เบนิโต
มุสโสลินี ไปอยู่ในไฟชำระก่อนที่จะได้เข้าสู่สวรรค์
... อ่านต่อ
Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2025 สมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า
& ประชาชนรู้จึงติดตามพระองค์ไป พระองค์ทรงต้อนรับเขาและตรัสสอนเขาเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้า ทรงรักษาคนที่ต้องการการบำบัดรักษา เมื่อจวนถึงเวลาเย็น อัครสาวกสิบสองคนมาทูลพระองค์ว่า “ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้ประชาชนกลับไปเถิด เขาจะได้ไปตามหมู่บ้านและชนบทโดยรอบเพื่อหาที่พักและอาหาร เพราะขณะนี้เราอยู่ในที่เปลี่ยว” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงหาอาหารให้เขากินเถิด” เขาทูลว่า “เราไม่มีอะไรนอกจากขนมปังห้าก้อนและปลาสองตัวเท่านั้น หรือว่าเราจะไปซื้ออาหารสำหรับคนเหล่านี้ทั้งหมด” ที่นั่นมีผู้ชายประมาณห้าพันคน พระองค์จึงตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงบอกให้พวกเขานั่งลงเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณห้าสิบคน” เขาก็ทำตามและให้ทุกคนนั่งลง พระเยซูเจ้าทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวนั้นมา ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้า ทรงกล่าวถวายพระพร ทรงบิขนมปัง ส่งให้บรรดาศิษย์นำไปแจกจ่ายแก่ประชาชน ทุกคนได้กินจนอิ่ม แล้วยังเก็บเศษที่เหลือได้สิบสองกระบุง
(ลูกา 9:11-17)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2025 สมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า
& ประชาชนรู้จึงติดตามพระองค์ไป พระองค์ทรงต้อนรับเขาและตรัสสอนเขาเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้า ทรงรักษาคนที่ต้องการการบำบัดรักษา เมื่อจวนถึงเวลาเย็น อัครสาวกสิบสองคนมาทูลพระองค์ว่า “ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้ประชาชนกลับไปเถิด เขาจะได้ไปตามหมู่บ้านและชนบทโดยรอบเพื่อหาที่พักและอาหาร เพราะขณะนี้เราอยู่ในที่เปลี่ยว” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงหาอาหารให้เขากินเถิด” เขาทูลว่า “เราไม่มีอะไรนอกจากขนมปังห้าก้อนและปลาสองตัวเท่านั้น หรือว่าเราจะไปซื้ออาหารสำหรับคนเหล่านี้ทั้งหมด” ที่นั่นมีผู้ชายประมาณห้าพันคน พระองค์จึงตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงบอกให้พวกเขานั่งลงเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณห้าสิบคน” เขาก็ทำตามและให้ทุกคนนั่งลง พระเยซูเจ้าทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวนั้นมา ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้า ทรงกล่าวถวายพระพร ทรงบิขนมปัง ส่งให้บรรดาศิษย์นำไปแจกจ่ายแก่ประชาชน ทุกคนได้กินจนอิ่ม แล้วยังเก็บเศษที่เหลือได้สิบสองกระบุง
(ลูกา 9:11-17)
วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2557
วันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2557
พระสันตปาปาสร้างความประหลาดใจ
พระสันตะปาปาได้สร้างความประหลาดใจให้แก่ชาวเกาหลีใต้ในวันนี้
ตามหมายกำหนดการพระองค์จะเสด็จออกจากกรุงโซลไปยัง แดจุง
.....อ่านต่อ
.....อ่านต่อ
วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2557
ด้วยสายตาแห่งความเชื่อ

สายตาแห่งความเชื่อ
คือสายตาที่เราใช้มองดูสิ่งที่ไม่ใช่ของโลกนี้แต่อยู่เหนือกว่า เป็นสายตาที่มองไปในอนาคต เป็นสายตาที่สามารถแยกแยะสิ่งถูกและผิดและสามารถทำให้เห็นหนทางที่จะมุ่งไปสู่สิ่งที่ดี
เรื่องราวต่างๆในพระคัมภีร์ทั้งหมดบอกว่า พระเป็นเจ้าทรงยกย่องผู้มีความเชื่อ ความเชื่อหมายถึงความมั่นใจในพระเป็นเจ้า ยอมให้พระองค์ทรงกระทำทุกสิ่งต่อเราและนำทางเราไปในทุกแห่งทุกสถานการณ์ตามพระประสงค์ของพระองค์ ด้วยความเชื่อมั่นว่าสิ่งนั้นเป็นน้ำพระทัยของพระองค์ และเป็นแผนการของพระองค์ที่ทรงมีต่อชีวิตของเรา
ถ้ามีบางคนพูดถึงบางเรื่องเกี่ยวกับคุณในทางที่ไม่ดี?
