พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2024 พระเยซูทรงรักษาคนตาบอด

           พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์ ขณะที่พระองค์เสด็จออกจากเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์และประชาชนจำนวนมาก บารทิเมอัสบุตรของทิเมอัส คนขอทานตาบอดนั่งอยู่ริมทาง เมื่อได้ยินว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธกำลังเสด็จผ่านมา เขาเริ่มส่งเสียงร้องตะโกนว่า “ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิด เจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” หลายคนดุเขาให้เงียบ แต่เขากลับตะโกนดังยิ่งกว่าเดิมว่า “พระโอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” พระเยซูเจ้าทรงหยุด ตรัสว่า “ไปเรียกเขามาซิ” เขาก็เรียกคนตาบอดพลางกล่าวว่า “ทำใจดี ๆ ไว้ ลุกขึ้น พระองค์กำลังเรียกเจ้าแล้ว” คนตาบอดสลัดเสื้อคลุมทิ้ง กระโดดเข้าไปเฝ้าพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านอยากให้เราทำอะไรให้” คนตาบอดทูลว่า “รับโบนีให้ข้าพเจ้าแลเห็นเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ไปเถิด ความเชื่อของท่านได้ช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว” ทันใดนั้น เขากลับแลเห็นและเดินทางติดตามพระองค์ไป
(มาระโก 10:46-52)








วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

อย่าตอบแทนความชั่วด้วยความชั่ว


ปีแอร์ เทาเซนต์ เกิดปี 1766 ในฐานะทาสที่อาณานิคมฝรั่งเศสในไฮติ  เมื่อเขาอายุ 11 ปี  เจ้านายของเขาได้อพยพไปอยู่ที่นิวยอร์ก  นำภรรยา , ลูกและทาส 5 คน ซึ่งรวมทั้งปีแอร์ไปกับเขาด้วย  เมื่อเจ้านายของเขาเสียชีวิต  ปีแอร์สมัครที่จะอยู่รับใช้ครอบครัวของเจ้านายในฐานะทาสต่อไป  และทำหน้าที่เป็นช่างตัด-แต่งผม เพื่อหาเงินให้ครอบครัวนี้เป็นเวลานานถึง 20 ปี  ต่อมาในปี 1807 ภรรยาของเจ้านายได้เจ็บป่วย  และก่อนจะเสียชีวิต  เธอได้ปล่อยปีแอร์ให้เป็นอิสระ  ปีแอร์ได้แต่งงานกับจูเลียตซึ่งเป็นทาสเช่นเดียวกัน  ทั้งสองอุทิศตนเพื่อดูแลเด็กกำพร้าผิวดำ  ในเวลาเดียวกันปีแอร์ก็พยายามช่วยเหลือทาสด้วยการใช้เงินเพื่อไถ่ตัวของทาส  เขาช่วยดูแลผู้เจ็บป่วยด้วยโรคท้องร่วงหรือโรคไข้เหลือง  ในนิวยอร์กผู้คนต่างรู้จักปีแอร์ในฐานะมีใจบุญสุนทาน  เขาได้บริจาคเงินเพื่อช่วยสร้างโบสถ์ เซนต์แพททริก  และทุกๆวันตลอด 70 ปี  เขาจะร่วมพิธีมิสซาที่โบสถ์คาทอลิกเก่าแก่ของเมือง  โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ที่อยู่ชานเมืองแมนฮัตตัน  เขาเสียชีวิตในปี 1853  มีคนนับพันมาร่วมพิธีศพของเขาด้วยความอาลัยรัก  มีผู้คนทั้งผิวขาว  ผิวดำ  คาทอลิก และโปรแตสแตนท์  ในปี 1996 พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ทรงสถาปนาปีแอร์ขึ้นเป็น “ผู้ควรเคารพ” Venerable  ศพของเขาถูกย้ายไปอยู่ใต้พระแท่นของอาสนวิหารเซนต์แพททริก(William J. Bausch, Once Upon A Gospel, p. 326)

วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

พ่อคำพา งามสวัสดิ์


ประวัติพ่อคำพา งามสวัสดิ์ ผู้เริ่มกลุ่มคริสตชนวัดนักบุญนักบุญเปาโล­กลับใจ แก้งคร้อ และวัดแม่พระปฏิสนธินิรมล หนองหญ้าปล้อง

วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การประจญล่อลวง

บาปต้นเจ็ดประการ คือ  ความหยิ่งจองหอง, ความโลภ  ความอิจฉาริษยา  ความโกรธแค้น  ความลามก  ความตะกละ  และความเกียจคร้าน  เป็นมูลฐานของการประจญล่อลวงทุกชนิด.....อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การอดอาหาร 2

