พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม 2024 เตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าสัปดาห์ที่ 4

           หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใด ๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำไมหนอพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า จึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่พระเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง”
(ลูกา 1:39-45)








วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2559

ภาพโมเซอิคแม่พระแห่งน็อค


ภาพโมเซอิคที่ใช้กระเบื้องโมเสคจำนวน 1.5 ล้านชิ้นมาประกอบกันกลายเป็นรูปภาพการประจักษ์ของแม่พระแก่คน 15 คนในประเทศไอร์แลนด์ ในปี 1879  ภาพนี้แสดงอยู่ในอาสนวิหารแห่งน๊อคในไอร์แลนด์
รูปภาพมีขนาด 46 x 46 ฟุต  ในพิธีมิสซาวันอาทิตย์ที่มีการเปิดผ้าคลุมรูปภาพ  พระอัครสังฆราช แห่งตวม( Tuam)  Michael Neary กล่าวว่า “เราขอขอบพระคุณพระเป็นเจ้าสำหรับวันอันน่ามหัศจรรย์นี้เมื่อเราเปิดผ้าคลุมรูปภาพโมเซอิคที่สวยงาม  ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการประจักษ์ของแม่พระได้อย่างงดงามที่สุด”
การประจักษ์เกิดขึ้นเมื่อเย็นวันที่ 21 สิงหาคม 1879  เมื่อคน 15 คนที่โบสถ์แห่งน็อคได้เห็นแม่พระ  นักบุญยอแซฟ  และนักบุญยอห์นอัครสาวกยืนอยู่ข้างๆพระแท่นที่รายล้อมด้วยเทวดาแห่งสวรรค์  มีไม้กางเขนและลูกแกะอยู่บนพระแท่น
หลังจากได้รับการรับรองจากวาติกันของความน่าเชื่อถือได้แล้ว  สื่อสารมวลชนก็ได้รายงานเรื่องราว  และน็อคก็ได้กลายเป็นสถานที่แสวงบุญสำคัญแห่งหนึ่งของโลก  ทุกวันที่จะมีผู้แสวงบุญราว 1.2 ล้านคนมาที่นี่ทุกปี

วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2559

ภาพของนรก


ซิสเตอร์ลูซีอา แห่งฟาติมา ได้เขียนในหนังสือของเธอที่ชื่อ  Memoirs: ไว้ดังนี้
“พระนางพรหมจารีย์มารีย์ทรงกางพระหัตถ์ออกอีกครั้งหนึ่ง  เหมือนที่ทรงกระทำเมื่อเดือนที่ผ่านมา  มีรังสีแสงส่องออกมาจากพระหัตถ์ของพระนางทะลุลงไปที่พื้นดิน  แล้วพวกเราก็เห็นทะเลไฟที่กว้างใหญ่  ภายในทะเลไฟนี้  พวกเราเห็นปีศาจและวิญญาณมากมาย (วิญญาณที่ถูกสาปแช่ง)    วิญญาณเหล่านี้ดูเหมือนกับแท่งอำพันที่กำลังถูกเผาจนโปร่งใส  วิญญาณทั้งหมดเป็นสีดำหรือไม่ก็สีบรอนซ์ไหม้ในรูปร่างของมนุษย์  พวกเขากำลังลอยไปมาในทะเลไฟนี้  ตอนนี้พวกเขาถูกโยนขึ้นไปบนอากาศด้วยพลังของเปลวไฟที่เผาไหม้อยู่ภายในตัวและกลุ่มควันที่หนาแน่น  แล้วตอนนี้พวกเขาก็ตกลงมาในทุกทิศทางเหมือนกับสะเก็ดไฟที่ฟุ้งกระจายในกลุ่มไฟที่ใหญ่โต  ไม่มีน้ำหนักหรือมีสมดุลเลย  พวกเขากรีดร้องและโอดครวญด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวัง  ภาพนี้ทำให้พวกเราอกสั่นขวัญแขวนและหวาดกลัว (ทำให้ฉันกรีดร้องออกมา  ตามที่ประชาชนที่มาชุมนุมนั้นเล่าว่าได้ยินพวกเรากรีดร้อง)  ปีศาจมีลักษณะที่แตกต่างออกไป (แตกต่างจากวิญญาณที่ถูกสาปแช่ง)  พวกมันมีรูปลักษณ์ที่น่ากลัวคล้ายกับสัตว์ประหลาดที่ไม่มีใครรู้จัก  เป็นสีดำและโปร่งใสเหมือนถ่านที่ถูกเผาจนแดง  ภาพนิมิตนี้เกิดขึ้นชั่วเวลาหนึ่ง  ต้องขอบพระคุณพระมารดาสวรรค์ของเรา  ที่ทรงสัญญาในการประจักษ์ครั้งแรกว่าจะทรงนำพวกเราไปสวรรค์  มิฉะนั้นแล้ว  ฉันคิดว่าพวกเราคงจะต้องตายไปในเวลานั้นด้วยความกลัวแน่ๆ
แม่พระตรัสว่า “ลูกได้เห็นนรกที่ซึ่งวิญญาณของคนบาปที่น่าสงสารต้องไปอยู่แล้ว  เพื่อช่วยเหลือพวกเขา  พระเป็นเจ้าทรงปรารถนาให้สถาปนาความศรัทธาต่อดวงหทัยนิรมลของแม่ในโลกนี้”

วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559

เมดจูกอเรจ์จะฉลองครบ82ปีของการสร้างกางเขน


วันที่ 16 มีนาคม 2016 เมดจูกอเรจ์จะฉลองครบ 82 ปีของการสร้างกางเขนบนภูเขาครีซาวัค Križevac และฉลองการทำพิธีมิสซาครั้งแรกภายใต้กางเขนนี้
            ความคิดในการสร้างกางเขนบนภูเขามาจากวาติกัน  โดยพระสันตะปาปาปีโอที่ 11 ประสงค์จะสร้างกางเขนบนภูเขาทั่วโลกในโอกาสครบ 1900 ปีของการสิ้นพระชนม์ของพระคริสตเจ้า  และผู้หนึ่งที่ตอบสนองพระประสงค์ของพระสันตะปาปาก็คือคุณพ่อ เบอร์นาดีน Fr. Bernardin Smoljan ซึ่งเป็นพระสงฆ์ในสังฆมณฑลเมดจูกอเรจ์  ท่านได้ประกาศแผนการก่อสร้างกางเขนแก่คนในสังฆมณฑลของท่านในเดือนมกราคม 1934  และทุกคนก็ตอบรับแผนการนี้ในทันที  แต่ละคนแบกปูนที่จะใช้สร้างกางเขนขึ้นไปบนภูเขาด้วยถัง  เป็นงานที่หนักมากซึ่งทุกคนช่วยกันทำอย่างเต็มกำลัง  ในที่สุดงานก็สำเร็จภายในหนึ่งเดือน  และวันที่ 16 มีนาคม 1934  พระสงฆ์ก็เสกกางเขนและประกอบพิธีมิสซาที่ใต้กางเขนนี้เป็นครั้งแรก

วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2559

ผลงานที่ถูกซ่อนไว้


             ผลงานศิลปะทางศาสนาที่ถูกซ่อนไว้ได้เปิดเผยออกมาเมื่อมีการบูรณะซ่อมแซมโบสถ์ที่ประสูติของพระเยซู Church of the Nativity
            หนังสือพิมพ์ Time of Israel  ได้รายงานว่า  ผลงานศิลปะชิ้นนี้ทำด้วย ทองแดง เงิน  เปลือกหอย และหิน  มันถูกปิดทับด้วยปูนปลาสเตอร์และพบอยู่ใกล้หน้าต่างของโบสถ์ซึ่งสร้างขึ้นโดยคำสั่งของจักรพรรดิคอนสแตนตินและพระมารดาของพระองค์  ราชินีเฮเลนา ในคริสต์ศตวรรษที่ 4  เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ผลงานศิลปะนี้ถูกทำความสะอาดแล้ว  แต่จะยังไม่เปิดให้ชม และไม่มีรูปภาพใด  Ziad al-Bandak ชาวปาเลสไตน์ , ประธานที่ปรึกษาของ Christian Affairs กล่าวว่า “ผลงานศิลปะชิ้นนี้เป็นวัตถุทางศาสนาและประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่ามาก”
            โบสถ์ที่ประสูติของพระเยซูถูกสร้างขึ้นปกคลุมถ้ำที่พระเยซูทรงบังเกิด  ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งของคริสตศาสนา  ปัจจุบันถูกขึ้นบัญชีโดยยูเนสโกว่าเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหาย  โบสถ์ไม่ได้รับการบูรณะซ่อมแซมเป็นเวลานานและต้องใช้เงินจำนวนมากในการบูรณะให้อยู่ในสภาพดี
            จนกระทั่งเมื่อสองปีที่แล้ว  มีน้ำรั่วซึมจากหลังคาที่แตก  ทำให้แผ่นหินโมเซอิกภายในเสียหายจึงได้มีการซ่อมแซมใหม่เป็นครั้งแรก  จากที่ไม่ได้มีการแตะต้องมานานนับพันปี 
            แหล่งเงินทุนในการซ่อมแซมได้มาจากหลายแหล่ง  ได้แก่ จากส่วนเอกชนปาเลสไตน์  โรมันคาทอลิก  กรีกออร์โธดอกซ์ และโบสถ์อาร์เมเนียน  และเงินทำบุญจากประเทศอื่นๆ
            Al-Bandak กล่าวว่า “เงิน 8 ล้านดอลลาร์ถูกใช้ไปแล้ว  และยังต้องการเงินอีก 11 ล้านดอลลาร์เพื่อดำเนินงานต่อ  โครงการนี้คงใช้เวลานานอย่างน้อย  3 ปี  เฟสแรกเสร็จเรียบร้อยแล้ว  เรามีความภูมิใจมากที่ได้ปกป้องทรัพย์สมบัติของชาติ ปกป้องประวัติศาสตร์ของเรา  และปกป้องอนาคตของเรา”

วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

นักบุญ-4

ถ้าจะมีคำใดที่ใช้บรรยายชีวิตของ น. ปีเตอร์ จูเลียน เอียมาร์ด Saint Peter Julian Eymard ได้แล้วก็คงเป็นคำว่า “เข็นครกขึ้นภูเขา” นั่นแหละ
>>>อ่านต่อ