จงสลัดมันทิ้งไปเสียจากชีวิตของคุณเหมือนสลัดฝุ่นดินออกจากรองเท้าของเรา จงเรียนรู้ในเรื่องนี้เป็นอันดับแรก – คือสลัดละทิ้งสิ่งที่คนอื่นพูดหรือคิดถึงเราในทางที่ไม่ดี มีบางเวลาที่เราทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่บ่อยครั้งปีศาจจะล่อลวงให้เราทำสิ่งที่ไม่ดีไม่ถูกต้อง ทำให้เราตาบอดและเกิดความกลัว เพื่อทำให้เราหมดกำลังใจ
ทันทีที่มันปรากฏต่อเรา เราต้องรีบปฏิเสธมัน เราต้องขุดรากของมันออกจากใจของเราทันที
ถ้าเราทำเช่นนี้บ่อยๆ เราจะเรียนรู้วิธีในการกำจัดปีศาจได้ง่ายขึ้น
ขั้นต่อไป เราต้องมองตัวเองในแสงสว่าง อย่างที่พระเป็นเจ้าทรงทอดพระเนตรเห็นเรา
พระองค์ทรงรักเรายิ่งกว่าเรารักตัวเราเองเสียอีก จงมองดูตัวเองตามความเป็นจริง –
นี่เป็นพลังที่จะทำให้คุณกลายเป็นผู้รับใช้ที่ดีของพระเป็นเจ้าในนิรันดรภาพ พระเป็นเจ้าทรงทราบดีว่า ภายใต้เนื้อหนังแห่งร่างกายนี้ และส่วนลึกของชีวิตที่เต็มไปด้วยการดิ้นรนนี้
เป็นความสวยงามที่ซ่อนอยู่ภายในซึ่งพร้อมจะเปิดเผยออกมา เหมือนดังเช่นดักแด้ที่อยู่ในรังเส้นใย
ซึ่งเมื่อถึงเวลาก็จะออกมาจากรังเส้นใยกลายเป็นผิเสื้อที่สวยงามบินโผผินไปในอากาศ
เราจะสวยงามเช่นนี้ได้อย่างไรหรือ? เราต้องกลับไปที่เรื่องสายตาแห่งความเชื่อ ด้วยสายตานี้เรามองข้ามความวุ่นวายของปัจจุบัน –
มองข้ามปัญหาทุกอย่าง – และหันไปมองดูสิ่งดีๆที่มีอยู่ สิ่งที่เราต้องการให้เกิด บุคคลที่เราต้องการเป็นเหมือนเขา
และถ้าสิ่งนั้นเป็นน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า สิ่งนั้นคือเส้นทางที่เราต้องเดินตาม
เมื่อเรายกสายตาของเราขึ้นมองข้ามบุคคลที่ทำร้ายเรา
มองข้ามการทดลองต่างๆของโลกไม่ว่ามันจะร้ายกาจสักเพียงใด นั่นเป็นเส้นทางเดินแห่งความรุ่งเรืองของเรา
บนกางเขน พระเยซูคริสต์ทรงทอดพระเนตรขึ้นเบื้องบน
สวรรค์อยู่ในจิตใจของพระองค์แม้ว่าพระองค์ทรงถูกตรึงอยู่บนกางเขน
และพระองค์ทรงมอบสวรรค์ให้แก่โจรที่ถูกตรึงพร้อมกับพระองค์
ในทางตรงข้าม ปีศาจต้องการให้เราสูญเสียความหวัง ต้องการให้เราหมดกำลังใจ
ต้องการให้เราคิดว่าเราตกต่ำจนไม่สามารถขึ้นมาจากหลุมแห่งความตกต่ำนั้นได้ มันพยายามขัดขวางเราไม่ให้สวดภาวนา แต่มันจะทำไม่สำเร็จถ้าเราจะสลัดมันทิ้งไปเสียด้วยการเอ่ยพระนามของพระเยซูเจ้า
เพราะฉะนั้นในครั้งต่อไปที่คุณรู้สึกท้อแท้ใจ จงสลัดละความรู้สึกนั้น เริ่มต้นสวดภาวนา
ในการภาวนานี้ให้คุณมองตนเองและสภาพของคุณในแสงสว่าง มองดูปัญหาต่างๆของคุณที่ค่อยๆละลายหายไป มองดูพระคริสตเจ้าผู้ทรงกำลังพยุงคุณให้ลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ปีศาจจะมีอำนาจก็ต่อเมื่อคุณยอมมัน พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ปกครองเหนือทุกสิ่งและทุกสถานการณ์ พระองค์ทรงเป็นความยินดีและสันติสุข
