พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม 2025 โปรดเพิ่มพูนความเชื่อแก่เราด้วยเถิด

          บรรดาอัครสาวกทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ‘โปรดเพิ่มความเชื่อให้พวกเราเถิด’ องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสว่า ‘ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด และพูดกับต้นหม่อนต้นนี้ว่า “จงถอนรากแล้วไปขึ้นอยู่ในทะเลเถิด” ต้นหม่อนต้นนั้นก็จะเชื่อฟังท่าน
          ‘ท่านผู้ใดที่มีคนรับใช้ออกไปไถนา หรือไปเลี้ยงแกะ เมื่อคนรับใช้กลับจากทุ่งนา ผู้นั้นจะพูดกับคนรับใช้หรือว่า “เร็วเข้า มานั่งโต๊ะเถิด” แต่จะพูดมิใช่หรือว่า “จงเตรียมอาหารมาให้ฉันเถิด จงคาดสะเอว คอยรับใช้ฉันขณะที่ฉันกินและดื่ม หลังจากนั้นเจ้าจึงกินและดื่ม” นายย่อมไม่ขอบใจผู้รับใช้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งมิใช่หรือ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เมื่อท่านได้ทำตามคำสั่งทุกประการแล้ว จงพูดว่า “ฉันเป็นผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์ เพราะฉันทำตามหน้าที่ที่ต้องทำเท่านั้น”’
(ลูกา 17:5-10)








วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

กระแสเรียกเป็นพระสงฆ์


พ่อมักถูกถามบ่อยๆ,โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบรรดาเยาวชนว่า ทำไมพ่อจึงมาเป็นพระสงฆ์ บางทีพวกคุณก็คงอยากถามคำถามเดียวกันนี้ พ่อจะพยายามตอบอย่างสั้นๆ พ่อขอเริ่มต้นด้วยการพูดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะอธิบายได้ทั้งหมด เพราะมันเป็นเรื่องลึกลับแม้แต่ตัวของพ่อเอง ใครจะสามารถอธิบายวิถีทางของพระเจ้าได้เล่า? พ่อรู้เรื่องนี้,ในจุดหนึ่งของชีวิต เมื่อเริ่มมั่นใจว่าพระคริสต์ทรงตรัสกับพ่อเช่นเดียวกับที่ทรงตรัสกับหลายพันคนที่อยู่ก่อนหน้าพ่อว่า “ตามเรามาเถิด” มีสื่อสัมผัสที่ทำให้พ่อได้ยินในหัวใจของพ่อซึ่งไม่ใช่เสียงของมนุษย์หรือความคิดของพ่อเอง พระคริสต์กำลังเรียกพ่อให้มารับใช้พระองค์ในฐานะพระสงฆ์
และพวกคุณคงคาดเดาได้ว่า พ่อรู้สึกกตัญญูอย่างลึกซึ้งต่อพระเจ้าสำหรับกระแสเรียกของพ่อให้มาสู่ฐานันดรพระสงฆ์ ไม่มีอะไรที่มีความหมายต่อพ่อที่ทำให้พ่อมีความยินดียิ่งไปกว่าการประกอบพิธีมิสซาในแต่ละวันและการรับใช้ประชากรของพระเจ้าในโบสถ์ สิ่งนี้เป็นความจริงนับตั้งแต่วันแรกที่พ่อได้บวชเป็นพระสงฆ์ ไม่มีสิ่งใดมาเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ได้ ไม่ แม้แต่การเป็นพระสันตปาปา”

- พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2

ตรัสไว้ที่ลอสแอนเจอลีส,สหรัฐ (วันที่ 14 กันยายน 1987)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น