย์แต่แรกเริ่ม ทรงปล่อยให้เขาตัดสินใจด้วยตนเอง 15ถ้าท่านต้องการ ท่านก็ปฏิบัติตามบทบัญญัติได้ ท่านจะซื่อสัตย์ต่อพระองค์หรือไม่ขึ้นอยู่กับท่าน 16พระองค์ทรงวางน้ำกับไฟไว้ต่อหน้าท่าน ท่านต้องการสิ่งใดก็จงยื่นมือหยิบด้วยตนเอง 17ทั้งชีวิตและความตายอยู่ต่อหน้ามนุษย์ เขาเลือกสิ่งใดก็จะได้รับสิ่งนั้น”

เฉลยธรรมบัญญัติ 30:19 “ข้าพเจ้าเสนอให้ท่านเลือกชีวิตหรือความตาย เลือกคำอวยพรหรือคำสาปแช่ง จงเลือกชีวิตเถิด เพื่อท่านและบุตรหลานของท่านจะมีชีวิต”

พระเจ้าทรงตั้งชีวิตและความตาย คำอวยพรและคำสาปแช่ง ไว้ต่อหน้าเราขึ้นอยู่กับเราที่จะต้องเลือก

แต่พระเจ้าไม่ได้ทรงประทานจิตใจอิสระเพื่อให้เกิดความล้มเหลว พระองค์ประทานจิตใจอิสระให้กับเรา เพราะพระองค์ไว้ใจเรา พระองค์ทราบว่าเราอาจจะเลือกผิดได้ในบางครั้ง แต่พระเจ้าทรงรอเวลาที่เราจะเลือกพระองค์ ในโยชูอา 24:15 โยชูอาพูดกับชาวยิวว่า “ถ้าท่านรังเกียจที่จะรับใช้พระยาห์เวห์ วันนี้ จงเลือกว่าท่านต้องการรับใช้พระเจ้าองค์ใด...ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้าจะรับใช้พระยาห์เวห์”

วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

นักบุญเทเรซา แห่งอาวิลลา หยุดสวดภาวนา


ฉันเริ่มหมกมุ่นอยู่กับงานอดิเรกอันแล้วอันเล่า ในความไร้สาระครั้งแล้วครั้งเล่า
>>>อ่านต่อ