พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม 2025 จงเข้าทางประตูที่แคบ

          พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านเมืองและหมู่บ้าน ทรงสั่งสอนประชาชนและทรงเดินทางมุ่งไปกรุงเยรูซาเล็ม คนคนหนึ่งทูลถามพระองค์ว่า ‘พระเจ้าข้า มีคนน้อยคนใช่ไหมที่รอดพ้นได้’ พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า ‘จงพยายามเข้าทางประตูแคบ เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่าหลายคนพยายามจะเข้าไป แต่จะเข้าไม่ได้ ‘เมื่อเจ้าของบ้านจะลุกขึ้นเพื่อปิดประตู ท่านจะยืนอยู่ข้างนอก เคาะประตูพูดว่า “พระเจ้าข้า เปิดประตูให้พวกเราด้วย” แต่เขาจะตอบว่า “เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใด” แล้วท่านก็จะพูดว่า “พวกเราได้กินได้ดื่มอยู่กับท่าน ท่านได้สอนในลานสาธารณะของเรา” แต่เจ้าของบ้านจะตอบว่า “เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใดไปให้พ้นจากเราเถิด เจ้าทั้งหลายที่กระทำการชั่วช้า”
(ลูกา 13:22-30)








วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

อย่าตอบแทนความชั่วด้วยความชั่ว


ปีแอร์ เทาเซนต์ เกิดปี 1766 ในฐานะทาสที่อาณานิคมฝรั่งเศสในไฮติ  เมื่อเขาอายุ 11 ปี  เจ้านายของเขาได้อพยพไปอยู่ที่นิวยอร์ก  นำภรรยา , ลูกและทาส 5 คน ซึ่งรวมทั้งปีแอร์ไปกับเขาด้วย  เมื่อเจ้านายของเขาเสียชีวิต  ปีแอร์สมัครที่จะอยู่รับใช้ครอบครัวของเจ้านายในฐานะทาสต่อไป  และทำหน้าที่เป็นช่างตัด-แต่งผม เพื่อหาเงินให้ครอบครัวนี้เป็นเวลานานถึง 20 ปี  ต่อมาในปี 1807 ภรรยาของเจ้านายได้เจ็บป่วย  และก่อนจะเสียชีวิต  เธอได้ปล่อยปีแอร์ให้เป็นอิสระ  ปีแอร์ได้แต่งงานกับจูเลียตซึ่งเป็นทาสเช่นเดียวกัน  ทั้งสองอุทิศตนเพื่อดูแลเด็กกำพร้าผิวดำ  ในเวลาเดียวกันปีแอร์ก็พยายามช่วยเหลือทาสด้วยการใช้เงินเพื่อไถ่ตัวของทาส  เขาช่วยดูแลผู้เจ็บป่วยด้วยโรคท้องร่วงหรือโรคไข้เหลือง  ในนิวยอร์กผู้คนต่างรู้จักปีแอร์ในฐานะมีใจบุญสุนทาน  เขาได้บริจาคเงินเพื่อช่วยสร้างโบสถ์ เซนต์แพททริก  และทุกๆวันตลอด 70 ปี  เขาจะร่วมพิธีมิสซาที่โบสถ์คาทอลิกเก่าแก่ของเมือง  โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ที่อยู่ชานเมืองแมนฮัตตัน  เขาเสียชีวิตในปี 1853  มีคนนับพันมาร่วมพิธีศพของเขาด้วยความอาลัยรัก  มีผู้คนทั้งผิวขาว  ผิวดำ  คาทอลิก และโปรแตสแตนท์  ในปี 1996 พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ทรงสถาปนาปีแอร์ขึ้นเป็น “ผู้ควรเคารพ” Venerable  ศพของเขาถูกย้ายไปอยู่ใต้พระแท่นของอาสนวิหารเซนต์แพททริก(William J. Bausch, Once Upon A Gospel, p. 326)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น