พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม 2024 เตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าสัปดาห์ที่ 4

           หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใด ๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำไมหนอพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า จึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่พระเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง”
(ลูกา 1:39-45)








วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ซามูไรนักบุญ


สารคดีเรื่องนี้มีชื่อว่า "Ukon the Samurai,” จะนำออกฉายเมื่อพระสันตปาปาฟรังซิสจะทรงแต่งตั้งให้ ทาคายามา  ยูคอน ผู้เป็นซามูไรชาวญี่ปุ่นให้เป็นมรณสักขี  สารคดีจะเสนอชีวประวัติของยูคอนซึ่งครั้งหนึ่งเป็นซามูไรที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่นและเขาเป็นคริสตชนด้วย
            ยูคอนเกิดในปี 1552 เขาเปลี่ยนศาสนาเป็นคริสตชนและดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของบิดาของเขาและทำภารกิจของนักบุญฟรังซิส เซเวียร์  ในฐานะที่เป็นอาจารย์ในพิธีชงชาและเป็นอาจารย์ซามูไร ทำให้ยูคอนได้รับการสนับสนุนมากมายจากคริสตชนในยุคนั้น
LIA BELTRAMI ผู้อำนวยการสร้างสารคดี กล่าวว่า
“ไดเมียวหลายคนซึ่งเป็นเจ้าเมืองได้กลับมาเป็นคริสตชน และทาคายามา ยูคอนก็เป็นเจ้าเมืองด้วย...ดังนั้นคนที่อยู่ในการปกครองของเขาจึงมาเป็นคริสตชนทั้งหมด”
อย่างไรก็ตาม  ในไม่ช้ายูคอนถูกเนรเทศออกจากญี่ปุ่นในสมัยที่มีการเบียดเบียนคริสตชนอย่างรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น  เขาถูกเนรเทศไปอยู่ฟิลิปปินส์ และที่นั่นเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำคริสตชนที่ยิ่งใหญ่
 “ที่ฟิลิปปินส์ ทาคายามา ยูคอนได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคคลที่ศักดิ์สิทธิ์  คริสตชนฟิลิปปินส์ทุกคนรู้เรื่องของเขาดียิ่งกว่าในญี่ปุ่นเสียอีก”
ยูคอนมีความปรารถนาที่จะตายเยี่ยงมรณสักขี  แทนที่จะทำฮาราคีรีด้วยดาบเช่นซามูไร  ยูคอนยอมถูกเนรเทศ  และเขาเสียชีวิตด้วยโรคในเวลา 40 วันต่อมา
Lia Beltrami ผู้อำนวยการสร้างสารคดีนี้หวังจะเผยแพร่เรื่องราวของยูคอนเพื่อปลุกเร้าใจเยาวชนชาวญี่ปุ่นในสมัยนี้ซึ่งกำลังต่อสู้ด้วยความเชื่อของเขา  สารคดีคงจะออกฉายในปีหน้า เมื่อการพิจารณาแต่งตั้งยูคอนเสร็จสิ้นแล้ว

วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เรือโนอาห์


นายโจฮัน Johan Hvibers ช่างไม้ชาวเนเธอร์แลนด์ได้สร้างเรือโนอาห์ที่มีขนาดและสัดส่วนตามพระคัมภีร์ ยาว 123 มตร สูง 23 เมตร และกว้าง 29 เมตร เป็นเรือไม้ที่สามารถลงน้ำได้ และเขาตั้งใจจะแล่นเรือจากเนเธอร์แลนด์ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปสิ้นสุดที่ประเทศบราซิล 

วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

พระสันตปาปาฟังสารภาพบาป



พระสันตปาปาฟรังซิส ฟังสารภาพบาปเยาวชน 16 คน ที่มาจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์เมื่อวันเสาร์ที่ 23 เม.ย. 2016

วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

นิมิตของนักบุญโฟสตินา3


ดิฉันเห็นถนนสองสาย สายหนึ่งกว้าง และพื้นปกคลุมด้วยทรายและดอกไม้ 
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2559

