ยิ่งเรามอบตัวเราเองให้พระเจ้า,ยิ่งเรามอบตัวเราให้พระศาสนจักร,ยิ่งเรารับใช้ซึ่งกันและกัน พระเจ้ายิ่งทรงประทานคืนกลับมาให้เรามากกว่า ยิ่งเราทำตามพระประสงค์ของพระเจ้ามากเท่าไร,ยื่งเราเปลี่ยนแปลงตัวเองในชีวิตของเรา,เราจะยิ่งได้รับบุญกุศลระดับสูง เราจะได้รับเกียรติ,สง่าราศีมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในสวรรค์ ถ้าเราใจกว้างต่อพระเจ้า,พระเจ้าทรงประทานให้เราเช่นเดียวกัน ดังที่เขียนไว้ว่า จงแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นอันดับแรก แล้วทุกสิ่งจะประทานแก่ท่าน และไม่ใช่แค่วัตถุสิ่งของชั่วคราวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสิ่งของทางด้านจิตใจด้วย อันได้แก่ ความยินดี,สันติสุข,ความอดทน,ความเมตตากรุณา,ความอ่อนโยน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการอย่างแท้จริง พระเจ้าจะทรงประทานให้เรา,ถ้าเรามีใจกว้างต่อพระองค์และต่อพระประสงค์ของพระองค์ นักบุญออกัสตินกล่าวว่า พระเยซูตรัสว่า ท่านให้เราเพียงเล็กน้อย,เราจะให้กลับคืนเป็นอย่างมาก ท่านให้สิ่งของชั่วคราวแก่เรา,เราให้สิ่งของสวรรค์แก่ท่าน ท่านให้สิ่งที่สูญสลายไปได้แก่เรา,เราให้นิรันดรแก่ท่าน
Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2024 พระเยซูทรงรักษาคนตาบอด
  พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์ ขณะที่พระองค์เสด็จออกจากเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์และประชาชนจำนวนมาก บารทิเมอัสบุตรของทิเมอัส คนขอทานตาบอดนั่งอยู่ริมทาง เมื่อได้ยินว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธกำลังเสด็จผ่านมา เขาเริ่มส่งเสียงร้องตะโกนว่า “ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิด เจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” หลายคนดุเขาให้เงียบ แต่เขากลับตะโกนดังยิ่งกว่าเดิมว่า “พระโอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” พระเยซูเจ้าทรงหยุด ตรัสว่า “ไปเรียกเขามาซิ” เขาก็เรียกคนตาบอดพลางกล่าวว่า “ทำใจดี ๆ ไว้ ลุกขึ้น พระองค์กำลังเรียกเจ้าแล้ว” คนตาบอดสลัดเสื้อคลุมทิ้ง กระโดดเข้าไปเฝ้าพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านอยากให้เราทำอะไรให้” คนตาบอดทูลว่า “รับโบนีให้ข้าพเจ้าแลเห็นเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ไปเถิด ความเชื่อของท่านได้ช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว” ทันใดนั้น เขากลับแลเห็นและเดินทางติดตามพระองค์ไป
(มาระโก 10:46-52)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2024 พระเยซูทรงรักษาคนตาบอด
  พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์ ขณะที่พระองค์เสด็จออกจากเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์และประชาชนจำนวนมาก บารทิเมอัสบุตรของทิเมอัส คนขอทานตาบอดนั่งอยู่ริมทาง เมื่อได้ยินว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธกำลังเสด็จผ่านมา เขาเริ่มส่งเสียงร้องตะโกนว่า “ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิด เจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” หลายคนดุเขาให้เงียบ แต่เขากลับตะโกนดังยิ่งกว่าเดิมว่า “พระโอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” พระเยซูเจ้าทรงหยุด ตรัสว่า “ไปเรียกเขามาซิ” เขาก็เรียกคนตาบอดพลางกล่าวว่า “ทำใจดี ๆ ไว้ ลุกขึ้น พระองค์กำลังเรียกเจ้าแล้ว” คนตาบอดสลัดเสื้อคลุมทิ้ง กระโดดเข้าไปเฝ้าพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านอยากให้เราทำอะไรให้” คนตาบอดทูลว่า “รับโบนีให้ข้าพเจ้าแลเห็นเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ไปเถิด ความเชื่อของท่านได้ช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว” ทันใดนั้น เขากลับแลเห็นและเดินทางติดตามพระองค์ไป