“การอดอาหารช่วยชำระล้างวิญญาณ  ยกจิตใจให้สูงขึ้น  ทำให้เนื้อหนังอยู่ภายใต้การควบคุมของจิตใจ  ทำให้มีใจสุภาพถ่อมตน  กำจัดหมอกควันของราคะตัณหา  ดับไฟของความลุ่มหลง และจุดไฟแห่งความรักที่แท้จริงให้เกิดขึ้นในตัวของท่านอีกครั้งหนึ่ง”
น. ออกัสติน (350-430)

วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ความจริงบางประการในพระคัมภีร์

     ในเลวีนิติ 21:10 ห้ามสมณะฉีกเสื้อผ้าของเขา     
     ในมัทธิว 26: 65 ไกฟาส  หัวหน้าสมณะในปีนั้น ได้ฉีกเสื้อคลุมเพื่อเป็นการประท้วงพระเยซูเจ้าที่ทรงประกาศว่าพระองค์เป็นบุตรของพระเจ้า 
     ในยอห์น 19: 24 ทหารโรมันไม่ได้ฉีกเสื้อคลุมของพระเยซูเจ้า แต่นำไปจับฉลากแบ่งกัน (พระเยซูเจ้าทรงเป็นสงฆ์สูงสุด) 
     ในมัทธิว 27: 51  พระเป็นเจ้าทรงฉ๊กผ้าม่านในพระวิหารเมื่อพระเยซูเจ้าทรงสิ้นพระชนม์บนกางเขน
โยเอล 2: 12-13 เขียนว่า   จงกลับมาหาพระเจ้า  จงฉีกหัวใจของเจ้า  ไม่ใช่เสื้อผ้าของเจ้า
ยอห์น 19:34   ทหารคนหนึ่งได้ใช้หอกแทงที่สีข้างของพระเยซูเจ้าดวงพระทัยก็เปิดออก  โลหิตและน้ำก็ไหลออกมา

วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การอดอาหาร


“การอดอาหารให้กำเนิดประกาศกและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของจิตใจ  การอดอาหารให้ความรู้และกฏเกณฑ์แก่นักปราชญ์  เป็นผู้พิทักษ์ที่ดีของวิญญาณ  ทำให้ร่างกายยืนหยัดอย่างมั่นคง  เป็นอาวุธสำหรับนักรบ  และเป็นสนามประลองสำหรับนักกีฬา  การอดอาหารช่วยขับไล่การประจญล่อลวง  ก่อให้เกิดความศรัทธา  มันเป็นมิตรสหายของการเฝ้าระวังและเป็นผู้ชำนาญในความรัก  ในสงครามมันจะต่อสู้อย่างกล้าหาญ  ในเวลาที่มีสันติภาพมันจะสั่งสอนอย่างเงียบสงบ”   
วาทะของ น. บาซิล ผู้ยิ่งใหญ่ (330-379)

วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สงครามโลกครั้งที่ 3


    พระสันตปาปาฟรังซิสทำให้ทุกคนประหลาดใจ  เมื่อตรัสว่าเราได้เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 เรียบร้อยแล้ว                     “มนุษยชาติต้องร่ำไห้...แม้ในวันนี้  หลังจากความตกต่ำสองครั้ง  ยังมีสงครามโลกอีกซึ่งเราอาจเรียกมันว่าสงครามโลกครั้งที่ 3  มันอยู่ในรูปแบบของการก่ออาชญากรรม , การสังหารหมู่ , การทำลายล้าง  การก่อการร้าย” พระดำรัสในสุสานผู้เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 1 สโลเวเนีย อิตาลี  13 ก.ย. 2014 bbc.com
            น.เปาโลได้พูดถึงสภาพของมนุษย์ในยุคสุดท้ายว่า
"..ในยุคสุดท้ายจะมีความยุ่งยากเกิดขึ้น  มนุษย์จะทำตามใจตน  เห็นแก่เงิน  อวดดี  ยโสและหยาบคาย  ดื้อด้านต่อบิดามารดา  เนรคุณ  ไม่นับถือศาสนา  ไร้มนุษยธรรม  ไม่ยอมให้อภัย  นินทาว่าร้าย  เสเพลเข้ากับใครไม่ได้  เกลียดชังความดี  ทรยศ  ไม่คำนึงถึงผู้อื่น  หยิ่งผยอง  รักสนุกมากกว่ารักพระเจ้า" (2 ทิโมธี 3:1-4)
แล้วบุตรแห่งความพินาศ  หรือ บุตรแห่งนรกอเวจี (son of perdition ) ก็จะปรากฏตัวออกมา