ปีแอร์ เทาเซนต์ เกิดปี 1766 ในฐานะทาสที่อาณานิคมฝรั่งเศสในไฮติ เมื่อเขาอายุ 11 ปี เจ้านายของเขาได้อพยพไปอยู่ที่นิวยอร์ก นำภรรยา , ลูกและทาส 5 คน ซึ่งรวมทั้งปีแอร์ไปกับเขาด้วย เมื่อเจ้านายของเขาเสียชีวิต
ปีแอร์สมัครที่จะอยู่รับใช้ครอบครัวของเจ้านายในฐานะทาสต่อไป และทำหน้าที่เป็นช่างตัด-แต่งผม
เพื่อหาเงินให้ครอบครัวนี้เป็นเวลานานถึง 20 ปี
ต่อมาในปี 1807 ภรรยาของเจ้านายได้เจ็บป่วย และก่อนจะเสียชีวิต เธอได้ปล่อยปีแอร์ให้เป็นอิสระ
ปีแอร์ได้แต่งงานกับจูเลียตซึ่งเป็นทาสเช่นเดียวกัน ทั้งสองอุทิศตนเพื่อดูแลเด็กกำพร้าผิวดำ
ในเวลาเดียวกันปีแอร์ก็พยายามช่วยเหลือทาสด้วยการใช้เงินเพื่อไถ่ตัวของทาส
เขาช่วยดูแลผู้เจ็บป่วยด้วยโรคท้องร่วงหรือโรคไข้เหลือง ในนิวยอร์กผู้คนต่างรู้จักปีแอร์ในฐานะมีใจบุญสุนทาน เขาได้บริจาคเงินเพื่อช่วยสร้างโบสถ์
เซนต์แพททริก และทุกๆวันตลอด 70 ปี เขาจะร่วมพิธีมิสซาที่โบสถ์คาทอลิกเก่าแก่ของเมือง
โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ที่อยู่ชานเมืองแมนฮัตตัน เขาเสียชีวิตในปี 1853 มีคนนับพันมาร่วมพิธีศพของเขาด้วยความอาลัยรัก มีผู้คนทั้งผิวขาว ผิวดำ
คาทอลิก และโปรแตสแตนท์ ในปี 1996
พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ทรงสถาปนาปีแอร์ขึ้นเป็น “ผู้ควรเคารพ” Venerable
ศพของเขาถูกย้ายไปอยู่ใต้พระแท่นของอาสนวิหารเซนต์แพททริก(William
J. Bausch, Once
Upon A Gospel, p. 326)
Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2024 พระเยซูทรงรักษาคนตาบอด
  พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์ ขณะที่พระองค์เสด็จออกจากเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์และประชาชนจำนวนมาก บารทิเมอัสบุตรของทิเมอัส คนขอทานตาบอดนั่งอยู่ริมทาง เมื่อได้ยินว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธกำลังเสด็จผ่านมา เขาเริ่มส่งเสียงร้องตะโกนว่า “ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิด เจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” หลายคนดุเขาให้เงียบ แต่เขากลับตะโกนดังยิ่งกว่าเดิมว่า “พระโอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” พระเยซูเจ้าทรงหยุด ตรัสว่า “ไปเรียกเขามาซิ” เขาก็เรียกคนตาบอดพลางกล่าวว่า “ทำใจดี ๆ ไว้ ลุกขึ้น พระองค์กำลังเรียกเจ้าแล้ว” คนตาบอดสลัดเสื้อคลุมทิ้ง กระโดดเข้าไปเฝ้าพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านอยากให้เราทำอะไรให้” คนตาบอดทูลว่า “รับโบนีให้ข้าพเจ้าแลเห็นเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ไปเถิด ความเชื่อของท่านได้ช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว” ทันใดนั้น เขากลับแลเห็นและเดินทางติดตามพระองค์ไป
(มาระโก 10:46-52)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2024 พระเยซูทรงรักษาคนตาบอด
  พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์ ขณะที่พระองค์เสด็จออกจากเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์และประชาชนจำนวนมาก บารทิเมอัสบุตรของทิเมอัส คนขอทานตาบอดนั่งอยู่ริมทาง เมื่อได้ยินว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธกำลังเสด็จผ่านมา เขาเริ่มส่งเสียงร้องตะโกนว่า “ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิด เจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” หลายคนดุเขาให้เงียบ แต่เขากลับตะโกนดังยิ่งกว่าเดิมว่า “พระโอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” พระเยซูเจ้าทรงหยุด ตรัสว่า “ไปเรียกเขามาซิ” เขาก็เรียกคนตาบอดพลางกล่าวว่า “ทำใจดี ๆ ไว้ ลุกขึ้น พระองค์กำลังเรียกเจ้าแล้ว” คนตาบอดสลัดเสื้อคลุมทิ้ง กระโดดเข้าไปเฝ้าพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านอยากให้เราทำอะไรให้” คนตาบอดทูลว่า “รับโบนีให้ข้าพเจ้าแลเห็นเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ไปเถิด ความเชื่อของท่านได้ช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว” ทันใดนั้น เขากลับแลเห็นและเดินทางติดตามพระองค์ไป