ผู้ทรงกำลังรอคอยคุณและรักคุณมากเกินกว่าที่คุณคิด แต่พระองค์ทรงรอให้คุณยกสายตาแห่งความเชื่อของคุณขึ้น มองดูดินแดนแห่งความชื่นชมยินดีและเข้ามาสู่ดินแดนนี้
วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เพลง Koinonia
เพลง Koinonia เป็นเพลงที่ใช้ต้อนรับพระสันตะปาปาอย่างเป็นทางการ
ในการเสด็จเป็นประธานของพระองค์ในงานวันเยาวชนเอเชีย ตั้งแต่วันที่ 14-18 กรกฎาคม
Koinonia เป็นภาษากรีกแปลว่า “มิตรภาพ” เป็นเพลงที่บอกถึงความรักของพระเป็นเจ้าต่อมนุษย์ ดารานักร้องวัยรุ่น 36 คนเป็นผู้ร้องเพลงอันเป็นที่รู้จักกันดีนี้ในเกาหลีใต้
Koinonia เป็นภาษากรีกแปลว่า “มิตรภาพ” เป็นเพลงที่บอกถึงความรักของพระเป็นเจ้าต่อมนุษย์ ดารานักร้องวัยรุ่น 36 คนเป็นผู้ร้องเพลงอันเป็นที่รู้จักกันดีนี้ในเกาหลีใต้
วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557
พระรูปแม่พระในอิรัก
พระสันตะปาปาทรงเศร้าพระทัยในเหตุการณ์ในอิรักและซีเรีย ทรงเรียกร้องให้ยุติสงคราม
“ยุคนี้มีมรณสักขีมากกว่าในศตวรรษแรกเสียอีก”
ชายชาว ยีซีดิส 500 คนและเด็กๆถูกฆ่าโดยพวก
ISIS และพวกนี้ยังอ้างว่าตามกฎบัญญัติของอิสลามและคำสอนของมูฮัมหมัด ผู้หญิงจะถูกส่งไปให้ทหารมุสลิมข่มขืน ชาวยีซีดิสเป็นชนกลุ่มน้อยในอิรัก ปฏิบัติตามศาสนาดั้งเดิมในแถบนั้น เวลานี้กำลังถูกกำจัดออกไปโดยพวก ISIS
เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2014 สมาชิกสภาผู้เป็นตัวแทนของชาวยิซีดิส
ได้ร้องไห้และขอร้องประชาคมโลกให้ช่วยเหลือชาวยิซีดิสของพวกเขา นาง Fiyan Dakheel
ซึ่งเป็นผู้แทนของชาวยีซีดิสได้ร้องไห้อย่างขมขื่นเรียกร้องมนุษยธรรมเพื่อช่วยเหลือชาวยีซีดิสให้พ้นจากการถูกฆ่าล้างเผ่าพันธ์โดยพวก
ISIS คนที่ถูกพวก ISIS ฆ่าไม่ใช่มีแต่คริสตชนเท่านั้น แต่ยังมี ผู้นับถืออิสลามนิกาย สุหนี่ ชิอะห์ และชนกลุ่มน้อย ซึ่งนับรวมแล้วเป็นจำนวนนับพันคนที่ถูกฆ่าไปแล้ว จุดประสงค์ของพวก ISIS คือการนำกฎบัญญํติ เชอเรีย ของอิสลามมาปกครองประเทศและทำให้ประเทศเป็นรัฐอิสลามเหมือนสมัยกาลิปแห่งเปอร์เซีย
วันพุธที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2557
ผู้ก่อการร้ายในมาเลเซียและอินโดนีเซีย
ในกัวลาลัมเปอร์และจาการ์ตา ได้มีคำเตือนว่าพวกสมุนของกลุ่มก่อตั้งรัฐอิสลามเตรียมพร้อมแล้วที่จะโจมตีสถานที่ต่างในประเทศ บริเวณที่เป็นเป้าหมายคือ
สถานที่ราชการ,ที่สาธารณะและสถานที่ซึ่งเป็นจุดอ่อนไหว เป้าหมายคือการลบล้างสถาบันทางด้านทุนนิยมและแหล่งโลกียสถานเพื่อที่จะนำกฎหมายอิสลาม