(มาระโก 10:46-52)
วันพุธที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2567
วันอังคารที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2567
ใครคือผู้เหยียบหัวของซาตาน
ถ้าพระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้าทรงเหยียบหัวของซาตานด้วยพระองค์เอง ซาตานสามารถพูดได้ว่า มันถูกพระผู้สูงสุด,ผู้ทรงเป็นนิรันดรเหยียบหัวของมัน เพราะฉะนั้นมันก็อยู่เหนือสิ่งสร้างอื่นๆ เพราะมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่สามารถเหยียบหัวมันได้ นั่นทำให้ซาตานสามารถคุยโวโอ้อวดและมีใจหยิ่งผยองอีกต่อไป
พระเจ้าทรงใช้เครื่องมือในการทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จ พระองค์ทรงใช้คุณ,ใช้ผมในแผนการณ์ไถ่กู้ของพระองค์ แล้วใครที่เป็นผู้เหยียบหัวงูร้าย,ซึ่งเป็นปีศาจที่ประจญพระเยซูในทะเลทราย ผู้นั้นคือผู้ที่บริสุทธิ์ปราศจากบาป คือสตรีผู้หนึ่ง,พระนางมารีย์พรหมจารีย์ ตามที่พระคัมภีร์ปฐมกาล 3:15 กล่าวไว้ว่า “เราจะทำให้เจ้าและหญิงเป็นศัตรูกัน ให้ลูกหลานของเจ้าและลูกหลานของนางเป็นศัตรูกันด้วย เขาจะเหยียบหัวของเจ้า และเจ้าจะกัดส้นเท้าของเขา” เป็นเรื่องของเวลาที่พระนางมารีย์จะเหยียบหัวของซาตาน เมื่อซาตานถูกเหยียบหัวโดยสตรี มันจะอับอายมากจนไม่สามารถคุยโอ้อวดและหยิ่งผยองได้อีกต่อไป และนั่นจะเป็นวันแห่งชัยชนะของพระนางมารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมล
สิ่งที่ผมขอแนะนำพวกคุณก็คือ ให้หลีกเลี่ยงการประจญ มีความศรัทธาต่อพระนางมารีย์อย่างมั่นคง
วันจันทร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2567
สาส์นแม่พระ 25 ม.ค. 2024
ลูกที่รักทั้งหลาย
ขอให้ช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาแห่งการสวดภาวนา
ขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่
(สาส์นครั้งนี้นับว่าเป็นสาส์นที่สั้นที่สุด และพระสันตปาปาฟรังซิสได้ประกาศให้ปีนี้เป็นปีแห่งการสวดภาวนา ถือว่าเป็นการตอบสนองสาส์นของแม่พระด้วย ขอให้เราอย่าลืมสวดภาวนาเพื่อพระสันตปาปาฟรังซิส พระองค์กำลังเจ็บป่วย พระองค์มีปอดเพียงข้างเดียว ปอดอีกข้างถูกตัดออกเพราะติดเชื้อ พระองค์ทรงหกล้มเป็นครั้งที่สองแล้วในเดือนนี้)
วันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2567
วันเสาร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2567
ความฝันของคุณพ่อบอสโก 3
พวกเราหลายคนเป็นเหมือนเด็กผู้ชายในความฝันของคุณพ่อบอสโก, คิดว่าเราจะทำได้ดีในเกมส์แห่งบาปได้
>>>อ่านต่อ
วันศุกร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2567
วันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2567
เราจะอยู่กับผู้ที่ทนทุกข์เพื่อเรา
(คอนชิตา ไดอารี่ หน้า 204, 1966: พระองค์ [พระเยซู] ตรัสตอบ...) "คอนชิตา เราต้องการบอกลูกว่าก่อนที่อัศจรรย์จะเกิดขึ้น ลูกจะต้องทนทุกข์ทรมานมาก เพราะจะมีน้อยคนที่เชื่อลูก ครอบครัวของลูกเองจะคิดว่าลูกหลอกลวงพวกเขา เป็นเราเองที่ต้องการให้เป็นเช่นนี้,ดังที่เราได้เคยบอกลูกแล้ว เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของลูกและเพื่อโลกจะได้ปฏิบัติตามสาส์น เราขอบอกลูกว่าชีวิตที่เหลืออยู่ของลูกจะเป็นความทุกข์อย่างต่อเนื่อง จงอย่ากลัว,ในความทุกข์นั้น,ลูกจะพบเราและพระแม่มารีย์ที่ลูกรักมาก ... เราจะอยู่กับผู้ใดก็ตามที่ยอมรับความทุกข์เพื่อเรา”
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)