พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2024 พระเยซูทรงรักษาคนตาบอด

           พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์ ขณะที่พระองค์เสด็จออกจากเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์และประชาชนจำนวนมาก บารทิเมอัสบุตรของทิเมอัส คนขอทานตาบอดนั่งอยู่ริมทาง เมื่อได้ยินว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธกำลังเสด็จผ่านมา เขาเริ่มส่งเสียงร้องตะโกนว่า “ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิด เจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” หลายคนดุเขาให้เงียบ แต่เขากลับตะโกนดังยิ่งกว่าเดิมว่า “พระโอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” พระเยซูเจ้าทรงหยุด ตรัสว่า “ไปเรียกเขามาซิ” เขาก็เรียกคนตาบอดพลางกล่าวว่า “ทำใจดี ๆ ไว้ ลุกขึ้น พระองค์กำลังเรียกเจ้าแล้ว” คนตาบอดสลัดเสื้อคลุมทิ้ง กระโดดเข้าไปเฝ้าพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านอยากให้เราทำอะไรให้” คนตาบอดทูลว่า “รับโบนีให้ข้าพเจ้าแลเห็นเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ไปเถิด ความเชื่อของท่านได้ช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว” ทันใดนั้น เขากลับแลเห็นและเดินทางติดตามพระองค์ไป
(มาระโก 10:46-52)








วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ทำไมพระเป็นเจ้าไม่ทำลายปีศาจให้สูญสิ้นไป

คำถาม :  คุณพ่อฟอร์ทีคะ  ทำไมพระเป็นเจ้าไม่ทำลายปีศาจให้หมดไปเสียเลยล่ะคะ?
คุณพ่อฟอร์ที  : ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเป็นเจ้า  พระองค์จึงไม่ประสงค์ที่จะทำลายสิ่งสร้างที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดซึ่งพระองค์ทรงสร้างมา  ซึ่งก็รวมทั้งปีศาจด้วย  การที่ปีศาจยังคงอยู่  จะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงพระยุติธรรมของพระเป็นเจ้า  เป็นการประกาศว่ากฎเกณฑ์ของพระเป็นเจ้านั้นจะล่วงละเมิดมิได้  ผู้ใดที่ล่วงละเมิดกฎของพระองค์จะเปลี่ยนแปลงสภาพของตนเอง  และถ้าเขายังคงเลือกที่จะไม่สำนึกผิดกลับใจในการทรยศนั้น  สภาพที่เปลี่ยนแปลงไปก็จะคงอยู่นิรันดร  เหมือนดังตัวอย่างของปีศาจ  พวกมันเป็นข้อพิสูจน์ที่น่าเกรงขามของกฏระเบียบอันศักดิ์สิทธิ์นี้
ในอีกแง่หนึ่ง  แม้แต่ปีศาจซึ่งถูกสร้างให้สมบูรณ์เพียบพร้อม  ก็ไม่สามารถทำลายความงดงามในการสร้างสรรค์ของพระเป็นเจ้าด้วยความน่าเกลียดของพวกมันได้  แต่กลับทำให้เรามองเห็นความงดงามของพระหัตถกิจของพระเป็นเจ้ามากยิ่งขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับความน่าเกลียดของพวกมัน  อาสนวิหารคงจะไม่ดูสวยงามมากขึ้นถ้าเราเอารูปปั้นการ์กอย (รูปปั้นผีปีศาจ) ที่ประดับอยู่นั้นออกไป   ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว  ปีศาจแสดงให้เราเห็นถึงพระยุติธรรม, ความศักดิ์สิทธิ์และพระปรีชาญาณของพระเป็นเจ้าในการสร้างสรรค์สรรพสิ่งอย่างมีระเบียบเช่นนี้  จะเป็นการดีกว่าที่จะไม่มีบาปและความชั่วร้ายเข้ามาสู่สิ่งสร้างของพระองค์  อย่างไรก็ตามการมีอยู่ของปีศาจก็สามารถชี้ให้เห็นได้ว่า  อะไรที่เป็นความดี, ความจริง, ความสวยงามและความศักดิ์สิทธิ์  แม้แต่อาสนวิหารที่ยิ่งใหญ่ซึ่งมีหอคอยสูงลิ่วและสลักเสลาอย่างสวยงาม  ก็ยังมีบางมุมที่มืดทึบ  สำหรับปีศาจแล้ว  แม้กาลเวลาผ่านไปเป็นศตวรรษๆๆๆ  มันก็ไม่มีความหวัง  ไม่ต้องสงสัยเลย  ในความสิ้นหวังและเต็มไปด้วยความเศร้านี้  ถ้าหากมันสามารถทำลายตัวเองหรือฆ่าตัวตายได้  มันต้องทำอย่างแน่นอนเพื่อจะได้พ้นจากความทุกข์ของพวกมัน  แต่พวกมันเป็นจิตบริสุทธิ์  ชีวิตของปีศาจจึงไม่สามารถทำลายได้  จิตบริสุทธิ์ไม่มีอวัยวะ  ไม่สามารถใช้ยาพิษทำลาย  มันไม่หิวโหย  และไม่สามารถตายเพราะความโศกเศร้าได้  ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม  มันก็ยังมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร
อย่างไรก็ตาม  ดังที่กล่าวไว้  แม้ว่าปีศาจจะทนทุกข์ทรมานไปตลอดชั่วนิรันดร  แม้ว่าพวกมันจะไม่สำนึกและตระหนักว่า  การคงอยู่ของพวกมันเป็นพระพรของพระเป็นเจ้า  และแม้ว่ามันจะยังกระทำการด้วยความเกลียดชังซ้ำแล้วซ้ำเล่า และอยู่ห่างไกลจากพระเป็นเจ้า  สิ่งที่มันรับรู้และมีประสบการณ์ก็คือธรรมชาติของการดำรงอยู่ไม่สามารถตายได้นั้น  เป็นธรรมชาติที่พิเศษของพวกมัน

วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

พระสันตปาปาฟรานซิสเสด็จฯเยือนเอกวาดอร์


พระสันตปาปาฟรานซิสเสด็จฯเยือนเอกวาดอร์สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเริ่มพระกรณียกิจในลาตินอเมริกาตลอดทั้งสัปดาหืนี้ ด้วยการเสด็จฯเยือนเอกวาดอร์เป็นประเทศแรกวันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม 2015 เวลา 7:38 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกีโต ประเทศเอกวาดอร์ เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2015 ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เสด็จฯโดยเครื่องบินโดยสารของสายการบินอลิตาเลีย ถึงยังท่าอากาศยานนานาชาติมาริสคัลซูเคร ในกรุงกีโต เมื่อวันอาทิตย์ โดยมีประธานาธิบดีราฟาเอล กอร์เรีย ผู้นำเอกวาดอร์ เฝ้ารับเสด็จ ขณะที่สำนักวาติกันออกแถลงการณ์เกี่ยวกับรายละเอียดของพระกรณียกิจของโป๊ปฟรานซิสในครั้งนี้ ว่าเกี่ยวกับการรณรงค์เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และการแก้ไขปัญหาความยากจนในลาตินอเมริกา และการเสด็จฯเยือนเอกวาดอร์ของพระองค์ในครั้งนี้ถือส่วนหนึ่งของพระกรณียกิจในการเสด็จเยือนทวีปอเมริกาใต้เป็นเวลา 7 วัน ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ของโป๊ปฟรานซิส นับตั้งแต่การเสด็จฯเยือนบราซิลเมื่อปี 2556 แต่ถือเป็นการเสด็จฯเยือนเอกวาดอร์เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ทศวรรษของสมเด็จพระสันตะปาปา ซึ่งครั้งล่าสุดเป็นการเสด็จฯเยือนของสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอล ที่ 2 เมื่อปี 1985

วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

An Exorcist Tells His Story 3/3

คุณพ่อกาเบรียล เอมอร์ท Fr Gabriele Amorth เป็นพระสงฆ์ผู้พิธีขับไล่ปีศาจแห่งกรุงโรม  ท่านเคยทำพิธีนับร้อยครั้งในหลายปีที่ผ่านมา  ท่านเป็นผู้เขียนหนังสือขายดีชื่อ An Exorcist Tells His Story  และ An Exorcist: More Stories.  บทความข้างล่างนี้กล่าวถึง “อำนาจของซาตาน” โดยนำมาจากหนังสือ An Exorcist Tells His Story (pages 25-36)
........อ่านต่อ