(มาระโก 10:46-52)
วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
พ่อคำพา งามสวัสดิ์
ประวัติพ่อคำพา งามสวัสดิ์ ผู้เริ่มกลุ่มคริสตชนวัดนักบุญนักบุญเปาโล
วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
การประจญล่อลวง
บาปต้นเจ็ดประการ
คือ ความหยิ่งจองหอง, ความโลภ ความอิจฉาริษยา ความโกรธแค้น
ความลามก ความตะกละ และความเกียจคร้าน เป็นมูลฐานของการประจญล่อลวงทุกชนิด.....อ่านต่อ
วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
การอดอาหาร 2
“การอดอาหารช่วยชำระล้างวิญญาณ ยกจิตใจให้สูงขึ้น
ทำให้เนื้อหนังอยู่ภายใต้การควบคุมของจิตใจ ทำให้มีใจสุภาพถ่อมตน กำจัดหมอกควันของราคะตัณหา ดับไฟของความลุ่มหลง
และจุดไฟแห่งความรักที่แท้จริงให้เกิดขึ้นในตัวของท่านอีกครั้งหนึ่ง”
น. ออกัสติน
(350-430)
วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
ความจริงบางประการในพระคัมภีร์
ในเลวีนิติ 21:10 ห้ามสมณะฉีกเสื้อผ้าของเขา
ในมัทธิว 26: 65 ไกฟาส หัวหน้าสมณะในปีนั้น ได้ฉีกเสื้อคลุมเพื่อเป็นการประท้วงพระเยซูเจ้าที่ทรงประกาศว่าพระองค์เป็นบุตรของพระเจ้า
ในยอห์น 19: 24 ทหารโรมันไม่ได้ฉีกเสื้อคลุมของพระเยซูเจ้า แต่นำไปจับฉลากแบ่งกัน (พระเยซูเจ้าทรงเป็นสงฆ์สูงสุด)
ในมัทธิว 27: 51 พระเป็นเจ้าทรงฉ๊กผ้าม่านในพระวิหารเมื่อพระเยซูเจ้าทรงสิ้นพระชนม์บนกางเขน
โยเอล 2: 12-13 เขียนว่า จงกลับมาหาพระเจ้า จงฉีกหัวใจของเจ้า ไม่ใช่เสื้อผ้าของเจ้า
ยอห์น 19:34 ทหารคนหนึ่งได้ใช้หอกแทงที่สีข้างของพระเยซูเจ้าดวงพระทัยก็เปิดออก โลหิตและน้ำก็ไหลออกมา
ในมัทธิว 26: 65 ไกฟาส หัวหน้าสมณะในปีนั้น ได้ฉีกเสื้อคลุมเพื่อเป็นการประท้วงพระเยซูเจ้าที่ทรงประกาศว่าพระองค์เป็นบุตรของพระเจ้า
ในยอห์น 19: 24 ทหารโรมันไม่ได้ฉีกเสื้อคลุมของพระเยซูเจ้า แต่นำไปจับฉลากแบ่งกัน (พระเยซูเจ้าทรงเป็นสงฆ์สูงสุด)
ในมัทธิว 27: 51 พระเป็นเจ้าทรงฉ๊กผ้าม่านในพระวิหารเมื่อพระเยซูเจ้าทรงสิ้นพระชนม์บนกางเขน
โยเอล 2: 12-13 เขียนว่า จงกลับมาหาพระเจ้า จงฉีกหัวใจของเจ้า ไม่ใช่เสื้อผ้าของเจ้า
ยอห์น 19:34 ทหารคนหนึ่งได้ใช้หอกแทงที่สีข้างของพระเยซูเจ้าดวงพระทัยก็เปิดออก โลหิตและน้ำก็ไหลออกมา
วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
การอดอาหาร
“การอดอาหารให้กำเนิดประกาศกและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของจิตใจ การอดอาหารให้ความรู้และกฏเกณฑ์แก่นักปราชญ์ เป็นผู้พิทักษ์ที่ดีของวิญญาณ ทำให้ร่างกายยืนหยัดอย่างมั่นคง เป็นอาวุธสำหรับนักรบ และเป็นสนามประลองสำหรับนักกีฬา การอดอาหารช่วยขับไล่การประจญล่อลวง ก่อให้เกิดความศรัทธา มันเป็นมิตรสหายของการเฝ้าระวังและเป็นผู้ชำนาญในความรัก ในสงครามมันจะต่อสู้อย่างกล้าหาญ ในเวลาที่มีสันติภาพมันจะสั่งสอนอย่างเงียบสงบ”
วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
สงครามโลกครั้งที่ 3
พระสันตปาปาฟรังซิสทำให้ทุกคนประหลาดใจ เมื่อตรัสว่าเราได้เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 3
เรียบร้อยแล้ว
“มนุษยชาติต้องร่ำไห้...แม้ในวันนี้
หลังจากความตกต่ำสองครั้ง
ยังมีสงครามโลกอีกซึ่งเราอาจเรียกมันว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 มันอยู่ในรูปแบบของการก่ออาชญากรรม , การสังหารหมู่ , การทำลายล้าง การก่อการร้าย”
พระดำรัสในสุสานผู้เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 1 สโลเวเนีย อิตาลี 13 ก.ย. 2014 bbc.com
น.เปาโลได้พูดถึงสภาพของมนุษย์ในยุคสุดท้ายว่า
"..ในยุคสุดท้ายจะมีความยุ่งยากเกิดขึ้น มนุษย์จะทำตามใจตน เห็นแก่เงิน
อวดดี ยโสและหยาบคาย ดื้อด้านต่อบิดามารดา เนรคุณ
ไม่นับถือศาสนา ไร้มนุษยธรรม ไม่ยอมให้อภัย
นินทาว่าร้าย
เสเพลเข้ากับใครไม่ได้
เกลียดชังความดี ทรยศ ไม่คำนึงถึงผู้อื่น หยิ่งผยอง
รักสนุกมากกว่ารักพระเจ้า" (2 ทิโมธี 3:1-4)แล้วบุตรแห่งความพินาศ หรือ บุตรแห่งนรกอเวจี (son of perdition ) ก็จะปรากฏตัวออกมา
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)