ทำไมเด็กติดเกมส์

ในการประจักษ์ที่เมดจูกอเรจ์  แม่พระเคยเตือนว่าปีศาจต้องการทำลายวิญญาณของเด็กและครอบครัวมากที่สุด  เกมส์ในคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ปีศาจใช้ในการหันเหความสนใจของเด็กให้ออกห่างจากพระเป็นเจ้า  เกมส์มีประสิทธิภาพมากในการดึงดูดเด็กๆ  มันทำให้เด็กติดเกมส์  เพราะเกมส์ออกแบบมาเพื่อให้เด็กติด  เด็กจะละทิ้งเกมส์ไปไม่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว  มิฉะนั้นผู้เล่นจะแพ้  นี่เป็นกลยุทธชั้นยอด  และเด็กๆก็ไม่รู้ตัวถึงเล่ห์กลของมัน  พวกเขาต้องการเล่นเกมส์  และนี่เป็นปัญหาไม่ใช่แต่เด็กเท่านั้น  ผู้ใหญ่บางคนก็ติดเกมส์ด้วย  มันแพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วและทำกำไรมหาศาลให้ผู้ออกแบบเกมส์ทั้งหลาย.......>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559

คุณพ่อปีโอ:นักบุญผู้ได้รับรอยแผลศักดิ์สิทธิ์


ชื่อของท่านคือฟรานเชสโก ท่านเกิดวันที่ 25 พ.ค. 1887 บิดามารดาซึ่งเป็นคริสตชนไม่ประหลาดใจเลยที่ท่านตัดสินใจบวชเป็นนักพรตคาปูชิน และเมื่อท่านอายุ 23 ปี ท่านก็ได้บวชเป็นพระสงฆ์
ท่านไม่สามารถเข้าคณะได้นานถึง 6 ปี เนื่องด้วยปัญหาทางสุขภาพ  แต่เมื่อท่านได้เข้าอารามของคณะซึ่งตั้งอยู่ที่ซานจีโอวานนี รอตตอนโด  ภารกิจหลักของท่านก็คือการฟังแก้บาปซึ่งท่านต้องใช้เวลานานถึงวันละ 14 ชั่วโมง
ฟรานเชสโก ดิเลโอ: นักพรตในคณะคาปูชิน
ท่านดำเนินชีวิตนักบวชอย่างศักดิ์สิทธิ์  ท่านประพฤติปฏิบัติคุณธรรมของชีวิตนักบวชอย่างลึกซึ้ง  แสดงให้โลกเห็นถึงความเป็นนักบุญที่ยิ่งใหญ่ของท่านในการปฏิบัติรับใช้พระเป็นเจ้าและเพื่อนมนุษย์
แต่พระเป็นเจ้าทรงเรียกร้องจากท่านมากกว่านั้น  ในปี 1918 เมื่อท่านมีอายุ 31 ปี  มือของท่านและสีข้างของท่านก็เริ่มมีรอยแผลแบบเดียวกับพระคริสต์ผู้ทนทุกข์อยู่บนกางเขน  ถูกตะปูตอกที่พระหัตถ์และถูกหอกแทงที่สีข้าง
ฟรานเชสโก ดิเลโอ: นักพรตในคณะคาปูชิน
ท่านยอมรับการมีส่วนร่วมในพระมหาทรมานของพระคริสตเจ้า  แต่ท่านไม่จำเป็นต้องมีเครื่องหมายภายนอกเหล่านั้น  ท่านพูดว่า “ทำไมผมจึงต้องได้รับความสับสนเหล่านั้นด้วยเล่า?”  เพราะท่านรู้ว่า  ผู้คนรอบข้างท่านจะมีความคาดหวังในรอยแผลที่ท่านได้รับ”
คุณพ่อปีโอได้รับผลสืบเนื่องจากรอยแผลบนร่างกายของท่าน  ท่านต้องคอยดูแลผู้คนที่มาที่ซานจีโอวานนีรอตตอนโด  และมีอัศจรรย์เกิดขึ้น  และท่านก็ได้รับจดหมายนับร้อยๆฉบับที่เขียนมาขอความช่วยเหลือจากท่าน
จดหมายมีมากมายจนบรรดาเพื่อนนักพรตของท่านต้องมาช่วยท่านอ่านพวกมันทั้งหมด  ท่านไม่ได้พักผ่อนมากนัก  แต่ท่านก็ยังมีความสุข  และเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนที่อาจเป็นไปได้  ทางวาติกันได้ขอให้ท่านไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณชน  และท่านก็เชื่อฟัง
11 ปีต่อมา  พระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ทรงอนุญาตให้ท่านปฏิบัติภารกิจในที่สาธารณะได้  และท่านก็ต้อนรับผู้ที่เป็นคาทอลิกและไม่เป็นคาทอลิก
ฟรานเชสโก ดิเลโอ: นักพรตในคณะคาปูชิน
เล่ากันว่า ชายคนหนึ่งที่มาพบกับคุณพ่อปีโอเพื่อมาช่วยในงานก่อสร้างโรงพยาบาล  เขาเป็นหมอหรือเป็นวิศวกรนี่แหละ  เขาพูดว่า “ผมไม่เชื่อในพระเจ้า” และคุณพ่อปีโอตอบว่า “ไม่ต้องวิตกหรอก  พระเป็นเจ้าทรงเชื่อในตัวคุณ”
ทุกวันนี้ ผู้คนยังจดจำคุณพ่อปีโอและเฉลิมฉลองให้ท่าน  แบบอย่างของท่านและคำพูดของท่านยังคงอยู่ในความทรงจำของผู้ที่ศรัทธาในตัวคุณพ่อ  นอกเหนือไปจากเหตุการณ์พิเศษในชีวิตของคุณพ่อปีโอแล้ว  ก็คือความเรียบง่ายและความเอาใจใส่ต่อผู้อื่นของคุณพ่อที่ยังเป็นแรงบันดาลใจแก่ประชาชนในทุกวันนี้

วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2559

พระสงฆ์บนเรือไททานิก


เรื่องการจมลงของเรือไททานิคซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเรือที่ไม่มีวันจมในยุคศตวรรษที่ 19  เป็นข่าวใหญ่ครึกโครมไปทั่วยุโรปและสหรัฐอเมริกา  ในระหว่างเหตุการณ์ที่เรือกำลังจมลงสู่ทะเลลึกนี้  ก็มีเหตุการณ์น่าประทับใจของ คุณพ่อ โทมัส ไบรย์  (Fr. Thomas Byles)พระสงฆ์คาทอลิกผู้ยอมสละที่นั่งในเรือกู้ชีพเพื่อทำหน้าที่อภิบาลจิตใจของบรรดาผู้โดยสารและลูกเรือที่ยังคงอยู่บนเรือไททานิคและกำลังหวาดกลัวในเวลาที่ความตายกำลังใกล้เข้ามาทุกที
คุณพ่อ โทมัส ไบรย์  เวลานั้นมีอายุ 42 ปี  ท่านเป็นชาวอังกฤษที่กลับใจมาเป็นคาทอลิกและได้บวชเป็นพระสงฆ์  ท่านได้รับเชิญให้ไปเป็นประธานในพิธีมิสซางานแต่งงานของวิลเลี่ยม  ผู้เป็นพี่ชายของท่าน ซึ่งอาศัยอยู่ที่นิวยอร์ก  สหรัฐอเมริกา  และท่านก็ได้เดินทางไปสหรัฐอเมริกาบนเรือไททานิค  ตามรายงานข่าว  เรือไททานิคได้ชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งในวันอาทิตย์ ที่ 14 เมษายน 1912  เวลากลางคืน  ความสับสนอลหม่านเกิดขึ้น  ผู้โดยสารขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ  คุณพ่อโทมัสก็อยู่บนดาดฟ้าเรือในเวลานั้นด้วย  เรือกู้ชีพถูกหย่อนลงในทะเล  และคุณพ่อก็ช่วยเหลือสตรีและเด็กๆให้ลงไปในเรือกู้ชีพก่อน  ต่อมาท่านหันไปหาผู้โดยสารอื่นๆ  ฟังพวกเขาสารภาพบาปทีละคน  ให้ศีลอภัยบาปและนำสวดสายประคำ
อักเนส  แมคคอย Agnes McCoy  หนึ่งในผู้โดยสารที่รอดชีวิต เล่าให้ฟังว่า  ขณะที่เรือกำลังจมลง  คุณพ่อโทมัส “ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือพร้อมกับคริสตชนคาทอลิก  โปรแตสแตนท์และชาวยิว  ทุกคนคุกเข่าลงรอบๆท่าน”
“คุณพ่อไบรย์สวดสายประคำและสวดภาวนาบทส่งวิญญาณผู้เสียชีวิต”  เธอเล่าให้หนังสือพิมพ์นิวยอร์กเทเลแกรม เมื่อวันที่ 22 เมษายน 1912 
และตามคำบอกเล่าของเพื่อนพระสงฆ์ของคุณพ่อโทมัส ไบรย์  คือคุณพ่อ แพทริก  แมคเคนน่า Fr. Patrick McKenna เล่าว่า คุณพ่อโทมัส “ปฎิเสธสองครั้งที่จะนั่งในเรือกู้ชีพ  ท่านบอกว่าเป็นหน้าที่ของท่านที่จะต้องอยู่บนเรือใหญ่เพื่ออภิบาลช่วยเหลือวิญญาณที่ต้องการความช่วยเหลือจากท่าน”