(ชาเรีย) มาใช้ปกครองประเทศ มีชาวมาเลเซียอย่างน้อย
20 คนอยู่ในซีเรียที่กำลังทำสงครามจีฮัด
และมีคนจากฟิลิปปินส์ร่วมด้วยเป็นครั้งแรก
ผู้เชี่ยวชาญด้านต่อต้านผู้ก่อการร้ายจากมาเลเซียและอินโดนีเซีย
รายงานว่ามีชาวมาเลเซียและอินโดนีเซียหลายคนได้เข้าร่วมกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายอิสลาม
Islamic State
terror group (formerly known as ISIS)
ที่กำลังปฏิบัติการอยู่ในอิรักและซีเรีย และดูเหมือนว่าพวกนี้มีแผนการจะโจมตีและก่อความวุ่นวายในประเทศบ้านเกิดของตนเองด้วย
ความสำเร็จในการยึดเมืองหลายเมืองในอิรัก
ทำให้พวกนี้มีความฮึกเหิม
และกระทำการอย่างโหดร้ายต่อชนกลุ่มน้อย
เหตุการณ์นี้กำลังแพร่กระจายไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยเช่นกัน
กลุ่มเคลื่อนไหวและผู้นำมุสลิมได้รับแรงบันดาลใจจากการกระทำของพวกนักรบนิกายสุหนี่ จึงตั้งใจจะสนับสนุนให้จัดตั้งรัฐกาลิปอิสลาม
หน่วยงานต่อต้านการก่อการร้ายในกัวลาลัมเปอร์และจาการ์ตาได้เตือนว่า
สมุนของกลุ่มก่อตั้งรัฐอิสลามต้องการล้มล้างรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฏหมาย ด้วยความคิดที่ว่ารัฐบาลนี้เป็นสถาบันทางโลกียโดยธรรมชาติ พวกนี้ต้องการนำกฎหมายชาเรียมาใช้อย่างเข้มงวดตามกฎบัญญัติของอิสลาม
ตามการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญ
ผู้ก่อการร้ายที่ปฏิบัติการอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจำนวนเพิ่มขึ้น
และในมาเลเซีย,มีการจับกุมเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างน้อย 19
คนที่ต้องสงสัยว่าเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายในระหว่าง 7 เดือนที่ผ่านมานี้
ผู้ถูกจับกุมได้เปิดเผยแผนการที่จะโจมตีหน่วยงานภาครัฐ ไนต์คลับ
บาร์และสถานเริงรมย์บนถนนสายบันเทิงยามค่ำคืน ในเวลาเดียวกัน มีชาวมาเลย์อย่างน้อย 20
คนได้เดินทางไปซีเรียเพื่อเข้าร่วมในการทำสงคราม
แต่จำนวนอาจมีมากกว่านี้
ในอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศที่มีชาวมุสลิมมากที่สุดในโลก ได้สั่งห้ามการสนับสนุนกลุ่มเคลื่อนไหวหัวรุนแรง และมีการจับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม
อันตรายยังมีอยู่และมีมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะข้าราชการชั้นสูงรวมทั้งรัฐมนตรีไม่ค่อยให้ความสนใจที่จะป้องกันเรื่องนี้
มีรายงานว่ากลุ่มหัวรุนแรงมุสลิมในฟิลิปปินส์ก็พยายามเข้าร่วมปฏิบัติการแบบเดียวกับกลุ่มหัวรุนแรงมุสลิมในมาเลเซียและอินโดนีเซีย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)